สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 5 สิงหาคม 2567)---------นายวิศิษย์ ฐิรายุวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) TNR เปิดเผยว่าภาพรวมสำหรับผลประกอบการของกลุ่มบริษัทฯ ในงวด 3 เดือน ไตรมาส 2/2567 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวมทั้งสิ้น 550.6 ล้านบาท (ไตรมาส 2/2566: 492.6 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 58.0 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11.8% โดยมาจากธุรกิจถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 45.1 ล้านบาท และยอดขายสำหรับธุรกิจกล่องกระดาษ เพิ่มขึ้น 12.9 ล้านบาท

กำไรขั้นต้นของกลุ่มบริษัทฯ ในงวด 3 เดือน ไตรมาส 2/2567 มีจำนวน 186.7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 33.9% (ไตรมาส 2/2566 : 150.4 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 30.5%) ของยอดขาย กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 36.3 ล้านบาท อันเนื่องมาจากมียอดขายเพิ่มสูงขึ้นและการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การกลับรายการค่าเผื่อการด้อยค่าของเครื่องหมายการค้า ในงวด 3 เดือน ไตรมาส 2/2567 มีจำนวน 328.0 ล้านบาท บริษัทฯ บรรลุข้อตกลงในการไกล่เกลี่ยเพื่อระงับข้อพิพาทคดีความในต่างประเทศยุติลง โดยบริษัท และเพลย์บอยจะดำนินการถอนฟ้องคดีความในต่างประเทศ

นอกจากนี้บริษัท และเพลย์บอยได้ตกลงทำสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ (Product License Agreement) ฉบับใหม่ เพื่อให้บริษัทมีสิทธิในในการออกแบบ การผลิต การโฆษณา การส่งเสริมการขาย และการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นภายใต้เครื่องหมายการค้าPLAYBOY ได้ ภายใต้สัญญาฯ และเงื่อนไขทางการค้าซึ่งเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ ณ วันที่30 มิถุนายน พ.ศ. 2567 บริษัทได้กลับรายการค่าเผื่อการด้อยค่าของเครื่องหมายการค้า

ค่าใช้จ่ายในการขาย ในงวด 3 เดือน ไตรมาส 2/2567 มีจำนวน 22.9 ล้านบาท (ไตรมาส 2/2566 : 21.7 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากการเพิ่มค่าใช้จ่ายทางการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขาย

ค่าใช้จ่ายในการบริหาร ในงวด 3 เดือน ไตรมาส 2/2567 มีจำนวน 40.1 ล้านบาท (ไตรมาส 2/2566 : 91.4 ล้านบาท) ลดลง 51.3 ล้านบาทอันเนื่องมาจากบริษัทฯ บรรลุข้อตกลงในการไกล่เกลี่ยเพื่อระงับข้อพิพาทคดีความในต่างประเทศยุติลง

รายการผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ในงวด 3 เดือน ไตรมาส 2/2567 มีจำนวน 4.0 ล้านบาท (ไตรมาส 2/2566 : 15.4 ล้านบาท)ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านการให้เครดิตกับลูกหนี้การค้าที่คาดว่าจะเกิดขึ้น โดยคำนวณจากยอดลูกหนี้การค้าที่คาดว่าจะเก็บเงินไม่ได้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ดังนั้น ผลจากการแข็งค่าของเงินบาทไทยเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ กลุ่มบริษัทฯ จึงบันทึกรายการผลขาดทุนด้านการให้เครดิตกับลูกหนี้การค้าที่คาดว่าจะเกิดขึ้น อันเป็นผลจากการปรับปรุงมูลค่าของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นการปรับปรุงสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ให้เป็นเงินบาทไทยด้วยอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันสิ้นงวด

กำไรอื่น (สุทธิ) ในงวด 3 เดือน ไตรมาส 2/2567 มีจ านวน 2.2 ล้านบาท (ไตรมาส 2/2566 : 16.3 ล้านบาท) รายการหลักในกำไรอื่น (สุทธิ)ประกอบด้วย กำไร(ขาดทุน) สุทธิจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งในไตรมาสที่ 2/2567 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง 14.1ล้าน เนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาทไทย เมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีการทำสัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

ภาษีเงินได้ ในงวด 3 เดือน ไตรมาส 2/2567 มีจ านวน 92.2 ล้านบาท (ไตรมาส 2/2566 : 1.2 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 91.0 ล้านบาท จากการกลับรายการสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับค่าเผื่อการด้อยค่าของเครื่องหมายการค้า และคำนวณภาษีเงินได้ตามผลการดำเนินงานของไตรมาส 2/2567 ทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ในงวด 3 เดือน ไตรมาส 2/2567 มีจำนวน 16.6 ล้านบาท (ไตรมาส2/2566 : 7.2 ล้านบาท)