News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

13 ส.ค. 2567 09:55:13 661

Market Wrap-Up

SET วันที่ 9 ส.ค.67 ปิด +0.82 จุด อยู่ที่ 1,297.07 จุด มูลค่าการซื้อขาย 42,933 ลบ.สถาบันซื้อ 587 ลบ.ต่างชาติซื้อ 51 ลบ.พอร์ตโบรกขาย 606 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิรวม 455 ลบ. โดยมียอดซื้อสุทธิในหุ้น TRUE,BH,SCB,BCP,DELTA และมียอดขายสุทธิ ADVANC,TIDLOR,MTC,PTTGC,GPSC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,262 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ CN01,HKCE01,TPIPL-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 12,628 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 28,236 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 9,011 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.36%, S&P500 +0.00%, Nasdaq +0.21% จากแรงขายกลุ่มอสังหา -0.64%, บริการสื่อสาร -0.62% ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยี +0.92%, พลังงาน +0.49% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.02% จากแรงขายกลุ่มอสังหา -0.90% ขณะที่กลุ่มพลังงาน & ทรัพยากรพื้นฐานปรับขึ้นตามราคาน้ำมันและโลหะ

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปิดทรงตัวคลายความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงน้อยกว่าคาด กอปร ISM เผยดัชนีภาคบริการสหรัฐ ก.ค.ยังอยู่ในโซนขยายตัว ขณะที่ความเกห็นของเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่หนุนให้ลดดอกเบี้ย หลังเงินเฟ้อสหรัฐมีสัญญาณชะลอตัวลง โดย CME Fed Watch ชี้โอกาส 50% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 17 – 18 ก.ย. นี้ สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจวันนี้ติดตาม US PPI ก.ค. คาด 2.3% & มิ.ย. 2.6% YoY, วันพุธ US CPI ก.ค. คาดทรงตัวที่ 3.0% YoY และวันพฤหัสยอดค้าปลีกสหรัฐ ก.ค. คาด 0.4% & มิ.ย. 0% MoM
ตลาดหุ้นยุโรปวานนีปิดทรงตัว หลังปริมาณการซื้อขายใน ส.ค. คาดปรับลดลงในช่วงหยุดพักฤดูร้อน โดยสัปดาห์นี้วันพุธรอรายงาน GDP ยูโรโซน Q2/67 ครั้งที่ 2 คาด +0.3% & Q1/67 +0.3% QoQ และการจ้างงาน Q2/67 คาด +0.2% & Q1/67 +3% QoQ เพื่อประเมินโอกาสที่ ECB จะลดดอกเบี้ยต่อในปีนี้
ตลาดหุ้นเอเขียเหนือวานนี้ฟื้นตัวตามกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐ หลังเริ่มคลายกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย กอปรกับความผันผวนของค่าเงินเยนเริ่มลดลง หลัง BOJ เผยจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อ หากตลาดเงินยังไร้เสถียรภาพ สัปดาห์นี้รอข้อมูลเศรษฐกิจ เช่น GDP ญี่ปุ่น Q2/67 คาด +0.6% & Q1/67 -0.5% QoQ และข้อเศรษฐกิจจีน เช่น ราคาบ้าน, การลงทุนสินทรัพย์ภาวร, ผลผลิตภาคอุต ฯ, ยอดค้าปลีก และอัตราว่างงาน ก.ค.
สัปดาห์ที่ผ่านมา SET -1.22% wow ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 4.32 หมื่น ลบ. +8.2% wow พอร์ตโบรกขาย 2.53 พัน ลบ. สถาบันซื้อ 1.84 พัน ลบ. ต่างชาติซื้อ 423 ลบ. และรายย่อยซื้อ 268 ลบ. wow โดยช่วงต้นสัปดาห์ดัชนี SET ปรับลดลงต่ำสุดที่ระดับ 1,273.17 จุด ก่อนจะฟื้นตัวหลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐบ่งชี้ยังไม่มีสัญญาณเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย และความผันผวนจากการปิดสถานะ Yen Carry Trade ลดลง กอปรกับได้ปัจจัยหนุนจากรายงานกำไร Q2/67 ของ บจ.ขนาดใหญ่ เช่น PTT, ADVANC, DELTA ที่ดีกว่าคาด ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศ ไม่มีสถานการณ์ชุมนุมหลัง ศาล รธน.วินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล ส่วนข้อมูลการลงทุนวานนี้ MSCI ประกาศรีบาลานท์ Global Standard Index ไม่มีหุ้นไทยเข้าใหม่ และถอดหุ้น AWC, GSPC, IVL, EA ออก ขณะที่ Small Cap หุ้นเข้าใหม่ BJC,EA,KAMART,TLI และถอดหุ้น BAFS,BYD,EPG,NEX,ORI,PTG,RBF
,THANI,SC,SJWD,SKY,SNNP,THCOM ส่วนปัจจัยการเมืองวันพรุ่งนี้ ศาล รธน.จะวินิจฉัยคุณสมบัตินายก ฯ ซึงหากผิดคุณสมบัติ จะส่งผลให้ต้องสรรหานายก ฯ ใหม่ และจัดตั้ง ครม.ชุดใหม่

Daily Strategy

วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,285 – 1,290 แนวต้าน 1,300 – 1,310 คาดดัชนีทรงตัวรอคำวินิจฉัยคุณสมบัตินายกฯ ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงต้องระวัง คือ สงครามในตะวันออกกลาง แนะนำซื้อเก็งกำไรกลุ่มพลังงาน เช่น PTT,PTTEP,TOP,BCP ตามราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น /เก็งกำไร WHA,NER,COCOCO,CBG รายงานกำไร Q2/67 ดีกว่าคาด
PTTEP (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 00 บาท) ได้รับ sentiment บวกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น หนุนจากความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่านจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ส่วนแนวโน้มผลประกอบการ 2H67 คาดประคองตัวได้แม้ราคาน้ำมันจะผันผวนทั้งจากปัจจัยบวกและลบ ขณะที่ 3Q67 จะเห็นปริมาณขายลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงตามแผน ดังนั้นแนะนำเลือกเก็งกำไรช่วงสั้นในจังหวะที่ราคาร่วงเพราะขึ้นเครื่องหมาย XD 4.50 บาท/หุ้น ในวันนี้
TACC* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 6.30 บาท) กำไรสุทธิ 2Q67 อยู่ที่ 69 ลบ. (+28%YoY, +13% QoQ ) แม้มีปัจจัยลบจากราคากาแฟ(ต้นทุน)ที่สูงขึ้นอยู่บ้าง แต่ภาพรวมกำไรสามารถเป็นบวกได้ต่อเนื่องจาก 1.แรงหนุนเชิงรายได้ตามสภาพอากาศร้อนจัดในเดือน เม.ย.-พ.ค.67 2.การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และ 3.การออกสินค้าใหม่ๆเพื่อชดเชยมาร์จิ้น เช่น เจลี่ คอลลาเจน เป็นต้น ด้านการดำเนินงาน 3Q67 แม้คาดอ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่ 4Q67 จะกลับมาดีอีกครั้ง ทั้งนี้ ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี67 และ68 กำไรสุทธิของ TACC* จะอยู่ที่ระดับ 243 ลบ.(+18%YoY) และ 270 ลบ.(+11%YoY) ตามลำดับ

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI ก.ย. +$3.22 อยู่ที่ $80.06 / บาร์เรล, Brent ต.ค. +$2.64 อยู่ที่ $82.30/บาร์เรล จากความกังวลสงครามในตะวันออกกลาง หลังสหรัฐส่งเรือดำน้ำติดขีปนาวุธและเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าไปในตะวันออกกลาง

Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$30.60 อยู่ที่ $2,504 /ออนซ์ ยังได้แรงหนุนหลังมีความเสี่ยงเกิดสงครามในตะวันออกกลาง

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +34.31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +30.72 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +3.59 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 35.15 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 3.913 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -15 จุด อยู่ที่ 1,655

(+) BitCoinเช้านี้ +1.74% อยู่ที่ 59,638 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

19 ส.ค. สภาพัฒน์ แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 2/67

21 ส.ค. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 4/2567

สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์

กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย

ต่างประเทศ

13 ส.ค. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เดือนต่อเดือน) ( ก.ค.)

14 ส.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ก.ค.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

15 ส.ค. US ดัชนียอดขายปลีก ( ก.ค.)

US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย ( ส.ค.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL*

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE*

(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*

(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio August 2024: GFPT*, CPALL, BH, BTG*, THCOM

Analysts

Apichai Raomanachai