AT THE OPEN (#ATO)
SET Index แกว่งออกข้าง
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ
Market Strategy
SET Index คาดแกว่งออกข้างตามกรอบ 1355-1370 จุด ตามตลาดหุ้นสหรัฐยังพักตัวจากแรงกดดันของหุ้นกลุ่มเทคฯ ด้านในประเทศประเด็นการเมืองอยู่ในช่วงจับขั้วรัฐบาลและจัดตั้ง ครม. ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนในสัปดาห์นี้ ด้านทิศทาง Fund Flow เราเห็นสัญญาณบวกจากการซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและ Long ใน SET50 Futures กลยุทธ์วันนี้เลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการรัฐฯ BCP CK
ปัจจัยต่างประเทศตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ปรับลงใน ช่วง -0.4% ถึง -1% กดดันหลักมาจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคฯ ก่อนการรายงานงบ 2Q67 ของ NVIDIA ซึ่งล่าสุดประกาศแล้วทำกำไรสุทธิและให้เป้าหมายรายได้ 3Q67 ใกล้เคียงตลาดคาด ทำให้ราคาหุ้น NVIDIA ดูเสี่ยงที่จะถูก Sell on Fact สะท้อนจากช่วง After Hours ติดลบราว -6% มองเป็น Sentiment เชิงลบต่อหุ้นกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ ด้านราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลง -1% กดดันจากการรายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐฯโดย EIA ลดลงน้อยกว่าคาดรวมถึง Demand จากจีนที่ชะลอลงมีน้ำหนักมากกว่าความกังวลจาก Supply ลิเบียลดลงจากการเมืองในประเทศ ซึ่งเป็นลบต่อกลุ่มพลังงาน
ประเด็นการเมืองในประเทศอยู่ในช่วงจับขั้วรัฐบาลและจัดตั้ง ครม. ซึ่งคาดว่าจะเห็นที่หน้าตาที่ชัดเจนในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะนำขึ้นทูลเกล้ารอโปรดเกล้าถวายสัตย์ในสัปดาห์หน้า ตามด้วยแถลงนโยบายต่อรัฐสภาคาดว่าจะเกิดในช่วง 11-12 ก.ย.67 ก่อนจะประชุม ครม. ภายใต้รัฐบาลใหม่ในวันที่ 17 ก.ย. 67 ซึ่งเราเชื่อว่าจะมีการเร่งมาตรการกระตุ้นด้านต่างๆ เช่น Digital Wallet (CPALL BJC) โครงการวายุภักษ์ ( TTB BCP) การผลักดันโครงการประมูลภาครัฐฯ (CK TASCO) ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องแรกๆที่รัฐบาลผลักดัน
ด้านทิศทาง Fund Flow ต่างชาติยังมีสัญญาณบวกต่อหลังวานนี้ซื้อสุทธิ 1.76 พันล้านบาทในตลาดหุ้นและ Net Long ใน SET50 Futures อีก 1.36 หมื่นสัญญา ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยจำกัด Downside ของตลาดในระยะนี้
Market Summary
SET Index บวกเล็กน้อย 1.4 จุด ได้แรงประคองจาก DELTA ที่ปรับขึ้น 4.4% มีผลต่อดัชนี 4.5 จุด ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่ Outperform คือ เป็นการ Rotation ไปกลุ่ม ICT อย่าง ADVANC +1.2% TRUE +1% กลุ่มนิคมฯ AMATA +1.9% WHA +4.8% ส่วนกลุ่มที่ Underperform คือ กลุ่มพลังงาน PTT ที่ปรับลง 3.6% ส่วนหนึ่งจาก XD 0.8 บาท/หุ้น PTTEP -1.4% ปรับลงตามราคาน้ำมันดิบ
ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BCP CK
CK เร่งผลักดันโครงการรัฐฯ จะหนุนราคา
เราได้ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 27.50 บาท ด้วยวิธี Sum of the part จากเดิม 26 บาท เนื่องจากเราปรับราคาเป้าหมาย BEM เพิ่มขึ้น และ CK มี Backlog ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ถึง 2.226 แสนล้านบาท หลังจากที่ได้งานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มมูลค่ารวม 1.092 แสนล้านบาท
คาดกำไรปี 2567/68/69E จะเติบโตโดดเด่น 30% / 15% / 24% YoY ตามลำดับ โดยเฉพาะปี 2569 กำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ 2,711 ล้านบาท แนวโน้มคาดจะได้งานเพิ่มจากโครงการของบริษัทลูกเพิ่ม ทำให้ Backlog เข้าสู่ New S-Curve ช่วยเพิ่ม อัพไซด์ต่อประมาณการ
แรงหนุนช่วงถัดไปอยู่ที่การเร่งผลักดันโครงการภาครัฐฯ ออกมาประมูล โดยล่าสุด รักษาการ รมว.คมนาคมเผยว่าเตรียม 14 โครงการ วงเงิน 7.98 แสนล้านบาทเสนอ ครม.เพื่อพิจารณา
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 27.50 บาท
BCP สะสมรับกำไรฟื้นตัว
คาดกำไรในช่วง 2H67 จะเร่งตัวขึ้น แรงขับเคลื่อนจาก GRM ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจากผลของฤดูกาลและภาวะ La Nina อีกทั้งยังได้ประโยชน์จาก Crude Premium ที่ปรับลง โดยเฉพาะน้ำมันดิบจากมาเลเซียที่เป็นวัตถุดิบหลักของ BCP
ระยะยาว ได้แรงหนุนจากเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) คาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับ BCP ในช่วงปี 2568-2570 ประมาณ 2.6-4.1 พันลบ. ต่อปี หรือคิดเป็น 20-30% ของกำไร จากการผลักดันจากแต่ละประเทศในการใช้เชื้อเพลิงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
คาดว่า BCP จะได้ประโยชน์จากการตั้งกองทุนวายุภักษ์ใหม่ เนื่องจากในมุม Valuation ที่ยังถูกเพราะซื้อขายบน PBV ประมาณ 0.6 เท่า และ PER68F ต่ำเพียง 3.5 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวเกือบ 2 S.D.) นอกจากนี้ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงระดับ 6-9 %
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 62.00 บาท
KEY FACTOR
กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่อง 1.761 พันล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนสถาบันฯขายต่อเนื่องเช่นกัน -1.303 พันล้านบาท สะท้อนมุมมองที่เริ่มชะลอให้น้ำหนักรอดูความชัดเจนปัจจัยอื่นๆเพิ่มเติม หลังจากตอบรับเชิงบวกการเมืองในประเทศไปมากพอสมควร และในขณะเดียวกันกลุ่มหุ้น Big Cap ที่เชื่อมโยงภาพเชิงบวกเศรษฐกิจไทยก็ปรับตัวขึ้นมากตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค. นำโดย FIN +17.93% COMM+11.09% CONMAT+10.84%,TOURISM+10.72%, CONS +10.33%, BANK +7.75% ซึ่ง Outperform SET Index ที่ +5.88%
สถานการณ์การเมืองในประเทศล่าสุด มีรายชื่อว่าที่ ครม. อย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งน่าจะมีโอกาสถูกเสนอขึ้นทูลเกล้าฯ ในวันศุกร์นี้ ซึ่งภาพรวมน่าจะมีความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลจากชุดเดิมส่งต่อมาที่ชุดใหม่ และน่าจะสอดคล้องกับมุมมองที่ตลาดคาดว่าจะมีการเร่งผลักดัน 1) การแจกเงิน 10,000 บาท 2) การแก้หนี้ และ 3) กองทุนวายุภักษ์ ซึ่งคาดว่าจะมีการแถลงอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 11 ก.ย. จึงน่าจะทำให้ตลาดที่แม้มีโอกาสชะลอความร้อนแรง แต่จะยังคงรอบขาขึ้นระยะสั้นได้
EYES ON
ในสัปดาห์, นายกฯนำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ
30 ส.ค. PCE ของสหรัฐฯ, CPI และอัตราการว่างงานของ Eurozone
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ