Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

484

 


ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ อัปเดตสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และแนวโน้มผลกระทบต่อราคาน้ำมัน
สงครามอิสราเอล-ฮามาสกำลังเข้าสู่เดือนที่ 10 แล้ว นับตั้งแต่กลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลในปี 2023 โดยความขัดแย้งมีแนวโน้มที่จะขยายตัวมากขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ถล่มสถานกงสุลของอิหร่านในซีเรีย จนทำให้อิหร่านตอบโต้กลับในเดือนเมษายนด้วยการยิงขีปนาวุธไปยังอิสราเอลแต่ถูกสกัดไว้ได้
ล่าสุดความตึงเครียดได้กลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง จากการที่อิสราเอลลอบสังหารนายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฝ่ายการเมืองของฮามาส ในดินแดนของอิหร่าน แต่ตลาดอาจยังไม่ได้กังวลต่อปัจจัยลบนี้มากนัก เนื่องจากเหตุการณ์ครั้งที่แล้วไม่ได้บานปลาย
อย่างไรก็ตาม เรามองว่าความตึงเครียดครั้งนี้มีโอกาสทำให้เกิดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์แบบสุดขั้ว (Geopolitical Tail Risks) ที่ต้องจับตามองมากขึ้น โดยแม้ว่าคำจำกัดความของ Geopolitical Tail Risks จะ “มีความน่าจะเป็นต่ำ” แต่ “หากเกิดขึ้นก็จะมีผลกระทบสูงมาก” ส่งผลให้นักลงทุนไม่สามารถที่จะประมาทได้
ปัจจัยแวดล้อมที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มการเพิ่มระดับความรุนแรงระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน และมีโอกาสเกิด Tail Risk Event มากขึ้น มีดังนี้
1 การซุ่มเงียบของอิหร่าน: ในครั้งนี้ อิหร่านไม่ได้ส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าเหมือนเหตุการณ์ในเดือนเมษายน โดยครั้งนั้นได้แจ้งบางประเทศแบบลับๆ ก่อนการโจมตี ทำให้อิสราเอลและชาติพันธมิตรมีเวลาเตรียมรับมือ และสามารถสกัดขีปนาวุธและโดรนได้ถึงร้อยละ 99 แต่ในครั้งนี้ไม่มีข้อมูลใดหลุดรอดออกมา สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะสร้างความเสียหายจริง ไม่ใช่เพียงการตอบโต้เชิงสัญลักษณ์
2 ท่าทีแข็งกร้าวของผู้นำอิหร่าน: จากคำแถลงของผู้นำระดับสูงของอิหร่าน แสดงให้เห็นถึงความอดทนที่เริ่มหมดลง และความพร้อมที่จะเผชิญกับผลกระทบใดๆ ที่อาจตามมา เป็นสัญญาณความเสี่ยงที่อาจเกิดการตอบโต้ที่รุนแรงและไม่คาดคิด
3 การทูตเชิงรุกของอิหร่าน: การส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปพบผู้นำประเทศอาหรับ พร้อมแถลงจุดยืนที่แข็งกร้าว แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างแนวร่วมและความชอบธรรมในการตอบโต้ที่อาจรุนแรงขึ้น
4 การเตรียมพร้อมทางทหารที่เข้มข้นขึ้น: ทั้งอิสราเอลและอิหร่านได้ยกระดับการเตรียมพร้อมทางทหาร โดยเฉพาะอิสราเอลที่ประกาศความพร้อมรับมือการโจมตีจากหลายทิศทาง และพร้อมตอบโต้อย่างหนักหากเกิดความเสียหายต่อพลเรือนและทรัพย์สิน
สรุป: สถานการณ์ในตะวันออกกลางกำลังอยู่ในจุดที่อาจเปลี่ยนผ่านสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้น นักลงทุนจึงควรติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิด และเตรียมแผนรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
สำหรับผลกระทบต่อราคาน้ำมัน เรามองว่ามีโอกาสฟื้นตัวจาก war premium ที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจาก (1) อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลของประเทศในแถบตะวันตก (2) ตามปกติในเดือนสิงหาคมถึงกันยายน มักเป็นช่วง active month ของฤดูพายุเฮอริเคนในสหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในแหล่งผลิตสำคัญ

 

จากปัจจัยข้างต้น เราจึงยังคงมุมมองเดิมว่า ราคาน้ำมัน WTI มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบระดับ 85-87 เหรียญอีกครั้งในไตรมาสที่ 3 และคาดว่าจะเป็นจุดพีคของปีนี้ อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่าหลังจากนั้น ราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลง เนื่องจากอุปทาน (supply) ในตลาดน้ำมันโลกมีแนวโน้มที่จะผ่อนคลาย (loosen) ลง

สรุปภาพตลาดวานนี้
ดัชนีบวกต่อเล็กน้อยวานนี้ นำโดยพลังงาน PTTEP PTT TOP BANPU EA คอมเมิร์ช CPALL CPAXT CRC และการรีบาวน์ของ BTS ส่วนหุ้นกลางเล็กบวกแรงกว่าตลาด VGI KGEN YGG PROEN MGI DITTO และหุ้นที่ Swing ระหว่างวัน BEM BCH BH STEC เป็นต้น ขณะที่แรงขายหลักเห็น Sell-on-fact ของ BH และทำกำไร DELTA

แนวโน้มตลาดวันนี้
กลับมายืนที่เดิม
คาดตลาดหุ้นไทยเริ่มตั้งหลักได้ต่อจากเมื่อวาน หลังจากโดนเทขายแบบ Panic sell ไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และใช้เวลา 2-3 วันในการพยุงตัวขึ้น แม้ราคาหุ้นรายตัว หลายตัว จะถูกทิ้งไว้กลางทาง ไม่ได้กลับขึ้นมาด้วยตามภาพรวมตลาด
แต่กลยุทธ์หลักที่เราแนะช่วงนี้คือการหาหุ้นเชิงรับเพื่อถือฝ่ามรสุม เน้นหุ้น Low beta มีฐานกำไรรองรับ มีปันผล ราคาหุ้นไม่ลอยสูงจนเกินไป เช่น CPALL AOT ยังนับว่า Outperform ตลาด แม้ไม่ได้บวกแรงตามหุ้นอื่นก็ตาม
ด้วยภาวะตลาดหุ้นไทยที่ยังเล่นในแนวโน้มขาลง เราคาดว่าการแกว่งออกข้างของตลาดฯ เพื่อสร้างฐานอีกอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ยังมีโอกาสให้เราทยอยเก็บหุ้น Alpha ไว้เตรียมเล่นในรอบหน้า หลังจบเทศกาลประกาศงบการเงิน และ มีความชัดเจนในคดี ถอดถอนนายก 14 สค. ซึ่งวันนี้ยังไม่ต้องรีบ แต่ควรเริ่มเล็งหาหุ้น Alpha ไว้รอ เช่นชุดหุ้นตามรายงาน กลยุทธ์ (Political Events) ที่เราออกไปเมื่อวัน พุธที่ผ่านมา

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์แนะนำ เลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว โฟกัสไปข้างหน้า เน้นไปที่แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้

วิเคราะห์ทางเทคนิค
ดัชนีรีบาวด์ต่อเนื่อง ภาพระยะสั้นส่งสัญญาณฟื้นตัวหลังจากร่วงแรง! ดัชนีกลับเข้าสู่โหมดปรกติ ขณะที่โมเมนตัม RSI recovery! จ่อทะลุเส้น signal line เพื่อขึ้นสู่ level 50 ( หากมีค่ามากกว่าจะบ่งชี้ภาวะความแข็งแกร่งด้านราคา) ลุ้นวันศุกร์ ลุ้น SET week หากปิดสวย ผ่าน 1,300 จุดหรือทะลุเส้นกดขึ้นไปได้อาจส่งสัญญาณกลับตัวขาขึ้นรอบใหม่ Note: สัปดาห์หน้าติดตามประเด็นการเมือง ความชัดเจน หากรัฐบาลมีเสถียรภาพจะสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นให้ปรับตัวขึ้นได้ไม่ยาก…เพิ่มเติมหัวข้อที่น่าสนใจเช่น ดัชนีกลุ่มปิโตร โครงสร้าง “Three Black Crows.” และแผนจับคู่ซื้อขาย หุ้นนิคมฯ

 

What to watch
ศาลฯนัดพิจารณาคดีถอดถอนนายก 14 ส.ค. ลงมติ 13:00 น. เป็นต้นไป
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 17,000 ราย สู่ระดับ 233,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 241,000 ราย ข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ค.ที่ต่ำกว่าคาดและอัตราว่างงานพุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันที่ 14 ส.ค.
การประชุมประจำปีของเฟดซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 22-24 ส.ค.นี้ โดยการประชุมจะจัดขึ้นในหัวข้อ "Reassessing the Effectiveness and Transmission of Monetary Policy"
สำหรับในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลในปีนี้ คาดว่านายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ หลังเงินเฟ้อของสหรัฐเริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวลง

หุ้นแนะนำวันนี้
COCOCO ทยอยเก็บหุ้น Alpha ที่เรา Cover เพื่อเล่นรับความชัดเจนหลัง งบ และการเมือง ในสัปดาห์หน้า (S 12.2 R 13 SL 11)

 

 


รายงานพื้นฐานวันนี้

ICHI
(Visit Note)
อิชิตัน กรุ๊ป
คาดกำไร 2H24 อ่อนลงตามปัจจัยฤดูกาล
ICHI รายงานรายได้ 2Q24 ที่ 2.3 พันล้านบาท (โต 14% YoY) และกำไร 2Q24 ที่ 379 ล้านบาท (โต 48% YoY) ซึ่งสูงกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด 8% โดยมีสัดส่วนรายได้หลักมาจากชาเขียวพร้อมดื่ม (68% ของรายได้) โต 18% YoY,น้ำชาเขียวผสมสมุนไพรสูตรจับเลี้ยง เย็น เย็น (14% ของรายได้) โต 10% YoY, น้ำที่ไม่ใช่กลุ่มชาเขียว (12% ของรายได้) โต 43% YoY อย่างไรก็ดี รายได้ส่งออก (6% ของรายได้) ลดลง 22% YoY อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มจาก 71% ใน 2Q23 เป็น 77% ในปี 1Q24 และ 78% ใน 2Q24 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (GM) เพิ่มจาก 23.0% ใน 2Q23 มาอยู่ที่ 26.4% ใน 2Q24
ผู้บริหารคงเป้ารายได้ปี 2024 เป็น 9 พันล้านบาท เติบโต 12% YoY แต่ปรับเป้าอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง 1H24 อย่างไรก็ดี แม้ว่าผลการดำเนินงานใน 2H24 จะอ่อนกว่า 1H24 เนื่องจากปัจจัยฤดูกาล บริษัทยังชูกลยุทธ์การเติบโต YoY ด้วยการออกสินค้าใหม่ อัตราการผลิตที่สูง และต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ใน 2H24

Bloomberg consensus คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2024 อยู่ที่ 1.33 พันล้านบาท (เนื่องจากกำไร 1H24 เท่ากับ 743 ล้านบาท ดังนั้น consensus คาดการณ์กำไร 2H24 อยู่ที่ 600 ล้านบาท) ปัจจุบัน ICHI เทรด PE2024 ที่ 14.5 เท่า (อดีตเทรด PER ที่ 18 เท่า) Bloomberg Consensus กำหนดราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 20.8 บาท


รายงานผลประกอบการวันนี้

(+) GPSC รายงานกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 1,429 ล้านบาท หักรายการพิเศษ กำไรหลักจะอยู่ที่ 1,422 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 414% YOY และ 65% QoQ สูงกว่าที่เราและตลาดคาด 42% และ 6% ตามลำดับ แนวโน้ม 3Q24 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ เราปรับเพิ่มคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อเก็งกำไร (จากถือ) มองประเด็นคงค่าไฟฟ้าสะท้อนไปแล้ว แต่ยังมี Upside จากต้นทุนก๊าสลงที่ยังไม่สะท้อน

(+) CPAXT รายงานกำไรสุทธิ/หลัก 2Q24 ที่ 2,176 ล้านบาท คิดเป็นกำไรหลักเพิ่มขึ้น 28% YoY ลดลง 12% QoQ ตามฤดูกาล สูงกว่าที่เราคาด 7% (แต่เป็นไปตามที่ตลาดคาด) โดยแรงหนุนยังมาจาก Lotus’s แนวโน้ม 3Q24 คาดกำไรเติบโต YoY หนุนจากยอดขายสาขาเดิม และ omnichannel ของ Makro และเพิ่มขึ้น QoQ ตามฤดูกาล เราคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 36 บาท

(+) TOP รายงานกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 5,547 ล้านบาท หักรายการพิเศษ กำไรหลักจะอยู่ที่ 3,218 ล้านบาท ทรงตัว YoY แต่ลดลง 54% QoQ สูงกว่าที่เราและตลาดคาด 8% และ 14% ตามลำดับ เกิดจาก Utilization rate และรายได้อื่นมากกว่าคาด แนวโน้ม 3Q24 คาดกำไรลดลง YoY จาก GRM แต่เพิ่มขึ้น QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล เราคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 68 บาท


(+) OR รายงานกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 2,536 ล้านบาท ลดลง 8% YoY และ 32% QoQ สูงกว่าที่เราคาเ 8% จากส่วนแบ่งกำไรที่มากกว่าคาด (เราคาดจะเป็นส่วนแบ่งขาดทุน) แต่เป็นไปตามที่ตลาดคาด แนวโน้ม 3Q24 คาดผลประกอบการอ่อนแอลง YoY และ QoQ จากทั้งปัจจัยฤดูกาล และกำไรที่ลดลงในทุกธุรกิจ รวมทั้งยังไม่เห็น Catalysts ใหม่ที่จะขับเคลื่อนราคาหุ้นในระยะสั้น เราปรับลดคำแนะนำลงเป็น ถือ (จากซื้อ)

 

(0) GULF รายงานกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 4,741 ล้านบาท หักรายการพิเศษ กำไรหลักจะอยู่ที่ 4,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% YoY และ 15% QoQ เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด แนวโน้ม 3Q24 ไปถึง 4Q24 คาดทำสถิติสูงสุดใหม่ (เพิ่มขึ้น YoY, QoQ) จากกำลังการผลิตใหม่ และกำไรจาก Jackson power เพิ่มขึ้น (ราคาก๊าซใน US สูงขึ้น) เราปรับประมาณการกำไรหลักปี 2024 ขึ้น 4% เป็น 1.87 หมื่นล้านบาท (เติบโต 20% YoY) แต่ยังคงราคาเป้าหมายเดิมที่ 68 บาท และยังแนะนำซื้อ นอกเหนือจากแนวโน้มกำไรที่ดี เรายังเห็น Sentiment บวกจากการประมูล PPA โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนอีกราว 3.6GW ที่กำลังจะเกิดขึ้น และดีลการรวม GULF-INTUCH ที่บวกในระยะยาว

(0) TIDLOR รายงานกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 1.1 พันล้านบาท (เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด) โดยเพิ่มขึ้น 18% yoy (และทรงตัว QoQ) จากสินเชื่อ รายได้นายหน้าประกันภัยและ NIM ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม คุณภาพสินทรัพย์ของ TIDLOR อ่อนแอลงในไตรมาสนี้ กดดันจาก NPLs/loans ratio ที่ปรับเพิ่มขึ้น จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ล่าช้า เราคาดกำไรสุทธิ 3Q24 จะเติบโต YoY (และทรงตัวQoQ) โต เรายังแนะนำซื้อ

(0) COCOCO รายงานกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 227 ล้านบาท หักรายการพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยน-เครื่องมือทางการเงิน กำไรหลักจะอยู่ที่ 221 ล้านบาท (สถิติสูงสุดใหม่เพิ่มขึ้น 47.5% YoY และ 14.9% QoQ ใกล้เคียงกับที่เราและตลาดคาด แต่พบว่าในรายละเอียด อัตรากำไรขั้นต้น (GM) สูงกว่าที่เราและตลาดคาด แนวโน้ม 3Q24 คาดกำไรทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง (เพิ่มขึ้นทั้ง YoY, QoQ) เราปรับกำไรปี 2024 ขึ้นอีก 4% เป็น 890 ล้านบาท (เติบโต 56% YoY) ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 15.10 บาท คงคำแนะนำซื้อ

(0) BCP รายงานกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 1,824 ล้านบาท หักรายการพิเศษ เป็นขาดทุนหลักจะอยู่ที่ 1,957 ล้านบาท พลิกจากกำไร YoY, QoQ เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด แนวโน้ม 3Q24 คาดกำไรหลักลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ จากขาดทุน เรายังคงคำแนะนำถือ จาก PBV ที่ต่ำเพียง 0.4 เท่า


(-) PTTGC รายงานกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 1,846 ล้านบาท หักรายการพิเศษ (นอกจากกำไร Stock แล้วยังมีการขายสินทรัพย์ และการซื้อหุ้นกู้กลับ) จะเป็นขาดทุนหลัก 2,328 ล้านบาท ขาดทุนน้อยลง (ผลประกอบการดีขึ้น) YoY แต่พลิกจากกำไรใน 1Q24 (แย่ลง) กำไรที่ออกมาต่ำกว่าเราคาดเนื่องจากค่าใช้จ่ายภาษี แต่เป็นไปตามตลาดคาด แนวโน้ม 3Q24 คาดกำไรหลักเพิ่มขึ้น YoY (และพลิกจากขาดทุน QoQ) เรามองผลประกอบการที่อ่อนแอสะท้อนไปในราคาหุ้นที่ PBV ต่ำราว 0.4 เท่าแล้ว ยังคงให้คำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 40 บาท คาดกำไรที่ดีขึ้นใน 2H24 จะช่วยหนุนราคาหุ้น

 

สรุปประเด็นจาก Quick take

TU
ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป
ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
ผู้บริหารมั่นใจรายได้ 3Q24 โต YoY และ QoQ จากธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป (ambient seafood) ที่เติบโตสูงในสหรัฐฯ และในยุโรปเริ่มมีการฟื้นตัว และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ ยังเติบโตดีใน 3Q24 ซึ่งจะมาผลักดันทั้งรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น ผู้บริหารชี้แจงการกู้ยืมเงินจากบริษัทลูก คือ ITC ในวงเงินจำนวนไม่เกิน 11,000 ล้านบาท วัตถุประสงค์หลักคือ เพื่อการบริหารเงินสดภายในกลุ่มบริษัทเพื่อให้เกิดผลตอบแทนสูงสุดเท่านั้น สำหรับสภาพคล่องและฐานะทางการเงินของTU ยังคงมีความแข็งแกร่ง
View From Fundamental: ข้อมูลจากการประชุมเป็นบวก และเรายังคงประมาณการรายได้ และคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายปัจจุบันอยู่ที่ 18 บาท

ADVANC
แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส
ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
เราเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์กับ ADVANC โดยเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของบริษัท ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว
View From Fundamental: การแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ลดลง ส่งผลบวกต่อทั้ง profitability นี่น่าจะดีขึ้น (ARPU uplift) และ capex ที่น่าจะลดลง (การแข่งขันในการประมูลลดลง) เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ต่อ ADVANC ด้วยราคาเป้าหมาย 271 บาท

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

พีที สเตชั่น จับมือ "โป๊ยเซียน" แจกยาดม 2 หมื่นหลอด เติมความสดชื่นเต็ม MAX ในแคมเปญ "เพื่อนคู่ใจทุกการเดินทาง"

พีที สเตชั่น จับมือ "โป๊ยเซียน" แจกยาดม 2 หมื่นหลอด เติมความสดชื่นเต็ม MAX ในแคมเปญ "เพื่อนคู่ใจทุกการเดินทาง"

งบหมดแล้ว By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา SET หมุนทะลุเส้น 1200 จุด อีกครั้ง ด้วยแบงก์ ,อิเล็กทรอนิกส์ และพลังงาน....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้