News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

6 ส.ค. 2567 09:00:29 524

Market Wrap-Up

SET วันที่ 5 ส.ค.67 ปิด -38.41 จุด อยู่ที่ 1,274.67 จุด มูลค่าการซื้อขาย 58,744 ลบ.ต่างชาติขาย 72 ลบ.สถาบันขาย 14 ลบ.พอร์โบรกขาย 479 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิรวม 1,742 ลบ. โดยมียอดซื้อสุทธิในหุ้น TRUE,DELTA,GULF,PTTGC,CRC และมียอดขายสุทธิ PTT,ADVANC,BCP,PTTEP,BANPU มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,553 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TU,TOA-R,MEGA-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 51,291 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 7,865 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 890 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -2.60%, S&P500 -3.0%, Nasdaq -3.43% จากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี -3.78%, บริการสื่อสาร -3.35% จากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรชะลอตัว, อัตราว่างงานสูงขึ้น ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -2.17% จากแรงขายกลุ่มพลังงาน & สาธารณูปโภคปรับลดลง -3% กว่า ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยียุโรปฟื้นตัวขึ้นบ้าง -0.9%

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.ค.ต่ำกว่าคาด และอัตราว่างงานปรับขึ้นอยู่ที่ 3% & คาด 4.1% สูงนับตั้งแต่ ต.ค. ส่งผลให้ Goldman Sachs ชี้มีโอกาส 25 % & เดิม 15% คาดเศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย โดย CME Fed Watch ชี้มีโอกาส 86% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 17 – 18 ก.ย. ส่วนความเห็นของเจ้าหน้าเฟดสาขาชิคาโก นายกูลสบี เผยเฟดมีมาตรการรับมือภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และเฟดไม่ควรใช้ ม.การเงินตึงตัวมากเกินไป ขณะที่ ISM เผยดัชนีภาคบริการสหรัฐ ก.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 51.4 & มิ.ย. 48.8 ช่วยลดความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวได้ระดับหนึ่ง ค่ำวันนี้ติดตามรายงานส่งออก – นำเข้าสหรัฐ มิ.ย. และ เฟดแอตแลนต้ารายงาน GDPNow สหรัฐ Q3/67 คาด 2.5% QoQ
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลงกว่า -2% จากแรงขายกลุ่มสาธารณูปโภค & พลังงาน หลังเศรษฐกิจยูโรโซนก็มีความเสี่ยงชะลอตัว หลัง GDP เยอรมัน Q2/67 -0.1% & Q1/67 +0.2% QoQ และ PMI ภาคบริการยูโรโซน ก.ค.ลดลงอยู่ที่ 51.9 & มิ.ย. 52.8 ส่งผลให้ LSEG คาด ECB มีโอกาส 88% จะลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปรับลดลงนำโดยนิเกอิ -12.4% เป็นผลหลัง BOJ ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.15% อยู่ที่ 0.25% และเตรียมลดการซื้อพันธบัตรญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสัญญาณยุติ ม.ผ่อนคลายการเงิน ส่งผลให้ค่าเงินเยนแข็งค่าสุดวานนี้ที่ระดับ 141.68 เยน/ดอลลาร์ และต้องเร่งปิดสถานะ Yen Carry Trade ซึ่งมีผลให้ดัชนีหุ้นญี่ปุ่นและทั่วโลกผันผวนสูงผิดปกติ ขณะที่เช้านี้ดัชนีนิเกอิเริ่มฟื้นตัว +9.6% และค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นอยู่ที่ 145.3 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
SET ปิด -2.93% ปริมาณการซื้อขาย 5.87 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 72 ลบ. สถาบันขาย 14 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 479 ลบ. และรายย่อยซื้อ 565 ลบ. กลุ่มที่ปรับลดลงแรง คือ อิเล็กฯ -5.8% ผันผวนตามกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐ, กลุ่มปิโตรเคมี -5.4%, บรรจุภัณฑ์ -4.9% เนื่องจากเป็นกลุ่ม Global Play ที่ต้องพึ่งพาอุปสงค์จากตลาดโลก ซึ่งยังมีความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย กอปรเศรษฐกิจจีนยังฟื้นตัวช้า โดยภาพรวมนักลงทุนลดความเสี่ยงลด หลังเกิดความผันผวนในดัชนีตลาดหุ้นหลัก ๆ ซึ่งเป็นผลจากการปิดสถานะ Yen Carry Trade คือ กู้ยืมเงินเยนที่เดิมมีต้นทุนต่ำ และนำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง หลัง BOJ ส่งสัญญาณยุติ ม.ผ่อนคลายการเงิน ส่วนปัจจัยในประเทศอยู่ระหว่างรอรายงานกำไร บจ. Q2/67 ซึ่ง BB.Consensus คาดกำไร +Single Digit QoQ และ +30% YoY จากฐานต่ำปีก่อน , CPI ไทย ก.ค.คาด 0.7% & มิ.ย. 0.62% YoYและรอฟังคำวินิจฉัยศาล รธน. กรณียุบพรรคก้าวไกลในวันพรุ่งนี้

Daily Strategy

วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,270 แนวต้าน 1,285 – 1,290 ซึ่งคาดดัชนีมีโอกาสฟื้นตัว หลังความผันผวนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นเช้านี้เริ่มลดลง แนะนำซื้อ GULF,GPSC,BGRIM,MTC,DIF,3BBIF ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง/ CPALL,CPAXT (+ม.ดิจิทัล วอลเล็ต)/ พักเงินบางส่วนกลุ่มปลอดภัย เช่น BH,BDMS
PLANB* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 10.40 บาท) คาดการณ์กำไร 2Q67 เติบโตขึ้นทั้ง QoQ, YoY หนุนจากรายได้ธุรกิจสื่อนอกบ้าน (OOH) ที่ฟื้นตัวหลังผ่านช่วง Low Season ส่งผลให้ utilization rate ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วม (engagement marketing) จากกีฬามวยที่ได้รับความนิยมจากต่างชาติ รวมถึงเริ่มรับรู้รายได้จากการบริหารสิทธิกีฬา Olympic 2024 สำหรับแนวโน้ม 2H67 คาดกำไรเติบโตได้ต่อเนื่องโดยเฉพาะใน 4Q67 ที่เป็นฤดูการจับจ่ายใช้สอย ฤดูท่องเที่ยว ส่วนใน 3Q67 ยังมีการบันทึกรายได้จาก Olympic อีกก้อนราว 300 ล้านบาท ทั้งนี้ตลาดประเมินกำไรในปี 67-68 อยู่ที่ 09 พันล้านบาท +10%YoY และ 1.25 พันล้านบาท +15%YoY
BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 35.00 บาท) ประเมินกำไรสุทธิ 2Q67 อยู่ที่ 3,464 ลบ. (+13.09%YoY, -96% QoQ ) ลดลง QoQ ตามฤดูกาล(ฤดูร้อน-ผู้ป่วยไทย) ส่วน YoY ยังโตได้ดีทั้งจากผู้ป่วยต่างชาติ และ Capacity ที่สูงขึ้น ทั้งนี้ ภาพรวมทั้งปี67 มีปัจจัยขับเคลื่อน จาก 1.จำนวนเตียงที่สูงขึ้นราว 200 เตียง(ร.พ.พญาไทยศรีราชา/ ร.พ.เด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล) 2.การปรับเพิ่มโควตาประกันสังคมขึ้นเป็น 1.5 ล้านราย จากเดิม 1 ล้านราย 3.กลุ่มผู้ป่วยต่างชาติในตลาดใหม่อย่างซาอุฯ/ มาตรการฟรีวีซาจีน โดย ปัจจุบัน เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี67 ที่ 15,824 ลบ.( +10.08%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI ก.ย. -$0.58 อยู่ที่ $72.94 / บาร์เรล, Brent ต.ค. -$0.51 อยู่ที่ $76.30/บาร์เรล กังวลอุปสงค์จากสหรัฐชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย เช่นเดียวกับอุปสงค์จากจีนที่ฟื้นตัวช้า ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงสงครามในตะวันออกกลางยังอยู่ในระดับสูง

Gold Update(-) Comex Gold ธ.ค.-$25.40 อยู่ที่ $2,444.40 /ออนซ์ หลังนักลงทุนสำรองเงินสด ในช่วงที่ดัชนีหุ้นทั่วโลกผันผวนสูง

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -44.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -2.04 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -31.45 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -10.77 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 35.43 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 3.84 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +2 จุด อยู่ที่ 1,677

(+) BitCoinเช้านี้ +2.73% อยู่ที่ 55,923 ดอลลาร์สหรัฐ

(0) วันนี้ติดตามผลการประชุม ธ.กลางออสเตรเลียคาดคงดอกเบี้ยที่ 4.35%

Economic Calendar

ในประเทศ

05 ส.ค. กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า

07 ส.ค. ประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.)

สัปดาห์ที2 หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

สภาผู้ส่งออก แถลงสถานการณ์การส่งออก

ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์

ต่างประเทศ

05 ส.ค. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( ก.ค.)

07 ส.ค. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

08 ส.ค. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL*

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE*

(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*

(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio August 2024: GFPT*, CPALL, BH, BTG*, THCOM