Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

700

 


"Selective Plays"

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "แกว่งในกรอบ" ต้าน 1373/1375 จุด รับ 1356/1352 จุด ดัชนี S&P500 ปรับลง -0.6% แต่เป็นปัจจัยเฉพาะตัว Super Micro Computer (SMIC) -19% ไม่ส่งรายงานประจำปี ขณะที่ Futures ยังลงต่อ NVIDIA (After Hours) -7% แม้กำไร 2Q24 ดีกว่าคาด แต่ Outlook ไม่ดีเท่าตลาดคาดหวัง Gross Margin อยู่ในกรอบล่างที่ตลาดมอง แต่เรามองจิตวิทยาลบอ่อนๆ ต่อกลุ่มชิ้นส่วน อิง Return กลุ่ม SETETRON YTD +18% (vs NVIDIA +151%) เป็นที่น่าสังเกตว่าปัจจุบันเม็ดเงินกำลังไหลสู่หุ้นและตลาดที่ Laggard , Valuation ไม่แพง ETF MSCI ไทย คืนวานนี้และ After Hours ทรงตัว ส่วนภายในงาน Thailand Focus ทำให้เรามั่นใจต่อความพร้อมเทคโนโลยีไทยที่สูงขึ้น โดยเฉพาะจุดเด่น Infrastructure Technology ที่เชื่อช่วยยกระดับศักยภาพ GDP โดยเริ่มเห็น Use Case ของ Digital Adoption มากขึ้นในหลายอุตสาหกรรม มอง SET วันนี้แกว่งในกรอบ หุ้นเด่น กลุ่มที่อยู่ใน Ecosystem Infra Tech หุ้น Anti-Commodities (โรงไฟฟ้า สายการบิน วัสดุ ค้าปลีก) และหุ้นยาง (ราคายางวานนี้ +3.2% MTD+18%) วันนี้แนะนำ CPAXT, TASCO, STA

 


Daily outlook: "แกว่งในกรอบ" ต้าน 1373/1375 จุด รับ 1356/1352 จุด

What happened around the world ?

(*) US Stocks: ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อวานชะลอการขึ้นอีกครั้ง ตลาดรอ PCE สหรัฐวันศุกร์ และถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มชิป อิง Dow Jones -0.39%d-d S&P500 -0.6%d-d, Nasdaq -1.14%d-d โดยดัชนี S&P 500 ปรับขึ้นกลุ่มที่ขึ้นเด่นคือ Financials, Health cares ฯลฯ กลุ่มที่ปรับลงและกดดัชนีคือ IT, Consumer discretionary ฯลฯ หุ้นที่เคลื่อนไหวเด่น คือ NVDIA -2.1% (หลังตลาดปิด-7.37%) , Super micro computer -19% แรงกดดันจากประกาศเลื่อนยื่นแบบฟอร์ม 10-K ปีงบประมาณ 2024 และข่าวลือการตกแต่งบัญชี AMD- 2.7% มองเป็นจิตวิทยาลบกับตลาดหุ้นเอเซียเหนือ โดยเฉพาะไต้หวันมีค่าสหสัมพันธ์ 0.6 และหุ้นกลุ่มชิ่นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไทยวันนี้ ฯลฯ

(*) NVDIA Earning : Nvidia บริษัทเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ รายงานงบ 2Q24 หลังตลาดปิด รายงานรายได้และกำไรสุทธิดีกว่าคาด 5% และ 6% ตามลำดับ และทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลักๆมาจากกธุรกิจ Data center อยู่ที่ 26.3 พันล้านดอลลาร์ ดีกว่าที่ตลาดคาด 5% และแนวโน้มงวด 3Q24 Nvidia คาดว่ารายได้ที่ 32.5 พันล้าน$ สูงกว่าตลาดคาดการณ์ และ CEO ให้ความเห็นในทางบวกคือ CEO คุณ Jensen Huang เผย Demand ชิป Hopper ยังคงแข็งแกร่ง และความคาดหวังสำหรับชิป Blackwell กำลังอยู่ในระดับสูง โดยมี Gross Margin อยู่ในกรอบล่างที่ตลาดคาด ทั้งนี้ ราคาหุ้นในช่วง After Hours ปรับตัวลดลง -7%

( */+) US Econ : 1.) US mortgage rate อายุ30 ปี ล่าสุดปรับลดลงต่อเนื่องอยู่ที่ 6.44% ระดับ ต่ำสุดในรอบปี 2024 (มีความสัมพันธ์ในทางเดียวกับเงินเฟ้อหมวด Shelter) ทำให้คาดแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐ เดือน ส.ค. มีโอกาสปรับลง

(*/-) BOJ : คุณ เรียวโสะ ฮิมิโนะ รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เผยว่า BOJ มีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก หากเงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังคงอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ โดยเงินเฟ้อญี่ปุ่น ล่าสุด เดือน ก.ค. อยู่ที่ 2.8%y-y (สูงกว่ากรอบเป้าหมาย BOJ) ทำให้มีโอกาสที่ BOJ อาจจะกลับมาขึ้นดอกเบี้ยต่อ มองผลจะทำให้ค่าเงินเยนมีแนวโน้มแข็งค่า และเป็นจิตวิทยาลบต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น KSS ยังคงให้น้ำหนักการลงทุน Neutral

(*) To monitor : 30 ส.ค. ติดตามเงินเฟ้อ PCE ก.ค. คาด +0.2%m-m, +2.7%y-y ฝั่งจีน 30 ส.ค. PBOC ประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี คาดคงไว้ทั้งอายุ 1 ปี และ 5 ปี ที่ระดับ 3.35% และ 3.85% ตามลำดับ ฝั่งญี่ปุ่น 30 ส.ค. ติดตามดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม ก.ค. คาด +3.9%m-m vs prev. -4.2%m-m

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐ อายุ 2 ปีปรับลง 3 bps ที่ 3.86% (ต่ำสุดในรอบ 1 เดือน) และอายุ 10 ปี ทรงตัวปิด 3.83% ส่วน Dollar Index แกว่งตัวใบริเวณ 100.9 จุด

(-) Oil : ราคาน้ำมันปรับลงแรงต่อเป็นวันที่ 2 อิงน้ำมันดิบ น้ำมันดิบ Brent -1.13%d-d ปิดที่ US$ 78.65/barrel น้ำมันดิบ West Texas -1.34%d-d ปิดที่ US$ 74.52/barrel แรงกดดันจากตลาดคลายกังวล ลิเบียระงับผลิตน้ำมัน และรายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ จาก EIA ลดลงน้อยกว่าคาด โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP

(+)Rubber Price ยาง TOCOM +3.19%d-d ปิดที่ 372JPY/kg ทำจุดสูงสุดในรอบ 1 ปี 2 เดือน เพราะคาดการณ์อินเดียนำเข้ายางพาราเพิ่มขึ้น และฝนตกในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นจิตวิทยาบวกต่อ STA, NER

 

What happened in Thailand ?

(*/+) SET : SET วันทำการล่าสุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น +1.41 จุด ปิดที่ 1365.72 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA, HANA) มองรีบาวน์ DELTA จากยอดส่งออก Power Supply ก.ค. 24 เร่งขึ้นทั้ง y-y และ m-m ผสาน เงินบาทแข็งค่าเริ่มเป็นภาพเร่งน้อยลง ขณะที่ช่วงบ่ายมีจิตวิทยาบวกมุมมองต่อแนวโน้ม Digital Transformation ในงาน Thailand Focus กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE)มองกำไรและกระแสเงินสดจะยังคงเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ของเราประเมินการเติบโตของกำไรในปี 2567 ที่ 89% y-y และปี 10%y-y ในปี 2568 การประมูลคลื่นความถี่ในปีหน้าจะเพิ่มกำไรเนื่องจากการแข่งขันเพียงเล็กน้อย กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP) PTT ขึ้น XD ผสานจิตวิทยาลบราคาน้ำมันพลิกลง กลุ่มปิโตรเคมี (IVL, IRPC) มองฝั่ง IVL เป็นการขายลดความเสี่ยงก่อน MSCI Rebalance จะมีผลราคาปิด 30 ส.ค.

(+) Flows: เม็ดเงินต่างชาติวันทำการล่าสุดเป็นภาพไหลเข้า ซื้อหุ้น +51.8 ล้านเหรียญฯ ซื้อพันธบัตร +277 ล้านเหรียญฯ TFEX เป็นสถานะ Net Long ที่ 13,643 สัญญา ส่วนเงินบาทเคลื่อนไหวแข็งค่า 34.05 +/- บาท

(*)MSCI Rebalance: MSCI Rebalance รอบ ส.ค. มีผล 30 ส.ค. (ราคาปิด) มีหุ้นทึ่คาดว่าจะเข้า - ออกจากดัชนี ดังนี้

MSCI Global Standard

หุ้นเข้า : ไม่มี

หุ้นออก : AWC (-95 ล้านเหรียญฯ), GPSC(-90 ล้านเหรียญฯ), EA(-35 ล้านเหรียญฯ) และ IVL ( -90 ล้านเหรียญฯ)

MSCI Global Small Cap

▪️หุ้นเข้า : BJC, EA, KAMART, TLI

▪️หุ้นออก : BAFS, BYD, EPG, NEX, ORI, PTG, RBF, THANI, SC, SJWD, SKY, SNNP, THCOM

ทั้งนี้ หากมองผลตอบแทน MSCI Thailand ตั้งแต่ ก.ค. 24 ที่ผ่านมา ปรับขึ้นเด่น 6.5% Outperform กว่า MSCI World ที่ปรับขึ้น 3.2% ผสาน เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวต่อเนื่อง และมีความคาดหวังเชิงบวกของรัฐบาลชุดใหม่ เรามองการลดน้ำหนักรอบนี้น่าจะเป็นการปรับลดครั้งสุดท้าย และมีโอกาสทยอยปรับเพิ่มน้ำหนักระยะถัดไป

กลยุทธ์ เราแนะนำรอสะสมหุ้นที่มีพื้นฐานดี อาทิ GPSC แต่หลุดออกจากดัชนี MSCI ในวัน Rebalance มีผล

(+) Thailand Focus: งาน Thailand Focus ในปี 2024 วานนี้ เรามองความเชื่อมั่นหนึ่งทีน่าจะเกิดขึ้น คือ การตอบโจทย์แนวทางยกระดับการเติบเศรษฐกิจไทยระยะกลาง-ยาว ทั้งนี้ บนเวทีใหญ่แบ่งกลุ่มที่ให้ข้อมูลได้ใน 2 ส่วนหลักๆ

1.) หน่วยงานรัฐฯ

- รมช.คลังอยู่ที่การย้ำเรื่องการเดินหน้านโยบาย Digital Wallet ที่คาดจะเริ่มแจกรอบแรกใน ก.ย. สอคล้องตลาดคาด + ส่วนแผนระยะกกลาวางประเทศเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมมูลค่าสูง

- BOT มองว่า การผลักดันเศรษฐกิจโตเร่งกว่าปัจจุบัน ในภาวะประชากรลดลง แต่เน้นเพิ่มผลิตภาพของแรงงาน การลงทุน การพัฒนาเทคโนโลยี

- ตลท. และ กลต.เน้น ความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่น การเพิ่มขีดความสามารถของตลาดทุนไทย และการส่งเสริมความยั่งยืน

เราให้น้ำหนักกับความเห็น รมช.คลังและ ผู้ว่า BOT โดยเราเห็นด้วยกับการสร้างประเทศมีอุตสาหกรรมใหม่ที่มีมูลค่าสูง พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพหนุนการเติบโต โดยทิศทางดังกล่าวสอดคล้อง 3 ช่วงที่ภาคเอกชนนำเสนอถึงความพร้อมเทคโนโลยีที่ดูมีสัญญาณชัดเจนขึ้น กล่าวคือ

2.) ภาคเอกชน

- Game-Changing Opportunities in Thailand: The Rise of New Industries and Investment Relocations WHA ย้ำวงจรการย้ายฐานผลิตสู่ไทยที่ยังน่าจะเป็นขาขึ้นไปอีกอย่างน้อย 4-5 ปี โดยอุตสาหกรรมที่เห็นการเข้ามาชัดเจนช่วงหลัง คือ EV, EV Supply Chain และ Data Center ส่วน GULF แสดงความพร้อมการเป็นผู้สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเฉพาะในส่วน Data Center ส่วน BOI เน้นวางนโยบายสนับสนุน FDI ในทุกด้าน

- Thailand: Emerging as a Leading Medical Hub โดยรวมย้ำถึงกระแสการยกระดับอุตสาหกรรมสู่เรื่อง Wellness เพิ่มแกนการป้องกันจากปัจจุบันที่เน้นรักษา ซึ่งบทบาทเทคโนโลยีที่ช่วยให้ประสิทธิภาพเรื่อง Wellness กับการรักษาปัจจุบันเป็นเทรนด์ที่ชัด ส่วนกลุ่มลูกค้าเน้นกลุ่มประเทศใกล้เคียงที่มีประชากรสูง เดินทาง < 6 ชม. อาทิ จีนตอนใต้ ซาอุดิอาระเบีย อินโดนีเซีย เมียนมาร์

- How Thailand is Transforming Its Supply Chain with Digital Innovation เน้นถึงโอกาสต่อยอดหลังจากยักษ์ใหญ่ Data Center เริ่มลงทุนในไทย ข้อมูลต่างๆ ที่ใช้ประโยชน์ในอนาคต จะถูกเก็บอย่างมีระบบบน Cloud จากนี้เข้าสู่เฟส Digital Transformation ที่เร่งตัว โดยเฉพาะปัจจัยเร่งเทคโนโลยี AI กำลังทำให้Use Case ที่เคยกระจุกตัวในอุตสาหกรรมการเงินกำลังกระจายตัวสู่อุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น การแพทย์ข้างต้น ค้าปลีก การเกษตร และอุตสาหกรรม รวมถึงกระแสการรองรับบริการภาครัฐฯ บริการทางการเงินที่หลายข้อมูลมีข้อกำหนดเก็บในประเทศเท่านั้น

กลยุทธ์ ทิศทางดังกล่าวทำให้เราเชื่อมั่นใน Thematic Theme ในส่วน "Data Center : The New S-Curve and New investment opportunities" มองจะเป็นแกนสำคัญที่มีบทบาทมากขับเคลื่อนเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพประเทศในระยะกลาง-ยาว 1-5ปีที่เราออกรายงานช่วงสัปดาห์ก่อน โดยนำมาสู่โอกาสที่ต้องจับตาใน 3-4 กลุ่ม

กลุ่มที่ 1 - ผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage)

กลุ่มที่ 2 - กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ที่ Use Case ในอุตสาหกรรมต่างๆ เริ่มเติบโตเร่ง BE8, BBIK

กลุ่มที่ 3 - กระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น นำมาสู่การเปลี่ยนเครื่องใหม่ บวกต่อ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage), COM7(Non-Coverage)

กลุ่มที่ 4 – ผู้ได้ประโยชน์จาก Use Case เทคโนโลยีในอุตสาหกรรมที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และนำมาสู่ผลกำไร เช่น ค้าปลีก การแพทย์ เกษตร อุตสาหกรรม มองบวกกลุ่มผู้นำในอุตสาหกรรมที่มีศีกยภาพลงทุน CPALL, BDMS, CPF, SCC

ทั้งนี้ หุ้นเด่นเน้น WHA, GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, BBIK, HANA, ADVICE, CPALL

(*) To Monitor: สัปดาห์นี้ 1.) 30 ส.ค. ดุลบัญชีเดินสะพัด ก.ค. 24 2.) ทิศทางนโยบายของ ครม. ใหม่ที่คาดจะแถลงต่อสภาใน 15 วันหลังโปรดเกล้าแต่งตั้ง ครม. ใหม่

 

Daily Strategy : CPAXT, STA, TASCO เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "แกว่งในกรอบ" มองจิตวิทยาต่างประเทศเป็นลบอ่อนๆ จากหุ้นเทคโนโลยีที่ถูกขายทำกำไรแรง แต่หากมองสาเหตุมาจากปัจจัยเฉพาะตัว SMIC (ไม่ส่งรายงานประจำปี) และ NVIDIA ที่รายงานงบดีแต่มีจุดตลาดกังวล Outlook ฝั่ง Gross Margin ที่วางในกรอบล่างของคาดการณ์ตลาด vs หุ้นที่ Outperform มากในปีนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันยังแกว่งตัวลงต่อ แต่จะบวกต่อหุ้นคาดประคองวันนี้ คือ 1.) กลุ่ม Anti-Commodities อาทิ สายการบิน โรงไฟฟ้า วัสดุ ค้าปลีก นอกจากนี้ 2.) กลุ่มเกาะกระแส Thailand Focus ที่เรามองความเชื่อมั่น Infrastructure Tech จะช่วยยกระดับเทคโนโลยีหนุนศักยภาพ GDP ไทย 3.) หุ้นยางที่ราคายางยังเด่นต่อเนื่อง วานนี้ +3.2%

 

หุ้นฝั่ง Global Plays ที่ตลาดยังเชื่อมั่นภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ Soft Landing (PTTEP, TOP, GFPT, TU, CBG, OSP, DELTA, HANA )
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, CPAXT, OSP, AOT, MINT, ERW, VGI, BA)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า กลุ่มที่มีหนี้สินต่างประเทศสูง + กลุ่มนำเข้าสินค้า/บริการ/วัตถุดิบ รวมถึงงบลงทุนที่ต้องใช้อุปกรณ์จากต่างประเทศ (PTT, GULF, BGRIM, GPSC, BA, AAV, COM7, SYNEX, ADVICE, ADVANC, TRUE, BE8, BBIK)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, MTC)
กลุ่มได้ประโยชน์ยักษ์ใหญ่ต่างประเทศลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, GULF, INTUCH, WHA, AMATA)

• AUG24 Best Picks: ADVANC, CPALL, CPAXT, HANA, MINT, TRUE, WHA

• 3Q24Stock Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : Flood2024

สถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือล่าสุด แม้ภาพหน้าข่าวน่ากังวล แต่หากพิจารณาระดับน้ำในเขื่อนทั่วประเทศปัจจุบัน ณ 25 ส.ค. 24 อยู่ที่ 61% ของความจุทั้งหมด โดยระดับดังกล่าวยังอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยปริมาณน้ำในเขื่อนปี 2005-23 และยังต่ำกว่า หากเทียบกับระดับปี 2022 (ปีที่ระดับน้ำสูงสุดในรอบ 5 ปีหลัง) นอกจากนี้ หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2011 (25 ส.ค. 11) ที่เกิดวิกฤติมหาอุทกภัย ระดับน้ำสูง 73% ของความจุเขื่อน โดยมีภาคที่เริ่มเฝ้าระวัง คือ พื้นที่ภาคเหนือและตะวันตก อย่างไรก็ตาม หากมองภาพความเสี่ยงที่จะมีพายุ/ไต้ฝุ่นเข้ามาซ้ำเติมสถานการณ์ ความเสี่ยงหลักของเอเชีย คือ พายุไต้ฝุ่น Shanshan ปัจจุบันมีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางเอเชียเหนือมากกว่า ขณะที่น้ำในส่วนที่สร้างผลกระทบไปแล้ว เขื่อนที่ยังอยู่ในโซนพื้นที่ภาคกลาง - ใต้ - ตะวันออก ยังน่าจะรองรับได้

ทำให้ประเมินความเสี่ยงสถานการณ์น้ำท่วมปี 2024 จะรุนแรงเท่ามหาอุทกภัยยังจำกัด และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อห้างค้าปลีกน่าจะอยู่ในวงจำกัดเฉพาะภาคเหนือ (3-10% ของรายได้ โดยมี CRC และ GLOBAL สูง 17% และ 25% ซึ่ง CRC น่าจะอยู่ในส่วนเชียงใหม่ที่อยู่นอกพื้นที่น้ำท่วมเป็นหลัก)

กลยุทธ์ลงทุนภายใต้สถานการณ์น้ำท่วมบาง Zone ประเมินเป็นปัจจัยบวกต่อการเก็งกำไรหุ้นกลุ่ม Home Improvement อาทิ HMPRO, GLOBAL, DOHOME เน้น DOHOME (TP-12.3) , และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง อาทิ DCC ,TASCO, SCGD TOA เน้น TASCO(TP-17.6) หนุนจากการฟื้นฟู ซ่อมแซม, บ้าน สถานที่ถูกน้ำท่วม ส่วนหุ้นอิงการบริโภค อาทิ ค้าปลีกสินค้าจำเป็น เช่าซื้อ ธนาคาร และสื่อสาร ที่อ่อนตัวรับความกังวลดังกล่าว แนะนำมองเป็นจังหวะซื้อลงทุน KTB (TP-21), KBANK (TP-145), CPALL(TP-84) CPAXT(TP-40), MTC(TP-58), TRUE(TP-12), ADVICE(TP Con-6.55)

 

• Strategy Update : Data Center

กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด

จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP

มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)

Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE

• Strategy Update : FTSE Rebalance

FTSE ประกาศผลการ Rebalance ดัชนีรอบใหม่แล้ว คาดมีผลราคาปิด 6 ก.ย. 24 จะมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละส่วนดังนี้

o FTSE All World (Large + Mid Cap)

หุ้นเข้า : ไม่มี

หุ้นออก : BLA

***ส่วนการเปลี่ยนแปลงขนาดระหว่าง Large Cap และ Mid Cap ดังนี้

• หุ้นเข้า Large Cap ใหม่ : ไม่มี

• หุ้นออก Large Cap สู่ Mid Cap : CRC, EA, MINT, PTTGC, OR

• หุ้นเข้า Mid Cap ใหม่ : ไม่มี

• หุ้นออก Mid Cap : BLA

***หุ้นที่ขยับลงระหว่าง Large -> Mid cap จะมีผลลบเล็กน้อยจากการ Rebalance เนื่องจาก Market cap ที่ลดลง แต่ผลลบจะน้อยกว่าการถูกถอดออกจากดัชนีหลัก FTSE All world มาก

o FTSE Small Cap :

หุ้นเข้า : BLA, CPNREIT

หุ้นออก : ITD, NER, ORI, TPIPL

o FTSE Micro Cap :

หุ้นเข้า : DITTO, FTREIT, FUTUREPF, ITD, ORI, RBF, SRPIME. SAPPE, SJWD, SYMC, CREDIT, WHART, WICE

หุ้นออก : ZEN, UAC, TRC, THREL, TWPC, TRU, STI, SCAP, SA, SABUY, S11, QHHR, PYLON, POLY, PJW, NCAP, MONO, MILL, MICRO, GEL, GJS, EP, DEMCO, CV, CIMBT, CCET, B-WORK, AS, AMATAV, AMANAH, AJ, 2S

กลยุทธ์ : ระยะสั้น ระมัดระวัง หุ้นใน FTSE All-World ซึ่งเป็น Benchmark หลัก คือ ตัวที่ถูกถอดออก คือ BLA และ Trading เก็งกำไรหุ้นที่ถูกเพิ่มน้ำหนักส่วนใหญ่ที่เป็นกอง REIT ซึ่งล่าสุดมีแรงขับเคลื่อนจากความเชื่อมั่นภาพวงจรดอกเบี้ยใกล้เข้าสู่ขาลงเต็มตัว อาทิ CPNREIT(TP Con-11.7, Yield25F- 9.9%), FTREIT(TP Con11.8, Yield25F-7.5%), FUTURPF, SYMC(TP Con-12.6), WHART(TP Con10.8, Yield25F-7.8%)

• Strategy Update : I-Phone 16 เตรียมเปิดตัว หนุนหุ้นจำหน่ายมือถือ

กระแสการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ใกล้จะเริ่มขึ้น โดยปกติจะเกิดขึ้นในช่วง 1 -2 สัปดาห์แรกของเดือน ก.ย. ของทุกปี และในปีนี้ iPhone 16 คาดว่าจะเปิดตัว 10 ก.ย. 24 หรือราว 4 สัปดาห์ข้างหน้า ภายใต้จุดเด่นของ iPhone 16 คือ การใช้ชิป A17 -18 สนับสนุนฟีเจอร์ AI อาทิ การแปลภาษา, การแต่งภาพ เราประเมินรอบนี้มีโอกาสสูงที่จะเห็นกระแสตอบรับทางบวกจากฟีเจอร์ AI ที่ iPhone 16 จะสามารถใช้งานได้ทุกรุ่น จากปัจจุบันที่ใช้งานเฉพาะ รุ่นเรือธง (Flagship) iPhone 15 Pro เท่านั้น ทำให้กลุ่มลูกค้าที่เดิมไม่ได้ใช้งานเครื่องรุ่นเรือธงเดิม (Flagship) มีโอกาสพิจารณาเปลี่ยนเครื่องใหม่ vs ภาพหลายรุ่นช่วงก่อนหน้าที่ส่วนใหญ่ไม่มีฟีเจอร์ที่เป็นจุดเปลี่ยน ทำให้วงจรเปลี่ยนเครื่องค่อนข้างยาวนาน กระทบยอดขายหุ้นที่ดำเนินธุรกิจช่องทางจำหน่าย

KSS ได้ทำการศึกษาสถิติการเปิดตัว i-Phone ย้อนหลัง 6 ครั้งล่าสุด พบว่า หากลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์สูง คือ กลุ่มที่จำหน่าย iPhone ก่อนเปิดตัว iPhone 1 เดือน (ช่วงเวลาปัจจุบัน) และขายทำกำไรหุ้นในช่วงเปิดตัว หุ้นในกลุ่มทุกบริษัทมีความเป็นไปได้เกิน 75% ที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยมากสุด คือ JMART (ความเป็นไปได้ 100%, ผลตอบแทนเฉลี่ย 12.8%) SPVI (83%, 12.4%) COM7(83%, 5.7%) CPW(75%, 4.8%) และ SYNEX(83%, 4.4%) ตามลำดับ

กลยุทธ์ ด้วยผลศึกษาดังกล่าว ประกอบกับ ภาพพื้นฐานปัจจุบัน KSS แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่รายได้ส่วนใหญ่ยังมาจากการจำหน่ายอุปกรณ์ที่นอกจาก iPhone ยังเชื่อว่าจะมีอานิสงส์จากกระแส AI ในอุปกรณ์ตามหนุนอีกระลอกใหญ่ แนะนำเก็งกำไร SPVI (Trading), CPW (Trading) SYNEX (TP Con-13.9), ADVICE(TP-6.55) ส่วนการลงทุนแนะนำ ADVANC(TP-280) และ TRUE(TP-12) อีกหนึ่งกลุ่มที่มีโอกาสได้ประโยชน์ หากความนิยมสูง ระดับเงินอุดหนุนที่ใช้ขายเครื่องจะลดต่ำลง หนุนกำไร

• Strategy Update: MSCI Rebalance

MSCI ประกาศหุ้นเข้าออกในการคำนวณดัชนี โดยการ Rebalance จะมีผลวันที่ 30 ส.ค.24

MSCI Global Standard ▪️หุ้นเข้า : ไม่มี ▪️หุ้นออก : AWC (-95 ล้านเหรียญฯ), GPSC(-90 ล้านเหรียญฯ), EA(-35 ล้านเหรียญฯ) และ IVL ( -90 ล้านเหรียญฯ)

MSCI Global Small Cap ▪️หุ้นเข้า : BJC, EA, KAMART, TLI ▪️หุ้นออก : BAFS, BYD, EPG, NEX, ORI, PTG, RBF, THANI, SC, SJWD, SKY, SNNP, THCOM

 

• EGCO (Trading Buy, TP-108): The tone was positive at the analyst briefing yesterday. Progress at Yunlin is moving faster than planned, with 100% installation of turbine generators expected by Sep-24F and full COD by 4Q24F. The new QPL PPA will be concluded in 4Q24. However, EGCO's undervalued relative to its peers looks justified given expected lower returns from new projects that could reduce the dividend yield to below 6% starting in 2025F. Trading Buy with a TP of Bt108 unchanged.

• RATCH (Unrated): The tone was Neutral at the analyst briefing yesterday. Despite concerns that earnings may not be sustainable after the expiration of RATCH GEN expiry in 2025/27F, Paiton, Hin Kong unit 2 and others are expected to close the gap. However, we still have concerns about the low-quality returns from new projects and the pace at which the company is increasing its renewable energy share to align with global trends. While the valuation appears appealing—consensus 2024 PBV at 0.6x and a dividend yield of 5%—the 1H24 ROE of 4.5% suggests that more time is needed to meet the ROE target of 7-8%.

• IRPC (Neutral, TP1.8): มอง slightly negative ต่อข้อมูลในที่ประชุมนักวิเคราะห์ คาด 2H24F บริษัทยังต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างธุรกิจ ในขณะที่อัตรากำไรธุรกิจปิโตรเคมีฟื้นตัวช้า ทำให้ยังมีผลขาดทุน ส่วนแผนการลดค่าใช้จ่ายคงที่คาดเห็นผลชัดเจนขึ้น 2025F ไปแล้ว เรามองยังไม่ใช่จุดเข้าลงทุนแม้ราคาลงมามาก สามารถรอดูรายละเอียดการ optimize asset ที่ชัดเจนขึ้นใน 4Q24 ได้ คงคำแนะนำ Neutral ต่อ IRPC ที่ TP25F = 1.80 บาท/หุ้น

• BCH (Trading Buy, TP-20): แนะนำ Trading Buy สำหรับ BCH ปรับใช้ราคาเป้าหมาย (TP25F) ที่ 20 บาท (เดิม TP24F 20.50 บาท) วิธี DCF WACC 7.2% L-T growth 3% คิดเป็น Imply PE ปี 25F ที่ 29 เท่า เรามองว่า BCH ยังเด่นจากการสร้างแหล่งรายได้ใหม่ๆ จากศักยภาพรักษาโรคยากซับซ้อน ประกอบกับมีเครือข่าย รพ. พื้นที่กรุงเทพฯ, ภาคกลาง และภาคเหนือ รวมทั้งมีแผนขยายเครือข่ายเพิ่มในภาคตะวันออก ทำให้มีโอกาสขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติมทั้งกลุ่มเงินสดและประกันสังคม ทั้งนี้ในปี 25F หาก BCH บันทึกรายได้ RW>2 ต่ำกว่า 12,000 บาท อาจส่งผลต่อการเติบโตรายได้ประกันสังคมต่ำกว่าประมาณการของเรา

 

 

3Q24F Equity Outlook : The strong get stronger, the weak get less weak

Stock Best Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA

Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้