AT THE OPEN (#ATO)
SET Index น่าจะเป็น Good Friday
กลยุทธ์เลือกหุ้นได้ประโยชน์ความชัดเจนการเมือง
Market Strategy
SET Index ขึ้นทดสอบแนวต้าน 1310/1320 จุด แรงหนุนหลักจากความชัดเจนทางการเมืองที่จะถูกปลดล็อค จากวันนี้คาดว่าคุณแพรทองธาร จะได้รับการโหวตเป็นนายกฯคนใหม่ พร้อมกับจับขั้วกับพรรคร่วมเดิมเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ส่งผลสูญญากาศทางการเมืองช่วงสั้นมากๆ ทำให้ให้นโยบายต่างๆยังถูกขับเคลื่อน ได้ต่อ การพิจารณางบประมาณปี 68 จะไม่ล่าช้า ด้านปัจจัยต่างประเทศได้แรงหนุนจากความกังวลต่อ U.S. Recession ลดลงหลังการรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกและแรงงานสหรัฐฯ ดีกว่าคาด วันนี้เลือกหุ้น Domestic Play CK KBANK
ประเด็นทางการเมืองจะชัดเจนขึ้นจากนี้ หลังวันนี้จะมีการเปิดประชุมสภาฯเพื่อเลือกนายกฯ ซึ่งคาดหมายว่าคุณแพรทองธารจะได้รับเลือกได้เป็นนายกฯคนใหม่พร้อมจับขั้นกับกับพรรคร่วมเดิมเพื่อจัดตั้งรัฐบาล กระบวนการต่อจากนี้จะเป็นการจัดตั้ง ครม. นำขึ้นทูลเกล้าฯ/รอโปรดเกล้าฯ ถวายสัตย์ฯ และแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งอิงรอบรัฐบาลก่อนใช้เวลาราว 3 สัปดาห์ ทำให้การขับเคลื่อนนโยบายต่างๆดำเนินต่อโดยเฉพาะนโยบายตลาดทุนทั้งกองทุน TESG(เหลือประกาศในราชกิจจานุเบกษา)และการจัดตั้งวายุภักษ์ ด้านงบประมาณปี 68 เชื่อว่าจะไม่ล่าช้า มีเพียงนโยบาย Digital Wallet ที่คงต้องติดตามท่าทีจากรัฐบาลใหม่ ภายใต้ความคืบหน้าข้างต้นจะเป็นปัจจัยบวก ต่อ SET Index โดยเรามองกลุ่มที่ปรับขึ้นได้ดี 1)กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐฯ CK TASCO SCCC และ 2) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากกองทุน TESG &วายุภักษ์ชอบ TTB KTB KBANK AOT ADVANC CPALL GULF
ด้านปัจจัยต่างประเทศเป็นในทางบวกจากการรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ก.ย. ขยายตัว 1% ดีกว่าตลาดคาด 0.4% และรายงาน Initial Jobless Claim ที่เพิ่มขึ้น 2.27 แสนตำแหน่งต่ำกว่าตลาดคาด 2.35 แสนตำแหน่ง ทำให้ความกังวลต่อ U.S. Recession ลดลดลงหนุนต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ปรับขึ้นในช่วง 1.4% ถึง 2.34% ราคาน้ำมันดิบบวก 1.6% หนุนต่อกลุ่มอิเล็คฯ และกลุ่มพลังงาน (PTTEP SPRC BCP)
Market Summary
SET Index ติดลบ -2.85 จุด กลุ่มที่ underperform คือกลุ่มที่อ่อนไหวต่อความไม่แน่นอนทางการเมืองรับเหมาฯ STEC -10.6% CK -4.44% กลุ่มตกแต่งบ้าน DOHOME -3.5% GLOBAL -3.1% สวนทางกลุ่มที่ Outperform กลุ่มที่รายงานงบ 2Q67 ดีกว่าตลาด CPF +2.1% COM7 +9% STA +5.1% STGT +14% นักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศขายสุทธิ 516 ล้านบาท/1292 ล้านบาท
ATO Daily Stock Picks
แนะนำ CK KBANK
CK ความชัดเจนทางการเมือง
หนุนราคาฟื้นตัวกลับ
ราคาหุ้นปรับลง 20% ในช่วงเวลาเกือบ 3 เดือน ตอบรับความกังวลต่อความไม่แน่นอนทางการเมืองไปมาก สวนทางปัจจัยพื้นฐานที่ยังแข็งแกร่ง โดยกำไร 2Q67 เท่ากับ 488 ล้านบาท ขยายตัว +303% QoQ ได้แรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่สูงขึ้นมาจาก BEM ที่กำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ และเงินปันผลจาก TTW
3Q67 คาดกำไรจะดีสุดของปี เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของ CKP ซึ่งปีนี้เกิดปรากฏการณ์ La Niña ทำให้จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก CKP หนุนกำไรของ CK ขึ้นระดับ 800-900 ล้านบาท ส่วนกำไรปกติปี 67 ที่ 2.04 พันล้านบาทเติบโต 40%
แนวโน้มปี 2568 คาดจะเติบโตดีขึ้นจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.09 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่งลงนามเมื่อวันที่ 23 ก.ค.หนุน Backlog ปัจจุบันทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2 แสนล้านบาท
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 26.00 บาท
KBANK คุณภาพสินทรัพย์คุมดี
ลุ้น Flow เข้าหนุน
เราคาดว่า KBANK จะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินกองทุน TESG เข้าหนุน (ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนรอประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา) นอกจากนี้ความชัดเจนทางการเมืองจะเป็นอีก 1 ปัจจัยที่ช่วยดึงดูด Fund Flow ต่างชาติไหลเข้ากลับ ซึ่ง KBANK มักจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายเสมอ
ด้านทิศทางผลประกอบการ 2Q67 ที่ผ่านเราเห็นสัญญาณบวกจากคุณภาพสินทรัพย์ ที่สัดส่วน NPL ลดลง 7bps QoQ มาอยู่ที่ 3.72% ในขณะที่ Coverage Ratio เพิ่มขึ้น 2% QoQ จากนโยบายของบริษัทที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพการปล่อยสินเชื่อมากกว่าปริมาณ โดยเราคาด EPS Growth ปี 67/68 ขยายตัว 10.3% และ 6.9%YoY ดีกว่ากลุ่มที่ขยายตัว 5.9% และ 6.5%YoY
ด้าน Valuation ปัจจุบันซื้อขายบน ไม่แพงบน PBV67E 0.55 เท่า ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงอยู่ที่ 5.7% ต่อปี
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 155.00 บาท
KEY FACTOR
เดือนที่ผ่านมา ภาคการผลิตยังอ่อนแอ ในขณะที่ การบริโภคภาคเอกชนยังแข็งแกร่ง 1) ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ -0.6% MoM แย่กว่าคาด -0.3% MoM 2) ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน +5.1% YoY ต่ำกว่าที่คาด +5.2% YoY และชะลอลงจาก +5.3% YoY ในเดือนก่อนหน้า 3) ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ขยายตัว +1.0% MoM ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ +0.4% MoM อย่างมีนัยสำคัญ 4) ยอดค้าปลีกของจีน +2.7% YoY สูงกว่าคาด +2.6% YoY และเร่งตัวจาก +2.0% YoY ในเดือนก่อนหน้า
ปัจจัยภายภายในประเทศวันนี้น่าจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นและสร้าง sentiment บวกต่อตลาด จากความคืบหน้าการเปิดสภาฯหารือวาระพิเศษเพื่อเลือกนายกฯ ซึ่งคาดว่าจะมีบทสรุป ผสานกับความชัดเจนมาตรการและโครงการภาครัฐน่าจะทำให้ตลาดกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้น 1) TESG ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณารายละเอียด และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะออกประกาศแก้ไขกฎกระทรวง 2) กองทุนวายุภักษ์ ซึ่งหากเป็นไปตามกำหนดการเดิมกระทรวงการคลัง ตลท. และ กลต. จะมีการหารือรายละเอียดเพิ่มเติมร่วมกันภายในวันนี้
EYES ON
16 ส.ค. สภาฯ นัดวาระพิเศษ เลือกนายกฯ
นักลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ