สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 7 สิงหาคม 2567)-------บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 7 ส.ค. 2567 เปิดเผยว่า คาด SET เคลื่อนไหวผันผวนภายในกรอบ โดยกรอบล่างอยู่ที่บริเวณแนวรับ 1270 และ 1260 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนอยู่ที่บริเวณแนวต้าน 1285 และ 1290 จุด ตามลำดับ โดยนักลงทุนในตลาด รอติดตามปัจจัยการเมือง สำหรับผลการวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ทั้งนี้ ภาพรวมแนวโน้มราคายังไม่มีสัญญาณกลับตัว
ประเด็นสำคัญ
• จนท. Fed หลายรายไม่เห็นด้วยกับมุมมองที่ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร ก.ค. ของสหรัฐที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดนั้นหมายถึง ศก. กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะเดียวกันยังหนุนให้ คกก. Fed เริ่มลด ดบ. เพื่อหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ดังกล่าว
• EIA ระบุสต็อกน้ำมันดิบทั่วโลกลดลงราว 4 แสนบาร์เรล/วันใน 1H67 และคาดสต็อกน้ำมันดิบจะปรับลง 8 แสนบาร์เรล/วันใน 2H67
• บ. เทคฯ ขนาดใหญ่ของจีน Huawei Baidu ต่างกักตุนชิป HBM จาก Samsung Electronics หลังคาดว่าสหรัฐจะจำกัดการส่งออกชิปไปจีน
• ครม. มีมติเห็นชอบจัดสรรงบฯ ปี 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายฯ ให้ ททท. 433 ลบ. เพื่อจัดทำโครงการ Quick Win ส.ค.-ก.ย. 67
• ม. หอการค้าไทย ระบุดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.ค. ลดลงเป็นเดือนที่ 5 ต่ำที่สุดในรอบ 11 เดือน จากผู้บริโภคกังวลสถานการณ์การเมือง มาตรการกระตุ้น ศก. ที่ไม่ชัดเจน และราคาพลังงานที่สูง
• FETCO ระบุดัชนีความเชื่อมั่น นลท. 3 เดือนข้างหน้า อยู่ในเกณฑ์ซบเซา หลังความขัดแย้งระหว่าง ปท. นโยบายการเงิน Fed และ ศก. ใน ปท.ถดถอย หวังมาตรการกระตุ้น และการฟื้นตัวของ ศก. ไทย-ภาคท่องเที่ยวหนุน
• วันนี้ 15:00 น. ติดตามคำวินัจฉัยของ ศาล รธน. คดียุบพรรคก้าวไกลซึ่งถูกร้องโดย กกต. กรณีมีพฤติกรรมเข้าข่ายการล้มล้างการปกครองหรือไม่
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะปรับลงตามตลาดหุ้นโลก เนื่องจากกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย อีกทั้งยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศ และต้องติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางและสงครามเทคโนโลยีที่มีท่าทีรุนแรงขึ้นซึ่งอาจส่งผลต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกได้ อย่างไรก็ดีมอง SET ยังมีโอกาสปรับลงน้อยกว่าตลาดหุ้นโลก จากการเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลประกอบการ 2Q67 ของบจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดจะฟื้นตัวดีขึ้น และเริ่มเห็น Fund Flow ไหลเข้าสู่ตลาด EM มากขึ้น ซึ่งคาดไทยมีแนวโน้มจะได้รับกระแสเงินนี้ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
แนวรับ-ต้าน
1270/1260 – 1285/1290
ล็อคเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มองตลาดหุ้นไทยจะปรับลงจากกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย แต่ยังมีโอกาสปรับลงน้อยกว่าตลาดหุ้นโลก จากงบ 2Q67 ของ บจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดจะฟื้นตัวดีขึ้น และเริ่มเห็น Fund Flow ไหลเข้าสู่ตลาด EM มากขึ้น กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) หุ้นกลุ่ม Earning Play ซึ่งจะมีการประกาศงบ 2Q67 ในสัปดาห์หน้า โดยคาดกำไรจะยังสามารถเติบโต YoY อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง เลือก ADVANC TU CPAXT BTG CBG BCP GPSC AU
2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว เลือก ADVANC AOT CPALL BDMS BBL KTB GULF
3) หุ้นคาดได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA หรืออยู่ใน Global Sustainability Index เลือก DELTA TOP BEM AOT
4) ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว จากความไม่สงบในตะวันออกกลางที่รุนแรงมากขึ้น และยังมีการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันในรัสเซียกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบราคา 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
Daily top picks
CPALL 2Q67 คาดกำไรสุทธิ 5.8 พันลบ. เติบโต 31%YoY ดีสุดในกลุ่มพาณิชย์ หนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก CPAXT แนวโน้มกำไร 2H67 คาดจะเติบโต YoY โดดเด่นกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มฯ จากการเติบโตทั้งธุรกิจ CVS และ CPAXT แนะนำราคาซื้อวันนี้ไม่เกิน 56.50 บ.
BDMS 2Q67 คาดกำไรปกติ 3.4 พันลบ. โต 11%YoY จากรายได้และ EBITDA Margin ขยายตัว แต่ลดลง 17%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล คาดกำไรปกติปี 2567 โต 13%YoY สู่ 1.6 หมื่นลบ. โดยกำไรจะแข็งแกร่งใน 2H67 ปัจจุบันซื้อขายบน PER 67F 26 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอดีต -2SD แนะนำราคาซื้อวันนี้ไม่เกิน 26 บ.