ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook
แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ
อัปเดตผลการประชุมเฟด
1 เฟดมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.25-5.5% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาด แต่มี positive comment จากประธานเฟดซึ่งระบุว่า มีความคืบหน้าในการเข้าสู่เป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ทำให้การลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. จึงเป็นหนึ่งในทางเลือก ประโยคนี้จึงเป็นไฮไล้ต์ของเมื่อคืนเลยก็ว่าได้ เพราะทำให้สินทรัพย์ต่างๆปรับตัวขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ตลาดหุ้นสหรัฐ ราคาพันธบัตร ทองคำ และน้ำมัน
2 นอกจากนี้พาวเวลล์กล่าวว่า การลดอัตราดอกเบี้ยจะไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเฟดจะยังคงเป็นองค์กรที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง และไม่เคยใช้เครื่องมือทางการเงินในการสนับสนุนพรรคการเมืองหรือนักการเมืองใดๆ
3 สำหรับเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจนั้น ประธานเฟดกล่าวว่าได้ติดตามตลาดแรงงานอย่างใกล้ชิด และการที่เงินเฟ้อชะลอตัวลง จะทำให้เฟดสามารถพิจารณาปัจจัยทางด้านราคาและตลาดแรงงานอย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น
สรุปผลการประชุมเมื่อคืน เรายังคงมุมมองว่า เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. รวมลด 3 ครั้งในปีนี้ และอีก 2 ครั้งในปีหน้า
อัปเดตแนวโน้มการลงทุนตลาดหุ้นจีน
ดัชนีหุ้นจีน Shanghai Composite และ Hang Seng เคลื่อนไหว sideway down -2% ในเดือน ก.ค. จากการขาดปัจจัยหนุนในระยะสั้น โดยแม้ว่าธนาคารกลางจีน (PBoC) จะลดดอกเบี้ย 1Y Loan Prime Rate และ 5Y Loan Prime Rate ลงอย่างละ 10 bps แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะพลิกฟื้นความเชื่อมั่นของตลาดได้ นอกจากนี้ ผลการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ (Third Plenum) ก็ทำให้นักลงทุนผิดหวังเช่นกัน เนื่องจากไม่ได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่เน้นไปที่การวางรากฐานระยะยาวมากกว่า เช่น การปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานให้พึ่งพาตัวเองได้ การสร้างนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี และการเปลี่ยนถ่ายไปสู่พลังงานสะอาดมากขึ้น เป็นต้น ส่วนการประกาศนโนบายการปฏิรูปในด้านการคลัง สังคม และกฎระเบียบอื่นๆนั้นก็เป็นการหวังผลในระยะยาวเช่นเดียวกัน จึงไม่ได้ช่วยกระตุ้น sentiment การลงทุนโดยรวม
เรามองว่า จีนจะเผชิญกับความท้าทายที่มากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากสาเหตุดังต่อไปนี้
1 เศรษฐกิจจีนไตรมาส 2 ขยายตัวเพียง 4.7% YoY ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 5.1% และเป็นการขยายตัวที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ 1Q23 จากปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ อุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ โดยแม้ว่าในช่วงครึ่งแรกเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวที่ 5.0% ซึ่งเป็นเป้าหมายของรัฐบาล แต่ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจหลายๆตัวยังแสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอน เช่น (1) ยอดค้าปลีกเดือน มิ.ย. หดตัว 0.12% MoM เป็นการหดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2023 (2) การเติบโตของผลผลิตอุตสาหกรรมอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน (3) อัตราการว่างงานในเขตเมืองยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 5.0% เป็นเดือนที่สาม และ (4) แม้ว่าการส่งออกเดือน มิ.ย.จะเพิ่มขึ้นขึ้นเป็น 308 พันล้านเหรียญ สูงสุดในรอบ 21 เดือน แต่ไม่น่าจะรักษาโมเมนตัมต่อไปในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ได้ เนื่องจากออเดอร์ส่วนหนึ่งเป็น font-load ก่อนการขึ้นภาษีนำเข้าของอียูและสหรัฐที่จะมีผลในเดือน ก.ค. และ ส.ค. ตามลำดับ รวมถึงการส่งออกทองแดงบริสุทธ์ที่มากเป็นประวัติกาลสู่ระดับ 157,751 ตัน จากดีมานด์ในประเทศที่อ่อนแอจนทำให้มีสต๊อกที่มากจนเกินไป โดยการส่งออกในลักษณะดังกล่าวมักจะไม่สามารถรักษาโมเมนตัมต่อไปได้ เพราะเป็นการเคลียร์สต๊อกสินค้า (5) การนำเข้าเดือน มิ.ย. มีสัญญาณของการชะลอตัวลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเข้าสินค้าทั่วไป (ordinary import) ที่หดตัว 8.9% YoY สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอของดีมานด์ภายในประเทศจีน (การนำเข้าสินค้าทั่วไปส่วนใหญ่เป็นการตอบสนองการบริโภคภายในประเทศมากกว่าการนำเข้าเพื่อการแปรรูป)
2 เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาส 4 จะเป็นแรงกดดันต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีน เนื่องจากการส่งออกมีสัดส่วน 19% ของ GDP โดยสินค้าภาคอุตสาหกรรมคาดว่าจะเติบโตช้าลง จาก global restocking cycle ที่น่าจะใกล้แผ่วลงแล้ว
3 ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยไม่ว่าใครจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ก็มีแนวโน้มที่ความขัดแย้งทางการค้ากับจีนจะดำเนินต่อไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออก ทำให้เงินหยวนอ่อนค่า และเป็นปัจจัยกดดันให้เงินทุนไหลออกจากประเทศ
เรายังไม่เห็นปัจจัยหนุนในระยะสั้นที่จะทำให้หุ้นจีนแรลลี่ได้ดีเหมือนในช่วงเดือน ก.พ.-พ.ค. จึงแนะนำให้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในดัชนี Shanghai Composite ลงทั้งหมดในเดือนนี้
สรุปภาพตลาดวานนี้
ตลาดกลับมาบวกไปแถวแนวต้านได้อีกครั้ง หุ้นใหญ่ตัวดันตลาดยังเป็น DELTA สื่อสาร ADVANC TRUE และรอบนี้คอมเมิร์ชพลิกกลับมาช่วยดันทั้ง CPALL CPAXT CPN รวมทั้งน้ำมันอย่าง PTTEP ที่งบดี บวกมีปันผล ส่วนหุ้นกลาง-เล็กบวกแรงวานนี้ PROEN KGEN MONO PLANB FORTH AAV
ขณะที่กลุ่มลบ AOT (หลังแจ้งข่าวผลกระทบจากการปิด Duty free ขาเข้า) พลังงาน WA GULF การเงิน SAWAD
แนวโน้มตลาดวันนี้
แตะแนวต้านระยะสัปดาห์...
คาดโมเมนตั้มเชิงบวกเมื่อวาน จากแรงซื้อ หุ้นพลังงาน ปิโตรเคมี ค้าปลีก ยังหนุนให้ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ เกิดภาพของการ Rotation ดันดัชนีฯไปทดสอบแนวต้านระยะสัปดาห์ที่เราคาดบริเวณ 1,325 จุด
ด้วยปัจจัยพื้นฐานของหุ้นไทยที่ช่วยจำกัดความเสี่ยงด้านล่าง คือ ปันผลระหว่างกาล, PE หุ้นที่ไม่แพง และอาจถูกลงอีก จากงบไตรมาส 2 ที่ดีกว่าคาด เราจึงประเมินว่าตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ มีแนวโน้ม ลุกขึ้นเดินหน้า แต่มีล้มลุกคลุกคลานบ้าง
ส่วนประเด็นเพิ่มเติมใหม่ในระหว่างสัปดาห์ เช่น ข่าวสังหารผู้นำฮามาส ในอิหร่าน คาดหนุนราคาหุ้นเชื่อมโยง น้ำมันดิบระยะสั้น, งบดี ข่าวดี หุ้นพร้อมเล่นรีบาวด์ เช่น DELTA เรามองเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาพรวมตลาดในสัปดาห์นี้
ความชัดเจนการประชุมธนาคารกลาง สำคัญ เช่น สหรัฐฯ, อังกฤษ (วันนี้ลุ้นลดดอกเบี้ย) ส่วนญี่ปุ่นเมื่อวานขึ้นดอกเบี้ย, และยิ่งมีความชัดเจนการเมืองในประเทศภายในเดือนนี้ เราคาดว่า จะยิ่งหนุนโอกาสขึ้นต่อเนื่องของตลาดหุ้นไทย...อย่างน้อยสัปดาห์นี้ ต้องฝ่า 1,325 จุด ขึ้นไปให้ได้
กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์แนะนำ เลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว โฟกัสไปข้างหน้า เน้นไปที่แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้
วิเคราะห์ทางเทคนิค ภาพรวมเดือนมิ.ย. ดัชนีปิดที่ 1,320.86 จุด ผลตอบแทนรายเดือนฟื้นตัว +1.65% (เดือนมิ.ย.ปรับลง).... ขณะที่วอลุ่มซื้อขายเฉลี่ยลดลงจากเดือนที่แล้วเล็กน้อยอยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ 1,332.76 และจุดต่ำสุดที่ 1,268.79......“สู้ที่ low”
สถานการณ์ปัจจุบัน SET Index ภาพรายเดือนส่งสัญญาณฟื้นตัวลักษณะ “Tweezer bottom” ขณะที่ RSI(month) ลุ้นตัดเส้น signal line บ่งชี้ภาวะความแข็งแกร่ง ส่วนใหญ่จะมาพร้อมจุดกลับตัว อย่างไรก็ตามความเสี่ยงด้านล่าง ยังอยู่ที่จุด low 1,281 จุด….ห้ามหลุดเป็นอันขาด..เดือนนี้ลุ้นแท่งเขียวเพิ่ม!
“Theme plays” สแกนหาหุ้นแกร่ง สู้ตลาด!….เราคาดว่าหลังจากประกาศงบ Q2/24 จะมีหุ้นที่โดดเด่น แข็งแกร่ง โมเมมตัมส่งสัญญาณกลับตัว + วอลุ่มเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในทางตรงกันข้ามแนะระมัดระวังหุ้นที่ราคาถูกกดลง เสี่ยงหลุดโซนรับดังนั้นกลยุทธ์เดือนนี้ เน้น Selective เลือกเป็นรายกลุ่ม แล้วค่อยเลือกเป็นหุ้น “ top-down analysis”
กลยุทธ์เทคนิค: วิธีสแกนหุ้น เลือกโดยใช้กราฟรายเดือน โครงสร้างแกร่ง Price pattern….เริ่มส่งสัญญาณกลับตัว ขาขึ้นนับ 1 & 2 พร้อมเงื่อนไขโมเมนตัม ดูจากวอลุ่มเข้า! บ่งชี้รูปแบบกระทิง หุ้นแนะนำประจำเดือน… BUY “KTB, CPALL, KCE และ AAV”
What to watch
ไทม์ไลน์คดี การเมือง: ศาลฯนัดพิจารณาคดีถอดถอนนายก 14 ส.ค. ลงมติ 13:00 น. เป็นต้นไป, 7 ส.ค. ศาลกำหนดวัน นัดลงมติตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกล เวลาบ่าย 3 โมงเป็นต้นไป
การประชุมธนาคารกลาง สหรัฐฯ และญี่ปุ่น วันพุธ, วันพฤหัสประชุมธนาคารกลางอังกฤษ คาดลดดอกเบี้ยลง 0..25% เหลือ 5%
ราคาน้ำมัน WTI ดีดตัวขึ้นในช่วงบ่ายเมื่อวาน หลังมีรายงานว่านายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำของกลุ่มฮามาสได้ถูกกองกำลังทหารของอิสราเอลสังหารในประเทศอิหร่าน โดยข่าวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตรึงเครียดในตะวันออกกลางซึ่งเป็นภูมิภาคที่ผลิตน้ำมันดิบมากถึง 1 ใน 3 ของโลก
เริ่มวันนี้ 1 ส.ค. ลงทะเบียนรับเงินหมื่น ผ่านแอพฯ ทางรัฐ
หุ้นแนะนำวันนี้
CPALL (หลบไปพักเงินในหุ้นใหญ่ที่ ทรงออกข้าง ราคาอยู่ล่าง เบต้าไม่สูงนัก) หนึ่งในหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายกองทุน TESG (S 57 R 59/60 SL 56)
รายงานพื้นฐานวันนี้
Econ
ตัวเลขเดือน มิ.ย. ส่วนใหญ่ลดลง MoM
เศรษฐกิจในเดือนมิถุนายนชะลอลงจากเดือนก่อน (MoM) โดยกดดันมาจากการส่งออกสินค้าที่ลดลง โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่ลดลงตามฤดูกาล และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่สินค้าคงคลังยังสูง เป็นไปในทิศทางเดียวกับการผลิตอุตสาหกรรมและการเกษตรที่ลดลง
ส่วนด้านการบริโภคภาคเอกชนชะลอตัวเล็กน้อย แม้การใช้จ่ายสินค้าไม่คงทนจะขยายตัว แต่ถูกกดดันจากหมวดสินค้าคงทนที่หดตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะในกลุ่มยานยนต์ อย่างไรก็ตามในด้านของการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ด้านการใช้จ่ายภาครัฐปรับตัวดีขึ้น หลังงบประมาณผ่าน
Outlook: มองไปข้างหน้าเราคาดเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้นและมาตรการกระตุ้นใหม่ๆ โดยเราคาดโครงการดิจิทัลวอลเล็ตน่าจะเป็น Priority แรกของทางการ การเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนเพิ่มขึ้นจาก 32% ในเดือนพฤษภาคมเป็น 37% ในเดือนมิถุนายน (เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบเดือนก่อน แต่ก็ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยการเพิ่มขึ้นระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนในช่วงสามปีที่ผ่านมาที่ 7%) ขณะที่คาดว่าโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลจะเริ่มใช้อย่างเร็วในเดือนกันยายนหรืออย่างช้าไม่เกินเดือนพฤศจิกายน ซึ่งอาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ราว 0.2-0.4%
นอกจากนี้เราคาดว่า ธปท. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการลงทุนและการบริโภค รวมถึงมีแรงหนุนอีกขาจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวด้วย
CPN
เซ็นทรัลพัฒนา
โตแกร่งใน 2Q24
เราประเมินกำไรหลัก 2Q24 ที่ 4.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% YoY และ 3% QoQ หนุนโดยทั้งรายได้ค่าเช่า และรายได้จากธุรกิจอสังหาฯ ที่ปรับตัวดีขึ้น หนุนรายได้หลักรวมเติบโต 17% YoY และ 9% QoQ อีกทั้งคาดอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้นจากค่าไฟฟ้าและค่าตัดจำหน่ายรายได้จากปิ่นเกล้า โดยคาด GM ที่ 53.3% เพิ่มขึ้นจาก 51.5% ใน 2Q23 แต่ลดลงจาก 54.6% ใน 1Q24 (ตาม GM ของกลุ่มที่อยู่อาศัยลดลง)
เรามองว่าการเติบโตของกำไรใน 2H24 น่าจะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับใน 1H24 เนื่องจากฐานปี 2023 ที่สูง อย่างไรก็ตาม ประมาณการกำไรทั้งปี 2024 คาดมีอัพไซด์จากอัตรากำไรขั้นที่ขยายตัวและการโอนอสังหาฯ ที่มีโอกาสดีกว่าคาด
Fundamental view: เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 84 บาท
AMATA
อมตะ คอร์ปอเรชัน
แนวโน้มที่เหลือของปี แข็งแกร่งต่อ
เราคาดการกำไรหลัก 2Q24 ที่ 574 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% YoY หนุนโดยการโอนและราคาที่ดินเฉลี่ยเพิ่ม และ 17% QoQ หนุนจากส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า SPP ที่ร่วมลงทุน แนวโน้ม 3Q24 คาดว่ากำไรหลักจะเติบโตต่อ 39% YoY และ 23% QoQ จากการโอนที่ดินที่เพิ่มขึ้น โดยจะเพิ่ม HoH ในช่วง 2H24 ช่วยกลบผลกระทบราคาขายเฉลี่ยที่สูงใน 1H24 ได้ และใน 4Q24 คาดจะมีกำไรพิเศษเพิ่มขึ้นจากการที่ AMATAV จะปิดดีลขายเงินลงทุนบางส่วนใน ACHL เวียดนามไป 20% ในกับ MRBN หนุนกำไรสุทธิ 4Q24 สู่ระดับ 852 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% YoY และ 21% QoQ (ไม่รวมรายการดังกล่าว กำไรหลักยังเพิ่ม 13% YoY และ 4% QoQ)
Fundamental view: เรายังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 29 บาท มองว่ากำไรที่จะเติบโต YoY, QoQ ต่อเนื่องในไตรมาสที่เหลือของปีนี้จะช่วยหนุนราคาหุ้นเป็นขาขึ้น
WHA
ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น
คาดหวังการเติบโตที่แกร่งใน 2H24
เราคาดกำไรหลัก 2Q24 ที่ 962 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% YoY (จากการโอนที่เพิ่ม และราคาขายเฉลี่ยสูงขึ้น) แต่ลดลง 25% QoQ จากการโอนที่ลดลงมากกว่าส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า SPP ที่เพิ่มขึ้น ส่วนแนวโน้ม 3Q24 คาดจะกลับมาเติบโต 67% YoY และ 6% QoQ โดยเกิดจาก 1) การโอนที่ดิน 2) ราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้น และ 3) ต้นทุนแก๊สลดลง หนุนโรงไฟฟ้า SPP อัตรากำไรดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4 ปกติจะมีการขายสินทรัพย์เข้า WHART แต่รอบ 4Q24 นี้คาดว่าจะดีเลย์ไปปี 2025 (จากผู้ถือหน่วย WHART ไม่โหวตเพราะสถานการณ์ตลาดยังไม่เอื้อ) ทำให้คาดกำไรหลักจะลดลง 51% YoY (แต่เพิ่มขึ้น 16% QoQ) ใน 4Q24 อย่างไรก็ตาม ปี 2025 จะเห็นกำไรกลับมาทำสถิติสูงสุดใหม่
ทั้งนี้ เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2024 ลง 16% เป็น 4,451 ล้านบาท (ทรงตัว YoY) เพื่อสะท้อนประเด็น WHART ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ระยะยาวยังมอง WHA ได้ประโยชน์จากหลายธีม เช่น Data Center และย้ายฐานการผลิต
Fundamental view: ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 5.60 บาท (ลดจาก 6 บาท) มีช่องว่าจากราคาปัจจุบันน้อยแล้ว เราจึงปรับลดคำแนะนำลงเป็นถือ จากซื้อเก็งกำไร โดยในกลุ่มของ WHA เราชอบ WHAUP มากกว่า
สรุปประเด็นจาก Quick take
PTTEP
ปตท.สำรวจและ ผลิตปิโตรเลียม
ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
เราเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้บริหารมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทในระยะยาว
View From Fundamental: คาดการณ์การเติบโตของกำไรหลัก YoY ต่อเนื่องไปจนถึง 4Q24 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป มูลค่าหุ้นปัจจุบันยังคงน่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PBV ณ สิ้นปี 2024 ที่ 1.0 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 2 เท่าอยู่ 1SD) และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีในปี 2024 ที่ 7.1% (เทียบกับ 3.4% ของ SET) เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” (ราคาเป้าหมาย 215 บาท)
EconInvest
ยอดส่งเสริมลงทุน BOI สดใส / บวกต่อนิคม & โรงไฟฟ้าในนิคม
การขอส่งเสริมการลงทุนในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เติบโต 26% YoY เทียบกับครึ่งแรกของปี 2566 โดยคิดเป็นมูลค่า 4.58 แสนล้านบาท (เติบโต 35% YoY) โดยเห็นการเติบโตในหลายอุตสาหกรรมโดยเฉพาะในกลุ่มเป้าหมายใหม่ของภาครัฐ ได้แก่ อุตสาหกรรมดิจิทัล (+1,430%) อากาศยาน (433%) การแพทย์ (+118%) ระบบอัตโนมัติ (58%) และเทคโนโลยีชีวภาพ (+45%) ขณะที่การขอรับการส่งเสริมในอุตสาหกรรมเป้าหมายเดิมเริ่มเห็นสัญญาณการเติบโตที่ชะลอตัว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และการเกษตร
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน