Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

425

 

"Domestic Plays"

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "ดีดขึ้นก่อนผันผวน" ต้าน 1373/1375 จุด รับ 1352/1345 จุด ดัชนี S&P500 ปิดทรงๆ ถ่วงจากหุ้น Tech ในส่วน Nvidia ที่ปรับฐาน ขณะที่หุ้น Value ประคองตลาด หลัง GDP 2Q24 สหรัฐ (ครั้งที่ 2) เพิ่มสู่ 3%q-q vs prev. 2.8% ยอดผู้รับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ดีกว่าคาดเล็กน้อย ช่วยยอด Avg. 4 weeks อ่อนลง 4 สัปดาห์ติด มองประคองไม่ให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ใน 2H24 บวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนภายในการฟื้นตัวจำกัด ก่อนผันผวนท้ายตลาด การปรับน้ำหนักดัชนี MSCI มีผลช่วงปิด เม็ดเงินเป็น Outflows (หุ้นที่หลุดจาก MSCI Global Standard คือ GPSC, AWC, IVL, EA) ทั้งนี้ เชิงกลยุทธ์แนะนำให้อยู่ฝั่งซื้อ มองมีโอกาสที่ไทยจะถูกลดน้ำหนักรอบท้ายๆ หลังตั้งแต่ ก.ค. 24 หุ้นไทย Outperform หุ้นนำดัชนีวันนี้มอง กลุ่มน้ำมันและธนาคาร หลังน้ำมัน +1.7% และ Yield ฟื้นขึ้นหลังเศรษฐกิจสหรัฐดีกว่าคาด กลุ่มอยู่ใน Ecosystem ของการที่ไทยจะเป็น Infra Tech โดยเฉพาะ กลุ่มสื่อสาร เด่นจากประเด็น Microsoft จะมาจับมือเป็นพันธมิตรในประเทศสร้าง Hyperscale Data Center ค้าปลีกที่มี SSSG เด่น วันนี้แนะนำ ADVANC, TRUE, BJC

 

Daily outlook: "ดีดขึ้นก่อนผันผวน" ต้าน 1373/1375 จุด รับ 1352/1345 จุด

What happened around the world ?

(*) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อวาน +- 0.5% อิง Dow Jones +0.59%d-d( American Express + 1.07%, Goldmansach +1.35% , Intel +2.65%), ดัชนี S&P500 -0.0%d-d, Nasdaq -0.21%d-d โดยดัชนี S&P 500 ปรับขึ้นกลุ่มที่ขึ้นเด่นคือ Energy, Financials, Industrials, Materials ฯลฯ กลุ่มที่ปรับลงและกดดัชนีคือ IT, Consumer staples ฯลฯ หุ้นที่เคลื่อนไหวเด่น คือ NVDIA -6.38% แรงกดดันจากวันก่อน แต่(After hour +0.6% ) Apple + 1.5% จากมุมมองตลาดมองบวกต่อ Apple & NVDIA กำลังเจรจาเพื่อลงทุนในบริษัท OpenAI , Crowdstrike +2.8% หลังจากบริษัทเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาส 2 ฯลฯ

(+) US Econ: สหรัฐประกาศ GDP 2Q24 (ครั้งสุดท้าย) ขยายตัว 3% ปรับขึ้นจากประมาณการณ์ครั้งที่ 2 ที่ขยายตัว 2.8% และดีกว่า 1Q24 ที่ขยายตัว 1.4% หลักๆ มาจากการปรับขึ้นของตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคจากเดิม 2.3% เป็น2.9% ในขณะเดียวกันสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 231,000 คน แต่ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 233,000 คน และน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 232,000 คน ตัวเลข GDP ที่ออกมาดี และ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลงช่วยเพิ่มความหวังให้กับตลาดและมีความเป็นไปได้สูงที่สหรัฐจะรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) เราคงมุมมองเดิมโดยคาดเศรษฐกิจสหรัฐจะเป็นไปในทิศทางแบบ Soft landing คือ เงินเฟ้อทยอยลดลง, เฟดทยอยลดดอกเบี้ยโดยที่เศรษฐกิจยังมีเสถียรภาพเป็นจิตวิทยาบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้น

(*/+) Vietnam Stocks : ธนาคารกลางเวียดนามประกาศขยายโควตาปล่อยสินเชื่อสำหรับปี 2024 แก่ธนาคารที่ได้ปล่อยสินเชื่อไปแล้วเกินกว่า 80% ของโควตาเดิม คาดจะทำให้ธนาคารพาณิชย์ในประเทศ จะขยายการปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น KSS มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นเวียดนาม เชิงกลยุทธยังแนะนำ Slightly Overweight สะสมกองทุนหุ้นเวียดนามสะท้อนระดับ PE 12m Fwd ที่เพียง 12.1x ถือว่าค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับการเติบโตที่ยังคงมีแนวโน้มสูง และบวกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจเชื่อมโยงในเวียดนาม อาทิ SNNP

(*) To monitor : 30 ส.ค. ติดตามเงินเฟ้อ PCE ก.ค. คาด +0.2%m-m, +2.7%y-y ฝั่งจีน 30 ส.ค. PBOC ประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี คาดคงไว้ทั้งอายุ 1 ปี และ 5 ปี ที่ระดับ 3.35% และ 3.85% ตามลำดับ ฝั่งญี่ปุ่น 30 ส.ค. ติดตามดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม ก.ค. ดาด +3.9%m-m vs prev. -4.2%m-m

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐ อายุ 2 ปีปรับขึ้น 3 bps ที่ 3.89% และอายุ 10 ปี +3 ปิด 3.868% ส่วน Dollar Index แกว่งตัวใบริเวณ 101.3 จุด

(*) Oil : ราคาน้ำมันดิบ Rebound น้ำมันดิบ Brent +1.64%d-d ปิดที่ US$ 79.94/barrel น้ำมันดิบ West Texas +1.87%d-d ปิดที่ US$ 75.91/barrel หนุนจากข่าว US GDP สหรัฐออกมาแกร่ง มองเป็นจิตวิทยาบวกหนุนต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ PTT, PTTEP

(-) World Container Index : WCI ปรับลง 6 สัปดาห์ติด สัปดาห์ล่าสุด -3%w-w) อยู่ที่ 5,181เหรียญต่อ 40 ft และปรับลงต่อเกือบทุกเส้นทางเรือ แรงกดดันหลักๆมาจากความตึงเคร่ยดในะตวันออกลางล่าสุดลดลง ประเมินจิตวิทยาลบต่อหุ้นเรือ Container อาทิ RCL และบวกต่อกลุ่มให้บริการโลจิสติกส์ในลักษณะ Freight Forwarder ที่มีสัดส่วน Sea Freight สูง อาทิ SINO (90% ของรายได้), SONIC (62% ของรายได้) LEO (75% ของรายได้) และ WICE (34% ของรายได้) ยังแนะนำเพียง ชะลอการลงทุน

 

 

What happened in Thailand ?

(*/+) SET : SET วันทำการล่าสุด ปรับตัวลดลง -8.31 จุด ปิดที่ 1357.41 จุด กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA, HANA) จิตวิทยาตามภาพการขายทำกำไรหุ้น NVIDIA และกลุ่ม Tech ของสหรัฐฯ กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE) มองตลาดขายทำกำไรในฐานะหนึ่งในกลุ่มที่ Outperform กลุ่มหนุน คือ กลุ่มธนาคาร (BAY, KTB, TISCO) รับกระแสการทยอยประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 1H24 กลุ่ม REIT (CPNREIT) ตลาดเก็งภาพวงจรดอกเบี้ยโลกชัดเจนขึ้นเรื่อยๆถึงภาพเข้าสู่ขาลง บวกต่อกลุ่ม REIT

(*/+) Flows: เม็ดเงินต่างชาติวันทำการล่าสุดไหลออก ซื้อหุ้น +28.5 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -86.4 ล้านเหรียญฯ TFEX Net Short ที่ -13,828 สัญญา ส่วนเงินบาทแข็งค่า 33.9 +/- บาท

(+) Microsoft Data Center: รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ Microsoft แสดงวิสัยทัศน์ว่า ไมโครซอฟท์ เห็นโอกาสที่ AI และคลาวด์จะเข้ามายกระดับ และสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับคนไทยและประเทศไทย ทั้งกับภาคการศึกษา การท่องเที่ยว เฮลท์แคร์ การเงิน ภาครัฐ การเกษตร ภาคอุตสาหกรรม การผลิต การท่องเที่ยว ไซเบอร์ซิเคียวริตี้ ฯลฯ ทิศทางดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองที่เรานำเสนอ หลังร่วมงาน Thailand Focus ที่ความพร้อมเทคโนโลยีไทยกำลังเพิ่มขึ้น และน่าจะนำมาสู่การเกิดขึ้น Use Case ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อยอดกำไรอุตสาหกรรมต่างๆ

สำหรับความคืบหน้าล่าสุดเรื่องการจัดตั้ง Data Center ของ Micosoft ในไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมงานขั้นสุดท้ายร่วมกับพาร์ตเนอร์ โดยปีนี้คาดว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องการทำงานระหว่างกัน จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนของการเตรียมการ และเปิดตัวต่อไป โดยจะแตกต่างกับในมาเลเซีย และอินโดนีเซียที่ Microsoft จะลงทุนสร้างเอง ในส่วนการเป็นพันธมิตรเรามองเป็นไปได้สูงที่จะอยู่ในกลุ่มผู้ให้บริการมือถือที่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุน Data Center อยู่แล้ว (เดิมลงทุนเพื่อใช้งานภายใน) ประเมินบวกต่อทั้ง ADVANC และ TRUE

ส่วนกลุ่มที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากกระแส Data Center, Cloud, AI จากนี้ เรายืนยันหุ้นเด่นใน Thematic Theme "Data Center : The New S-Curve และ Investment Opportunities" 4 กลุ่มดังนี้

กลุ่มที่ 1 - ผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage)

กลุ่มที่ 2 - กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ที่ Use Case ในอุตสาหกรรมต่างๆ เริ่มเติบโตเร่ง BE8, BBIK

กลุ่มที่ 3 - กระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น นำมาสู่การเปลี่ยนเครื่องใหม่ บวกต่อ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage), COM7(Non-Coverage)

กลุ่มที่ 4 – ผู้ได้ประโยชน์จาก Use Case เทคโนโลยีในอุตสาหกรรมที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และนำมาสู่ผลกำไร เช่น ค้าปลีก การแพทย์ เกษตร อุตสาหกรรม มองบวกกลุ่มผู้นำในอุตสาหกรรมที่มีศีกยภาพลงทุน CPALL, BDMS, CPF, SCC

หุ้นเด่นเน้น WHA, GULF, ADVANC, TRUE, DELTA, INSET, BE8, BBIK, HANA, ADVICE, CPALL, CPAXT

(*/+) Apple: Apple วางแผนผลิต iPhone 16 series เพิ่มขึ้นเป็น 90.1 ล้านเครื่อง ภายในสิ้นปีนี้ หรือช่วงแรกของการวางจำหน่าย ซึ่งมากกว่า iPhone 15 series ที่สั่งผลิต 86.2 ล้านเครื่อง โดยการผลิตจะเน้นไปที่รุ่น Pro และ Pro Max มากขึ้น โดยคิดเป็น 30% และ 37% ตามลำดับ ส่วนรุ่น Plus ถูกลดการผลิตลงอย่างมาก เพราะความต้องการต่ำสุด เรามองสัญญาณบวกความมั่นใจของ Apple ในส่วนกระแสตอบรับ นอกจากนี้ สัดส่วนการขายรุ่นแพงที่เพิ่มขึ้น จะหนุน Upside ยอดขายกลุ่มขายมือถือ อุปกรณ์ IT เน้น COM7, ADVICE ส่วนเก็งกำไรเลือก SPVI

(*/+) PDP: รายงานข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยความคืบหน้าการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) รอบสอง กำลังการผลิตรวม 3,668 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โซลาร์บนพื้นดิน พลังงานลม ขยะอุตสาหกรรม และก๊าซชีวภาพเบื้องต้นคาดว่าหลักเกณฑ์รับซื้อไฟฟ้าดังกล่าวจะออกมาในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้ มองบวกผู้ที่ชนะประมูลรอบแรกสูงๆ ที่มีโอกาสได้กำลังผลิตเพิ่มเติม เน้น GULF, GUNKUL

(*/+) Negative Tax Income: รมช.คลัง กล่าวถึงข้อเสนอของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เสนอให้กระทรวงการคลังใช้ภาษีเพื่อช่วยเหลือ หรืออุดหนุนผู้มีรายได้น้อยที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ (Negative Income Tax) นั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นนโยบายที่มีหลักคิด กรอบหลักการที่ดี น่าสนใจ แต่รายละเอียดคงต้องมาหารือกันอีกที ซึ่งกระทรวงการคลังจะต้องไปศึกษาข้อดี-ข้อเสีย ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก่อน เรามองหากเกิดขึ้นบวกต่อฐานผู้เสียภาษีในประเทศที่ใหญ่ขึ้น และจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มอิงการบริโภคในประเทศ เน้น CPALL, CPAXT, BJC

(*)MSCI Rebalance: MSCI Rebalance รอบ ส.ค. มีผล 30 ส.ค. (ราคาปิด) มีหุ้นทึ่คาดว่าจะเข้า - ออกจากดัชนี ดังนี้

MSCI Global Standard

หุ้นเข้า : ไม่มี

หุ้นออก : AWC (-95 ล้านเหรียญฯ), GPSC(-90 ล้านเหรียญฯ), EA(-35 ล้านเหรียญฯ) และ IVL ( -90 ล้านเหรียญฯ)

MSCI Global Small Cap

▪️หุ้นเข้า : BJC, EA, KAMART, TLI

▪️หุ้นออก : BAFS, BYD, EPG, NEX, ORI, PTG, RBF, THANI, SC, SJWD, SKY, SNNP, THCOM

ทั้งนี้ หากมองผลตอบแทน MSCI Thailand ตั้งแต่ ก.ค. 24 ที่ผ่านมา ปรับขึ้นเด่น 6.5% Outperform กว่า MSCI World ที่ปรับขึ้น 3.2% ผสาน เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวต่อเนื่อง และมีความคาดหวังเชิงบวกของรัฐบาลชุดใหม่ เรามองการลดน้ำหนักรอบนี้น่าจะเป็นการปรับลดครั้งสุดท้าย และมีโอกาสทยอยปรับเพิ่มน้ำหนักระยะถัดไป

กลยุทธ์ เราแนะนำรอสะสมหุ้นที่มีพื้นฐานดี อาทิ GPSC IVL (ซื้อลงทุนระยะกลาง-ยาว) แต่หลุดออกจากดัชนี MSCI ในวัน Rebalance มีผล

(*) To Monitor: ปัจจัยภายในวันนี้ติดตามรายงานบัญชีเดินสะพัด ก.ค. 24 และการ Reblance MSCI ดังกล่าวข้างต้น ส่วนสัปดาห์หน้า ติดตาม

1.) รายงานเงินเฟ้อ CPI ส.ค. 24 ตลาดคาด +0.48%y-y, +0.2%m-m vs prev. +0.83%y-y, +0.19%m-m 2.) 3-5 ก.ย. คาดว่า สภาผู้แทนราษฏรจะพิจารณา ร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2568 วงเงิน 3.7527 ล้านล้านบาท วาระที่ 2 และ 3 ส่วนการเสนอ ส.ว. พิจารณาจะอยู่ระหว่าง 9-10 ก.ย. 3.) FTSE Rebalance FTSE All World (Large + Mid Cap) มีผลราคาปิดวันที่ 6 ก.ย.

หุ้นเข้า : ไม่มี

หุ้นออก : BLA

***ส่วนการเปลี่ยนแปลงขนาดระหว่าง Large Cap และ Mid Cap ดังนี้

• หุ้นเข้า Large Cap ใหม่ : ไม่มี

• หุ้นออก Large Cap สู่ Mid Cap : CRC, EA, MINT, PTTGC, OR

• หุ้นเข้า Mid Cap ใหม่ : ไม่มี

• หุ้นออก Mid Cap : BLA

***หุ้นที่ขยับลงระหว่าง Large -> Mid cap จะมีผลลบเล็กน้อยจากการ Rebalance เนื่องจาก Market cap ที่ลดลง แต่ผลลบจะน้อยกว่าการถูกถอดออกจากดัชนีหลัก FTSE All world มาก

 

Daily Strategy : ADVANC, TRUE, BJC เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "ดีดตัวขึ้นก่อนผันผวน" มองจิตวิทยาต่างประเทศเป็นบวก หลังรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาในทางบวก ทั้ง GDP และยอดผู้รับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ทำให้ตลาดเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังน่าจะหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้ใน 2H24 ส่วนภายใน วันนี้จะเป็นการปรับน้ำหนัก MSCI ช่วงปิดตลาด มองมีโอกาสทำให้เกิดความผันผวน จากเม็ดเงินที่เป็น Net Outflows หุ้นนำมอง กลุ่มน้ำมันและธนาคาร หลังน้ำมัน +1.7% และ Yield ฟื้นขึ้นหลังเศรษฐกิจสหรัฐดีกว่าคาด กลุ่มอยู่ใน Ecosystem ของการที่ไทยจะเป็น Infra Tech โดยเฉพาะ กลุ่มสื่อสาร เด่นจากประเด็น Microsoft จะมาจับมือเป็นพันธมิตรในประเทศสร้าง Hyperscale Data Center

 

หุ้นฝั่ง Global Plays ที่ตลาดยังเชื่อมั่นภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ Soft Landing (PTTEP, TOP, GFPT, TU, CBG, OSP, DELTA, HANA )
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, CPAXT, OSP, AOT, MINT, ERW, VGI, BA)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า กลุ่มที่มีหนี้สินต่างประเทศสูง + กลุ่มนำเข้าสินค้า/บริการ/วัตถุดิบ รวมถึงงบลงทุนที่ต้องใช้อุปกรณ์จากต่างประเทศ (PTT, GULF, BGRIM, GPSC, BA, AAV, COM7, SYNEX, ADVICE, ADVANC, TRUE, BE8, BBIK)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, MTC)
กลุ่มได้ประโยชน์ยักษ์ใหญ่ต่างประเทศลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, GULF, INTUCH, WHA, AMATA)

• AUG24 Best Picks: ADVANC, CPALL, CPAXT, HANA, MINT, TRUE, WHA

• 3Q24Stock Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : Flood2024

สถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือล่าสุด แม้ภาพหน้าข่าวน่ากังวล แต่หากพิจารณาระดับน้ำในเขื่อนทั่วประเทศปัจจุบัน ณ 25 ส.ค. 24 อยู่ที่ 61% ของความจุทั้งหมด โดยระดับดังกล่าวยังอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยปริมาณน้ำในเขื่อนปี 2005-23 และยังต่ำกว่า หากเทียบกับระดับปี 2022 (ปีที่ระดับน้ำสูงสุดในรอบ 5 ปีหลัง) นอกจากนี้ หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2011 (25 ส.ค. 11) ที่เกิดวิกฤติมหาอุทกภัย ระดับน้ำสูง 73% ของความจุเขื่อน โดยมีภาคที่เริ่มเฝ้าระวัง คือ พื้นที่ภาคเหนือและตะวันตก อย่างไรก็ตาม หากมองภาพความเสี่ยงที่จะมีพายุ/ไต้ฝุ่นเข้ามาซ้ำเติมสถานการณ์ ความเสี่ยงหลักของเอเชีย คือ พายุไต้ฝุ่น Shanshan ปัจจุบันมีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางเอเชียเหนือมากกว่า ขณะที่น้ำในส่วนที่สร้างผลกระทบไปแล้ว เขื่อนที่ยังอยู่ในโซนพื้นที่ภาคกลาง - ใต้ - ตะวันออก ยังน่าจะรองรับได้

ทำให้ประเมินความเสี่ยงสถานการณ์น้ำท่วมปี 2024 จะรุนแรงเท่ามหาอุทกภัยยังจำกัด และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อห้างค้าปลีกน่าจะอยู่ในวงจำกัดเฉพาะภาคเหนือ (3-10% ของรายได้ โดยมี CRC และ GLOBAL สูง 17% และ 25% ซึ่ง CRC น่าจะอยู่ในส่วนเชียงใหม่ที่อยู่นอกพื้นที่น้ำท่วมเป็นหลัก)

กลยุทธ์ลงทุนภายใต้สถานการณ์น้ำท่วมบาง Zone ประเมินเป็นปัจจัยบวกต่อการเก็งกำไรหุ้นกลุ่ม Home Improvement อาทิ HMPRO, GLOBAL, DOHOME เน้น DOHOME (TP-12.3) , และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง อาทิ DCC ,TASCO, SCGD TOA เน้น TASCO(TP-17.6) หนุนจากการฟื้นฟู ซ่อมแซม, บ้าน สถานที่ถูกน้ำท่วม ส่วนหุ้นอิงการบริโภค อาทิ ค้าปลีกสินค้าจำเป็น เช่าซื้อ ธนาคาร และสื่อสาร ที่อ่อนตัวรับความกังวลดังกล่าว แนะนำมองเป็นจังหวะซื้อลงทุน KTB (TP-21), KBANK (TP-145), CPALL(TP-84) CPAXT(TP-40), MTC(TP-58), TRUE(TP-12), ADVICE(TP Con-6.55)

 

• Strategy Update : Data Center

กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด

จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP

มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)

Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE

• Strategy Update : FTSE Rebalance

FTSE ประกาศผลการ Rebalance ดัชนีรอบใหม่แล้ว คาดมีผลราคาปิด 6 ก.ย. 24 จะมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละส่วนดังนี้

o FTSE All World (Large + Mid Cap)

หุ้นเข้า : ไม่มี

หุ้นออก : BLA

***ส่วนการเปลี่ยนแปลงขนาดระหว่าง Large Cap และ Mid Cap ดังนี้

• หุ้นเข้า Large Cap ใหม่ : ไม่มี

• หุ้นออก Large Cap สู่ Mid Cap : CRC, EA, MINT, PTTGC, OR

• หุ้นเข้า Mid Cap ใหม่ : ไม่มี

• หุ้นออก Mid Cap : BLA

***หุ้นที่ขยับลงระหว่าง Large -> Mid cap จะมีผลลบเล็กน้อยจากการ Rebalance เนื่องจาก Market cap ที่ลดลง แต่ผลลบจะน้อยกว่าการถูกถอดออกจากดัชนีหลัก FTSE All world มาก

o FTSE Small Cap :

หุ้นเข้า : BLA, CPNREIT

หุ้นออก : ITD, NER, ORI, TPIPL

o FTSE Micro Cap :

หุ้นเข้า : DITTO, FTREIT, FUTUREPF, ITD, ORI, RBF, SRPIME. SAPPE, SJWD, SYMC, CREDIT, WHART, WICE

หุ้นออก : ZEN, UAC, TRC, THREL, TWPC, TRU, STI, SCAP, SA, SABUY, S11, QHHR, PYLON, POLY, PJW, NCAP, MONO, MILL, MICRO, GEL, GJS, EP, DEMCO, CV, CIMBT, CCET, B-WORK, AS, AMATAV, AMANAH, AJ, 2S

กลยุทธ์ : ระยะสั้น ระมัดระวัง หุ้นใน FTSE All-World ซึ่งเป็น Benchmark หลัก คือ ตัวที่ถูกถอดออก คือ BLA และ Trading เก็งกำไรหุ้นที่ถูกเพิ่มน้ำหนักส่วนใหญ่ที่เป็นกอง REIT ซึ่งล่าสุดมีแรงขับเคลื่อนจากความเชื่อมั่นภาพวงจรดอกเบี้ยใกล้เข้าสู่ขาลงเต็มตัว อาทิ CPNREIT(TP Con-11.7, Yield25F- 9.9%), FTREIT(TP Con11.8, Yield25F-7.5%), FUTURPF, SYMC(TP Con-12.6), WHART(TP Con10.8, Yield25F-7.8%)

• Strategy Update : I-Phone 16 เตรียมเปิดตัว หนุนหุ้นจำหน่ายมือถือ

กระแสการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ใกล้จะเริ่มขึ้น โดยปกติจะเกิดขึ้นในช่วง 1 -2 สัปดาห์แรกของเดือน ก.ย. ของทุกปี และในปีนี้ iPhone 16 คาดว่าจะเปิดตัว 10 ก.ย. 24 หรือราว 4 สัปดาห์ข้างหน้า ภายใต้จุดเด่นของ iPhone 16 คือ การใช้ชิป A17 -18 สนับสนุนฟีเจอร์ AI อาทิ การแปลภาษา, การแต่งภาพ เราประเมินรอบนี้มีโอกาสสูงที่จะเห็นกระแสตอบรับทางบวกจากฟีเจอร์ AI ที่ iPhone 16 จะสามารถใช้งานได้ทุกรุ่น จากปัจจุบันที่ใช้งานเฉพาะ รุ่นเรือธง (Flagship) iPhone 15 Pro เท่านั้น ทำให้กลุ่มลูกค้าที่เดิมไม่ได้ใช้งานเครื่องรุ่นเรือธงเดิม (Flagship) มีโอกาสพิจารณาเปลี่ยนเครื่องใหม่ vs ภาพหลายรุ่นช่วงก่อนหน้าที่ส่วนใหญ่ไม่มีฟีเจอร์ที่เป็นจุดเปลี่ยน ทำให้วงจรเปลี่ยนเครื่องค่อนข้างยาวนาน กระทบยอดขายหุ้นที่ดำเนินธุรกิจช่องทางจำหน่าย

KSS ได้ทำการศึกษาสถิติการเปิดตัว i-Phone ย้อนหลัง 6 ครั้งล่าสุด พบว่า หากลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์สูง คือ กลุ่มที่จำหน่าย iPhone ก่อนเปิดตัว iPhone 1 เดือน (ช่วงเวลาปัจจุบัน) และขายทำกำไรหุ้นในช่วงเปิดตัว หุ้นในกลุ่มทุกบริษัทมีความเป็นไปได้เกิน 75% ที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยมากสุด คือ JMART (ความเป็นไปได้ 100%, ผลตอบแทนเฉลี่ย 12.8%) SPVI (83%, 12.4%) COM7(83%, 5.7%) CPW(75%, 4.8%) และ SYNEX(83%, 4.4%) ตามลำดับ

กลยุทธ์ ด้วยผลศึกษาดังกล่าว ประกอบกับ ภาพพื้นฐานปัจจุบัน KSS แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่รายได้ส่วนใหญ่ยังมาจากการจำหน่ายอุปกรณ์ที่นอกจาก iPhone ยังเชื่อว่าจะมีอานิสงส์จากกระแส AI ในอุปกรณ์ตามหนุนอีกระลอกใหญ่ แนะนำเก็งกำไร SPVI (Trading), CPW (Trading) SYNEX (TP Con-13.9), ADVICE(TP-6.55) ส่วนการลงทุนแนะนำ ADVANC(TP-280) และ TRUE(TP-12) อีกหนึ่งกลุ่มที่มีโอกาสได้ประโยชน์ หากความนิยมสูง ระดับเงินอุดหนุนที่ใช้ขายเครื่องจะลดต่ำลง หนุนกำไร

• Strategy Update: MSCI Rebalance

MSCI ประกาศหุ้นเข้าออกในการคำนวณดัชนี โดยการ Rebalance จะมีผลวันที่ 30 ส.ค.24

MSCI Global Standard ▪️หุ้นเข้า : ไม่มี ▪️หุ้นออก : AWC (-95 ล้านเหรียญฯ), GPSC(-90 ล้านเหรียญฯ), EA(-35 ล้านเหรียญฯ) และ IVL ( -90 ล้านเหรียญฯ)

MSCI Global Small Cap ▪️หุ้นเข้า : BJC, EA, KAMART, TLI ▪️หุ้นออก : BAFS, BYD, EPG, NEX, ORI, PTG, RBF, THANI, SC, SJWD, SKY, SNNP, THCOM

 

• CPNREIT (Trading Buy, TP12.5) CPNREIT is the largest retail REIT in Thailand. It has invested in 12 leasehold assets (average 20-year remaining life) in prime Bangkok and major provinces. This enables it for risk diversifications (asset type, locations, revenue mix, tenant profile and recurring income). Its risk of sharp falling DPU is lift as recently successful recap and renew the contract for Central Pinklao (2Q24) and Central Rama 2 (next year). We look for core earnings growth of 4% CAGR p.a. in next three years and DPU at Bt1.06-Bt1.12, attractive yield of 9.4-9.9%, backed by strong recovery and favorable rent hike. We value it at Bt12.50/unit offering good return of 10% and IRR of 6.2%. We re-initiate coverage with a Trading BUY.

• AMARC (Buy, TP2.5) เรามีมุมมองเป็นบวกต่อข้อมูลที่ update กับบริษัท เนื่องจาก 1) โมเมนต้ม 3Q24F เติบโต y-y q-q เป็นไตรมาสดีสุดของปี จากบริการ Testing มีปริมาณงานเพิ่มขึ้น และบริการ IC ส่งมอบงานเพิ่มขึ้น 2) ปรับกำไรสุทธิปี 24F ขึ้น +24% เป็น 25 ลบ. (เดิม 20 ลบ.) สะท้อน Revenue mixed บริการ Testing มีสัดส่วนรายได้สูงกว่าคาด ประกอบกับมีผลบวกบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดี ทำให้กำไรสุทธิปี 24F (+160%y-y) เติบโตสูง ส่วนปี 25F-26F คงกำไรสุทธิคาดเติบโตต่อเนื่อง +30%CAGR แนะนำ Buy สำหรับ AMARC (TP25F 2.50 บาท)

• Commerce (Bullish): เรามีมุมมองเป็นกลางต่อทิศทาง SSSG ในส.ค.24 ที่ยังไม่แตกต่างจาก ก.ค.24 เพราะฝนตกหนักและมีอุทุกภัยหลายพื้นที่ ซึ่งประเมินเป็นผลกระทบแค่ชั่วคราว ในขณะที่เราเริ่มเห็นสัญญาณบวกการฟื้นตัวของ SSSG กลุ่มสินค้าในชีวิตประจำวันและห้างสรรพสินค้าที่ดีขึ้นในส.ค.24 บวกกับความคาดหวังการออกมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลใหม่ช่วงที่เหลือของปี ดังนั้น เราคาดเห็น SSSG 3Q24F ค่อยๆฟื้นตัวและจะปรับเป็นบวกได้ใน 4Q24F โดยประเมินจะเห็นการฟื้นตัวของกำไรปกติกลุ่มผู้ขายสินค้านชีวิตประจำวัน (BJC,CPALL,CPAXT) โตเด่นกว่ากลุ่มอื่นในปี 24F เราจึงคงน้ำหนักการลงทุน 'มากกว่าตลาด' โดยชอบ CPALL (TP84) มากสุด ตามด้วย CPAXT(TP40) และ BJC (TP32.0)

• TKN (Neutral, TP10.3) We attended TKN analyst meeting and the tone was neutral with management aiming to gain more sales from expansion in US (through Walmart and Kroger) but this good news was somewhat offset by the still-around cost pressure from higher seaweed prices (33% of COGS) that have risen 50% YTD. We maintain our estimates, NEUTRAL recommendation and TP of Bt10.30.

 

3Q24F Equity Outlook : The strong get stronger, the weak get less weak

Stock Best Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA

Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

MSCI By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ พบแรงเก็งกำไรหุ้น CCET เข้ามาหนาแน่น หลัง MSCI เปิด MSCI Global Small Cap indexes ....

มัลติมีเดีย

รู้จัก เมดีซ กรุ๊ป ก่อนเทรด บนกระดาน SET - สายตรงอินไซด์

รู้จัก เมดีซ กรุ๊ป ก่อนเทรด บนกระดาน SET - สายตรงอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้