AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ขยับขึ้นบางๆ
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Strategy
SET Index คาดปรับขึ้น 1350-1365 การส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยฯของประธาน FED ในการประชุม Jackson Hole เชื่อว่าจะเป็นผลบวกต่อทิศทาง Fund Flow ที่มีแนวโน้มไหลเข้ามายังตลาดห้นภูมิภาค ส่วนบ้านเราความเห็นของผู้ว่า ธปท. มีความยืดหยุ่นมากขึ้นต่อการดำเนินนโยบายการเงินเรามองเป็นบวกต่อ SET Index ในมุมเม็ดเงินที่มีโอกาสเคลื่อนย้ายตลาดหุ้นมากขึ้น ส่วนความตึงเครียดตะวันออกกลางเป็นประเด็นเสี่ยงที่ติดตาม วันนี้เลือกหุ้น CKP TASCO

ถ้อยแถลงประธาน FED ในการประชุม Jackson Hole ที่มีการส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยฯ หลังมีมุมมองต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯมีแนวโน้มเข้าสู่เป้าหมาย ขณะที่อัตราว่างงานตึงตัวน้อยลงและ FED จะพยายามประคองตลาดแรงงานไม่ให้แย่กว่าเดิม ส่งผลให้ FEDWATCH Tool คาดว่าดอกเบี้ยสหรัฐฯในการประชุมเดือน ก.ย. อย่างน้อย 0.25% ด้วยโอกาส 100% ตลาดหุ้นสหรัฐฯตอบรับเชิงบวกปรับขึ้นเฉลี่ย 1% Dollar Index อ่อนค่า 0.8% สวนทางเงินบาทแข็งค่า 0.6% ส่วนบ้านเรามีสัญญาณบวกอ่อนๆต่อความเห็นของผู้ว่า ธปท. ที่พร้อมปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินหากเสถียรภาพระบบการเงินตึงตัวมากไปจนกระทบเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นบวกต่อ SET Index ในมุม EYG จะกว้างขึ้นหนุน Fund Flow Switching จากตลาดตราสารหนี้เข้าสู่ตลาดหุ้น ส่วนกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์ High Yield INTUCH ADVANC SCB กลุ่มไฟแนนซ์ MTC SAK กลุ่มหนี้ภาระดอกเบี้ยสูง TRUE MINT เป็นตัน

ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างตะวันออกกลางสูงขึ้นจากอิสราเอลส่งเครื่องบินโจมตีระบบยิงขีปนาวุธของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งต้องติดตามพัฒนาการเหตุการณ์ โดยราคาน้ำมันดิบ Brent เช้านี้ปรับขึ้น 0.5% ส่วนบ้านเราให้ความสนใจไปที่สถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ แต่หลายฝ่ายคาดว่ายังไม่รุนแรงเท่ากับปี 2554 จึงประเมินผลต่อเศรษฐกิจยังจำกัด โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์หลังน้ำท่วมให้น้ำหนักไปกลุ่มวัสดุก่อสร้างชอบ TASCO SCCC กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังน้ำ CKP

Market Summary
SET ปรับขึ้น 13.8 จุด กลุ่มนำตลาดเป็นหุ้นได้ปัจจัยบวกจากงาน Vision for Thailand นำโดยกลุ่ม ค้าปลีกตอบรับ Digital Wallet ที่แนวโน้มเดินหน้าต่อ CPAXT +5.8% HMPRO +7.1% BJC +3.7% กลุ่มไฟแนนซ์และธนาคารปรับขึ้นตอบรับแนวคิดนโยบายการแก้หนี้ภาคประชาชน BBL+3.6% KTB +2.2% TTB +1.7% MTC +1.7% ต่างชาติซื้อสุทธิหนาแน่นมากที่สุดในรอบ 3 เดือน 2.8 พันล้านบาท

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ CKP TASCO

TASCO Demand การใช้ยางมะตอย
ในประเทศหนุนกำไร 2H67
ผลประกอบการ 2H67 คาดดีขึ้นจาก 1H67 อย่างมาก เนื่องจากตลาดในประเทศมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 และ เริ่มใช้งบประมาณใหม่ปี 68 ในเดือน ต.ค. 67 ส่วนตลาดต่างประเทศจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น
เราเห็นสัญญาณบวกจากสภาพัฒน์ปรับเป้าการลงทุนภาครัฐฯปี 67 หดตัว -0.7%YoY น้อยลงจากเดิมคาด -1.8%YoY และ 1H67 หดตัว -16.7%YoY สะท้อนภาพเม็ดเงินที่เร่งเข้าสู่ระบบตั้งแต่ 3Q67 ผสาน Catalyst ระยะสั้นปัญหาน้ำท่วมทางภาคเหนือในปัจจุบันที่หลายฝ่ายคาดว่าจะคลี่คลายในช่วงต้นเดือน ก.ย เป็นบวกต่อ ปริมาณการใช้ยางมะตอยเพื่อใช้ซ่อมถนน
การตั้งสำรองขาดทุนด้านเครคิตที่เกิดขึ้นใน 1H67 เท่ากับ 247 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทรับเหมาฯชำระเงินล้าช้า ผู้บริหารคาดจะบวกกลับมาเกือบทั้งหมดในปลาย 3Q-4Q67 หลังจากบริษัทรับเหมาได้รับชำระเงินจากหน่วยงานของรัฐบาล
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 20.00 บาท

CKP ฤดูน้ำหลากจะหนุนกำไร
แนวโน้มผลประกอบการ 3Q67 คาดกำไรจะเพิ่มเป็น 1,200-1,500 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้า ไชยะบุรี 3QTD ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เป็น 4,200 - 6,000 ลบม./วินาที เทียบกับ 2Q67 ที่มีปริมาณน้ำไหลผ่าน เพียง 1,572 -3,255 ลบม./วินาที ซึ่งสอดรับไปกับสถานการณ์น้ำท่วมตอนเหนือของบ้านเราในตอนนี้
ขณะที่กำไร 2H67 ได้เข้าสู่ช่วงปรากฏการณ์ La Niña ทำให้ผลประกอบการโรงไฟฟ้าไซยะบุรี จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยคาดกำไร 1,829 ล้านบาทฟื้นตัวจากปี 2566 เท่ากับ 25% YoY
ด้าน Valuation ราคาหุ้นซื้อขายบน PER67E 17.3 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี 0.6 เท่า นอกจากนี้ทิศทางเงินบาทที่แข็งค่า 7%QTD ทำให้มีโอกาสพลิกกลับมาบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในงวด 3Q67
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 4.50 บาท

KEY FACTOR
บทสรุปการประชุม Jackson Hole ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธาน Fed ส่งสัญญาณเข้าสู่วงจรดอกเบี้ยขาลง โดยจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม เดือน ก.ย. ส่งผลบวกหนุน Risk sentiment 1) หุ้นสหรัฐฯ S&P500 +1.15% Nasdaq +1.47% 2) ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 และ 10 ปี ปรับตัวลง -8.8 และ -5.3 bps ตามลำดับ 3) มุมมองตลาดให้น้ำหนัก Fed ลดดอกเบี้ย 4 ครั้ง ในปีนี้
ในสัปดาห์นี้ ปัจจัยการเมืองในประเทศยังน่าจะมีผลเคลื่อนตลาด นายกฯจะนำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ นอกจากนี้กรอบระยะเวลาต่างๆเริ่มชัดเจนมากขึ้น โดยรัฐบาลมีกำหนดการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในวันที่ 16 ก.ย. โดยจะมีการหารือร่วมกับภาคเอกชนในช่วงก่อนหน้านั้น ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยหนุนให้ความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทยยังดีต่อเนื่อง และน่าจะทำให้กระแสเงินทุนทั้งนักลงทุนต่างชาติและสถาบันฯ มีโอกาสไหลเข้าต่อ หลังจากที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซื้อสุทธิ +2.84 พันลบ. และ +754 ลบ. ตามลำดับ

Eyes On

ในสัปดาห์ ส่งออกไทย เดือน ก.ค., นายกฯนำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ
26 ส.ค. จีนกำหนดอัตราดอกเบี้ย MLF อายุ 1 ปี
27 ส.ค. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน
30 ส.ค. PCE ของสหรัฐฯ, CPI และอัตราการว่างงานของ Eurozone

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ