Market Wrap-Up
- SET วันที่ 1 ส.ค.67 ปิด +1.89 จุด อยู่ที่ 1,322.75 จุด มูลค่าการซื้อขาย 36,835 ลบ.สถาบันซื้อ 418 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 141 ลบ.ต่างชาติขาย 206 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิรวม 32 ลบ. โดยมียอดซื้อสุทธิในหุ้น CPF,DELTA,PTTEP,BGRIM,BBL และมียอดขายสุทธิ BCP,INTUCH,ADVANC,CPN,BH มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,431 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ HKCE01,CN01,TPIPL-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 9,859 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 71,741 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 7,957 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -1.21%, S&P500 -1.37%, Nasdaq -2.30% กลุ่มเทคโนโลยี -3.36% นำโดย Nvidia -6.6% ควอลคอมม์ -9.3% และพลังงาน -2.56% จากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย ชณะที่กลุ่มสาธารณูปโภค +1.85%, อสังหา +1.58% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -1.23% จากแรงขายกลุ่มธนาคาร -4.5% และกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ BMW -3.1% หลังรายงานกำไร Q2/67 ต่ำกว่าคาด
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลงจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลัง ISM เผยดัชนีภาคผลิตสหรัฐ ก.ค. ลดลงอยู่ที่ 46.8 & มิ.ย. 48.5 ต่ำสุดในรอบ 8 เดือน กอปรกับจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 14,000 ราย อยู่ที่ 249,000 สูงกว่าคาดที่ 236,000 ราย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากเฟดตรีงดอกเบี้ยสูงนานเกินไป ส่วน Apple รายงานกำไรไตรมาสที่ผ่านมาดีกว่าคาด สาเหตุมาจากยอดขาย Iphone เติบโตดีแม้ว่ายอดขายอุปกรณ์จะลดลงจากการแข่งขันในตลาดจีน ขณะที่ Intel, Amazon กำไรไตรมาสที่ผ่านมาชะลอตัวลง ประเด็นสำคัญค่ำวันนี้ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร ก.ค. คาด 177,000 & มิ.ย. 206,000 ราย, อัตราว่างงาน ก.ค. คาดทรงตัวที่ 4.1%, ค่าจ้างเฉลี่ยราย ชม. ก.ค. คาดทรงตัว 0.3% MoM
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลง หลังรายงาน PMI ภาคการผลิตยูโรโซน ก.ค. ทรงตัวอยู่ที่ 45.8 และ PMI ภาคการผลิตเยอรมัน ก.ค. ลดลงอยู่ที่ 43.2 & มิ.ย. 43.5 บ่งชี้ภาคผลิตของยูโรโซนยังอยู่ในภาวะถดถอย ขณะที่กลุ่มธนาคาร -4.5% นำโดยโซซิเอเต้ เจเนเรล -9% หลังรายได้ดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยลดลง ส่วนผลการประชุม BOE อังกฤษมีมติ 5-4 ลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 5.0% หลัง CPI อังกฤษ มิ.ย. ลดลงอยู่ที่ 2.0% YoY
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ดัชนีเซี่ยงไฮ้ -0.22% หลัง Caixin เผยดัชนี PMI จีน ก.ค.อยู่ที่ 49.8 & มิ.ย. 51.8 อยู่ในโซนถดถอยครั้งแรกในรอบ 9 เดือน ซึ่งยังต้องรอ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่จากรัฐบาลจีน ส่วนดัชนีนิเกอิ -2.49% เป็นผลจากค่าเงินเยนแข็งค่าสุดวานนี้ที่ระดับ 148.50 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ หลัง BOJ ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.15 % อยู่ที่ 0.25% และ ปธ.BOJ ยังส่งสัญญาณอาจปรับขึ้นไปที่ระดับ 0.50% ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุน
- SET วานนี้ปิด +0.14% ปริมาณการซื้อขาย 3.68 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 418 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 141 ลบ. ต่างชาติขาย 206 ลบ. และรายย่อยขาย 353 ลบ. โดยช่วงเช้าดัชนีปรับขึ้นสูงสุดที่ระดับ 1,329.76 จุด ได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ, ไฟแนนท์, โรงไฟฟ้า ที่ประโยชน์จาก US Bond Yield 10 ปี ปรับลดลง หลังผลการประชุมเฟดได้ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยใน ก.ย. ขณะที่ช่วงบ่ายดัชนีถูกแรงขายทำกำไร หลังดัชนีได้ปรับขึ้นกว่า 30 จุดตอบรับข่าวบวกของ ม.ดิจิทัล วอลเล็ต และการปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG เป็นระดับหนึ่งแล้ว กอปรปัจจัยการเมืองในประเทศยังรอ ศาล รธน.วินิจฉัยกรณียุบพรรคก้าวไกลวันที่ 7 ส.ค. และกรณีคุณสมบัตินายก ฯ เศรษฐาวันที่ 14 ส.ค. ซึ่งจะมีผลต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล กอปรกับอยู่ระหว่างรอรายงานกำไร บจ. โดย Bloomberg Consensus คาดกำไร Q2/67 บจ.140 แห่ง +5% QoQ, +27% YoY และเย็นวันนี้ TRUE จะรายงานงบ Q2/67 BB.คาดกำไร 263 ลบ. & Q1/67 ขาดทุน 769 ลบ.
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,308 – 1,312 แนวต้าน 1,330 โดยดัชนีมีโอกาสปรับฐานลง หลังปรับขึ้นรับข่าวบวกของดิจิทัล วอลเล็ตและการปรับเงื่อนไขของกองทุน Thai ESG แล้ว กอปรยังมีปัจจัยการเมืองกดดันในสัปดาห์หน้า แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีก CPALL,CPAXT (+ม.ดิจิทัลวอลเล็ต) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก US Bond Yield ลดลง เช่น GULF,GPSC,BGRIM,SAWAD,MTC/ พักเงินในกลุ่มปลอดภัย BH,BDMS,ADVANC
- CKP* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.70 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 2Q67-3Q67 จะฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ จากสถิติปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อน NN2 เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล เช่นเดียวกับปริมาณน้ำโขงที่ผ่านเขื่อนไซยะบุรีเพิ่มขึ้น เนื่องจากประเทศจีนมีการเร่งระบายน้ำออกมามากขึ้น ทั้งนี้ 2H67 คาดปรากฎการณ์ La Nina จะเริ่มเด่นชัดขึ้นส่งผลบวกต่อปริมาณน้ำฝน ส่วนโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง (LPCL) ที่ CKP ถือหุ้น 50% กำลังผลิตไฟฟ้ารวม 1,460MW กำหนด COD ขายไฟฟ้าให้ กฟผ.ปี 2573 อิงจาก Consensus ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 81 พันล้านบาท (+25%YoY) และ 2.06 พันล้านบาท (+14%YoY)
- AU* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 11.67 บาท) กำไร 1Q67 +YoY +QoQ ตามรายได้สินค้าขนมเครื่องดื่ม, การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ, Gap การฟื้นตัวPost Covid-19 ด้าน 2Q67 คาดยังมีแนวโน้มดี YoY QoQ หนุนจากอากาศร้อนเป็นบวกต่อกลุ่มเครื่องดื่ม และการออกเมนูใหม่ๆ เช่น ขนมเนยโสดน้ำตาลโตนด ส่วนภาพรวมทั้งปียังมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจาก 1.การขยายสาขา โดยคาดเปิด After You อีกราว 10 สาขาในไทย และเริ่มเปิดสาขาแรกในกัมพูชาการเสริมแบรนด์/สินค้าใหม่ๆ เช่น “ลูกก๊อ” เน้นสินค้าจากผลไม้ไทย ปัจจุบันมีราว 10 สาขา และคาดจะเปิดเพิ่มปีนี้อีก 5 สาขา/“มิกก้า” ร้านกาแฟที่เน้นเฟรนไชน์เป็นหลัก ทั้งนี้ ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี67 และ68 กำไรสุทธิของ AU* จะอยู่ที่ระดับ 225 ลบ.(+25%YoY) และ 264 ลบ.(+19%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI ก.ย. -$1.60 อยู่ที่ $76.31 / บาร์เรล, Brent ต.ค. -$1.32 อยู่ที่ $79.52/บาร์เรล ตลาดกังวลต่ออุปสงค์จากจีน & สหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัว หลัง PMI ภาคการผลิต ก.ค. อยู่ในโซนถดถอย ส่วนผลการประชุม Opec พลัสมีมติคงการลดกำลังการผลิตที่ 5.86 ล.บาร์เรล/วัน
Gold Update(+) Comex Gold ส.ค.+$7.80 อยู่ที่ $2,480.8 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจากเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยใน ก.ย. รวมถึงปัจจัยเสี่ยงสงครามในตะวันออกกลาง
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +48.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -8.45 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +55.15 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -0.73 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 35.57 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 3.956 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -40 จุด อยู่ที่ 1,668
(+) BitCoinเช้านี้ +0.77% อยู่ที่ 64,680 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
05 ส.ค. กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า
07 ส.ค. ประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.)
สัปดาห์ที2 หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
สภาผู้ส่งออก แถลงสถานการณ์การส่งออก
ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์
ต่างประเทศ
30 ก.ค. US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี ( ก.ค.)
US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTs (มิ.ย.)
31 ก.ค. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน ( ก.ค.)
EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) ( ก.ค.)
US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(ก.ค.)
01 ส.ค. US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC
US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( ก.ค.)
02 ส.ค. US อัตราการว่างงาน ( ก.ค.)
US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ( ก.ค.)
US อัตราการว่างงาน ( ก.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL*
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE*
(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*
(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio August 2024: GFPT*, CPALL, BH, BTG*, THCOM
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th