NSL : ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่หนุนกำไรสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

กำไรเป็นไปตามประมาณการ, ยกเลิกธุรกิจที่ขาดทุน
NSL รายงานกำไรใน 2Q สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 132 ล้านบาท (+60% YoY, +3% QoQ) ได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของยอดขายที่แข็งแกร่ง 21% YoY ท่ามกลางอัตรากำไรขั้นต้นที่คงที่ที่ 20.7% อย่างไรก็ตาม NSL ยังบันทึกผลขาดทุน 5 ล้านบาท จากกิจการร่วมค้า ซึ่งสูงกว่าที่เราประมาณการไว้ เนื่องจากการขาดทุนจากการด้อยค่าสูงถึง 3.3 ล้านบาท จากการยุบเลิก Pen1 F&B ในขณะที่ NSL Bake a Wish ยังคงมีกำไรเล็กน้อย NSL ยังประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.35 บาทต่อหุ้น (คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 41%) โดยมีวันขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 23 สิงหาคม 2024

ยอดขายและกำไรทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง
ยอดขายอยู่ที่ 1.41 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% YoY ด้วยแรงหนุนจากผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ของ NSL ที่เติบโต 16% YoY เป็น 1.24 ล้านบาท และกลุ่มแบรนด์และการค้าของ NSL ที่พุ่งสูงขึ้น 833% YoY เป็น 91 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ใหม่ โปรโมชั่นการขาย และการเน้นยอดขายผ่านพาร์ทเนอร์จัดส่ง ช่วยยกระดับกลุ่มเบเกอรี่ สิ่งนี้ ร่วมกับการควบคุมต้นทุน การประหยัดต่อขนาด และต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 20.7% (เทียบกับ 18.4% ใน 2Q23 และ 21.0% ใน 1Q24) ด้วยสัดส่วน S&GA ต่อยอดขายที่ควบคุมได้ดีที่ 9.2% เทียบกับ 9.4% ใน 2Q23 ทำให้ EBIT อยู่ที่ 163 ล้านบาท (+53% YoY, +2% QoQ)

มีมุมมองเชิงบวกสำหรับ 2H24F ; คงการคาดการณ์
เรายังคงประมาณการของเรา เนื่องจากกำไรใน 1H24 คิดเป็น 50% ของประมาณการทั้งปี 2024 ของเรา แนวโน้มสำหรับ 2H24 ยังคงสดใสจาก 1) การมีส่วนร่วมในผลขาดทุนจากกิจการร่วมค้าที่ลดลง (PEN1 F&B มีผลขาดทุน 4.8 ล้านบาทใน 1H24) 2) การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งจาก NSL และ Bake a Wish และ 3) ความสามารถในการรักษาการประหยัดต่อขนาด

มูลค่าที่เหมาะสมอิงการประเมินมูลค่าเชิงสัมพัทธ์
เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ NSL โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 38.50 บาท อ้างอิงจากการประเมินมูลค่ากลางปี 2025 ด้วย P/E ที่ 20.6 เท่า ซึ่งมีความเสี่ยงหลักได้แก่ 1) ข้อตกลง MOU กับ CPALL 2) ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบ และ 3) ความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ใหม่