AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ทดสอบ 1350
กลยุทธ์เลือกหุ้น Vision for Thailand Play
Market Strategy
SET Index คาดขึ้นทดสอบแนวต้าน 1350 จุด แรงหนุนมาจากการตอบรับเชิงบวกต่อความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอยู่ในช่วงการแกว่งพักตัวก่อนการแถลงของประธาน FED ในการประชุม Jackson Hole กลยุทธ์วันนี้เลือก TTB และ BJC ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลใหม่
เชื่อว่าตลาดจะให้ความสนใจกับงาน Vision for Thailand 2024 ที่จัดขึ้นวานนี้ที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ออกมาแสดงวิสัยทัศน์ โดยเราให้น้ำหนัก 3 ประเด็นที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้เร็วที่สุดซึ่งจะสร้างแรงขับเคลื่อนต่อหุ้นในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมประกอบด้วย 1) Digital Wallet ที่มีโอกาสจะจ่ายรอบแรกเดือน ก.ย. สำหรับกลุ่มเปราะบางและผู้พิการ 14.5 ล้านคน มองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก (ชอบ BJC CPALL COM7) กลุ่มอาหาร (ชอบ OSP ) และกลุ่มไฟแนนซ์ (ชอบ MTC SAK) 2) โครงการวายุภักษ์ที่มีโอกาสเดินหน้าต่อ (ชอบ TTB KTB SCB และ BCP) และ 3) เสนอ ธ.พ. ลดเงินนำส่งเข้ากอง FIDF และตั้งกองทุนซื้อหนี้จากสถาบันการเงินเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร (ชอบ TTB SCB และ BBL) แต่อย่างไรก็ตามการเดินหน้าของโครงการต่างๆข้างต้น ยังต้องติดตามท่าทีของรัฐบาลใหม่ที่ปัจจุบันอยู่ในช่วงฟอร์มทีม ครม. และความชัดเจนต่างๆจะเกิดขึ้นภายหลังจากการแถลงนโยบายในสภาผู้แทนราษฎรซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือน ก.ย.
ด้านปัจจัยต่างประเทศตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ปรับฐานในช่วง -0.5% ถึง -1.7% หลังจากนักลงทุนลดสถานะเพื่อติดตามถ้อยแถลงของประธาน FED ในการประชุม Jackson Hole ในวันนี้ ซึ่งเราคาดว่าจะเห็นการส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยฯ ในเดือน ก.ย. แต่ไม่ระบุถึงขนาดของการปรับลดว่าเท่าไหร่ หากออกมาในแนวทางข้างต้นคาดว่าจะเป็นบวกต่อทิศทาง Fund Flow ที่ยังเชื่อว่าจะไหลเข้ามาในตลาดหุ้นภูมิภาครวมถึงบ้านเราในระยะถัดไป
Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 3.20 จุด หนุนหลักจากหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่ปรับขึ้นบนความหวังต่อมาตรการกระตุ้น CPAXT +4.3% BJC +3.4% กลุ่มขายมือถือและอุปกรณ์มือถือ COM7 +2.6% SPVI +7.8% ADVICE +9.8% ตามด้วยกลุ่มพลังงาน OR +4% GULF +1.1% กลุ่มที่ Underperform คือ กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ จากบาทแข็ง HANA -3.0% KCE -1.3% นักลงทุนต่างชาติสลับขายสุทธิ 850 ล้านบาท
ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BJC TTB
TTB เป้าหมายของเม็ดเงิน
กองทุนวายุภักษ์ใหม่
คาดกำไร 67/68 ยังเติบโต 16%/10% แถม TTB มี Tax Shield เป็นตัวช่วยจำกัด Downside ของกำไร นอกจากนี้เราเชื่อว่า TTB จะได้ประโยชน์หากรัฐบาลใหม่สามารุถใช้มาตรการลดการนำส่ง FIDF และตั้งองค์กรเพื่อซื้อหนี้ NPL ซึ่งคาดว่าจะเน้นกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่มีสัดส่วนสูงถึง 62% ของสินเชื่อรวม
เชื่อว่า TTB จะเป็นหนึ่งในเป้าหมายของกองทุนวายุภักษ์ใหม่ซึ่งคาดว่าเตรียมจะเปิดขายในช่วงปลาย ก.ย.67 เนื่องจากมีจุดเด่นจากปันผลปี 67/68 จ่ายระดับสูง 7.9%/9.4% ต่อปี ซื้อขายบน PBV ที่ 0.74 เท่าและมี SET ESG Rating สูงที่ระดับ AA
เราคาดเม็ดเงินที่จะไหลเข้า TTB อยู่ในช่วง 5.3-8 พันล้านบาท (บนสมมติฐานขนาดกองทุนวายุภักษ์ใหม่ 1-1.5 แสนล้านบาทและจะถือครอง TTB ในอัตราส่วนเท่ากับกองทุนวายุภักษ์ ปัจจุบันที่มีสัดส่วนเท่ากับ 5.34% ของ NAV
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 2.10 บาท
BJC กำไรหลัก 2H67 จะฟื้นตัว
สวนทางราคาหุ้นที่ถูกเกินไป
กำไรหลักงวด 2Q67 ซึ่งสูงกว่าที่เราคาดการณ์และตลาดคาดการณ์ 23%/13% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่า ขณะที่กำไรหลัก 2H67 คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นตามปัจจัยฤดูกาลที่เข้าช่วงการท่องเที่ยวและประสิทธิภาพการผลิตที่สูงขึ้น
ระยะสั้นจะได้ Sentiment บวกจากมาตรการ Digital Wallet ที่มีโอกาสเริ่มตั้งแต่เดือน ก.ย. 67 เร็วกว่าที่คาดหมายเดิมว่าจะเริ่ม ธ.ค.67 ทั้งนี้การจ่ายรอบแรกสำหรับกลุ่มผู้เปราะบาง เราคาดว่าจะช่วยหนุนต่อ SSSG ของ BIG C ที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ
นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จาก Index Play หลัง BJC ถูกเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global Small Cap ซึ่งจะมีผลราคาปิดวันที่ 30 ส.ค. 67 โดยราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีปรับลงแรง -14% มากกว่ากลุ่มค้าปลีกที่ปรับลง -7% ไปมาก จนราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน PER67E 17.9 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง -2 S.D. ซึ่งถือว่าถูกมาก
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 29.00 บาท
KEY FACTOR
ปัจจัยต่างประเทศ ตัวเลข Flash PMI บ่งชี้ภาคการผลิตที่แย่กว่าคาด แต่ภาคบริการดีกว่าคาด ของ 1) สหรัฐฯ ภาคการผลิต 48 v.s. คาด 49.5 ส่วนภาคบริการ 55.2 v.s.คาด 54.0) 2) Eurozone ภาคการผลิต 45.6 v.s. คาด 45.8 ส่วนภาคบริการ 53.3 v.s. คาด 51.7 ขณะเดียวกันตลาดหันมาให้น้ำหนักการประชุม Jackson Hole ที่เริ่มต้นในวันที่ 22 ส.ค. และจะมี highlight สำคัญ การแถลงของประธาน Fed วันที่ 23 ส.ค.
ในแง่ความคืบหน้าการเมืองไทย เมื่อวานนี้จากการแสดงวิสัยทัศน์ของ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตรบ่งชี้โอกาสการดำเนินนโยบายที่น่าจะเป็น Quick Win ของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นในเดือน ก.ย. ทันทีหลังจัดตั้งรัฐบาลเสร็จ ประกอบด้วย 1) แจกเงิน 10,000 บาท รอบแรกให้กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน ด้วยงบฯปี 67 ภายในเดือน ก.ย. 2) การเดินหน้าจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 3) การแก้หนี้โดยตั้งองค์กรซื้อหนี้จากสถาบันการเงิน และปรับลด FIFD ในขณะที่มาตรการระยะยาวที่สำคัญ ประกอบด้วย 1) การออกใบอนุญาตตั้ง Entertainment Complex 2) พิจารณาปรับโครงสร้างภาษี 3) ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ 4) ปรับโครงสร้างให้รถไฟฟ้าบริหารงานโดยรัฐบาล 5) ผลักดันธุรกิจใต้ดินขึ้นบนดิน
Eyes on
22-24 ส.ค. การประชุม Jackson Hole
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ