Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

715

 

"Commerce Plays"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "ช่วงฟื้นตัว" ต้าน 1315/1320 จุด รับ 1300/1295 จุด ดัชนี S&P500 พัก -0.5% จากหุ้น Technology ที่มี High Valuation ทำให้เกิดภาพขายลดความเสี่ยงก่อนรายงานกำไร 2Q24 Microsoft รายงานแห่งแรก After Hour แม้กำไรดีกว่าคาด แต่หุ้นช่วง After hour -2.6% จากธุรกิจ Cloud เติบโตน้อยกว่าคาดเพียงเล็กน้อยสะท้อนความคาดหวังสูง ขณะที่หุ้น Value พลังงาน, ธนาคาร สลับนำหุ้นสหรัฐ เรามองบวกต่อ SET ที่มีสัดส่วนหุ้น Value สูง ผสาน เศรษฐกิจภายในยังมีสัญญาณฟื้นตัวทางบวก นำโดยนักท่องเที่ยว ก.ค. แกว่งขึ้นตลอดทั้งเดือน , การใช้จ่ายงบลงทุนรัฐกำลังเร่ง นโยบาย Digital Wallet จะมีความคืบหน้าเพิ่มเติมการแถลงรอบนายกฯ วันนี้ ขณะที่เริ่มลงทะเบียนพรุ่งนี้ บวกกับ เม็ดเงินใหม่ภายในกำลังเข้ามาหนุนตลาดจากกองทุน ThaiESG เกณฑ์ใหม่ ที่จะเข้ามาได้ทันทีเดือนละ 5-6 พันล้านบาท มอง SET ยังอยู่ในช่วงการฟื้นตัวได้ต่อ หุ้นนำ คือ หุ้น Value ธนาคาร, ค้าปลีก, ท่องเที่ยว, หุ้นอิงงบรัฐฯ และหุ้น Big Cap ในดัชนี SETESG วันนี้แนะ CPALL, CPAXT, BJC เด่น

 

Daily outlook: "ช่วงฟื้นตัว" ต้าน 1315/1320 จุด รับ 1300/1295 จุด

What happened around the world ?

•(*) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัวรอประชุม Fed และตัวเลขการจ้างงานสหรัฐปลายสัปดาห์ Dow Jones +0.5%d-d หนุนจากหุ้น Value (Golman sach +2.6%, JP Morgan +2.1%, Chevron +1.9%), S&P500 -0.5%, Nasdaq -1.3% โดยดัชนี S&P Sector ปรับขึ้นหลักๆคือ Energy, Financials, Realestate ฯลฯ Sector ที่ปรับลงหลักๆคือ IT, Consumer staples ฯลฯ โดยหุ้นที่เคลื่อนไหวเด่น กลุ่ม Tech โดน Take profit อาทิ NVDIA -7.04%,Broadcom -4.4% และ Tesla -4% , Microsoft -1.01%

•(*/+) US Earning : บริษัทจดทะเบียนใน S&P 500 รายงานงบ 2Q24 ออกมารวม ... บริษัทจาก 500 บริษัทกำไรรวมดีกว่าคาด ...% ลดลงเมือวานที่ 4.3% และยอดขายรวมดีกว่าคาด ...% ดีขึ้นจากเมื่อวานที่ 1% ส่วนอัตราการเติบโตกำไรและยอดขาย อยู่ที่ ...% (VS. เทื่อวาน 6.46%) และ ....% (VS. เมื่อวาน 4.17%) ตามลำดับ

•(*) US Econ : 1.)ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ Conference Board เดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 100.3 จุด ดีกว่าตลาดคาดและเร่งขึ้นจาก 97.8 จุดในเดือน มิ.ย. จากมุมมองที่ดีขึ้นต่อเศรษฐกิจและ 2.)ตำแหน่งงานเปิดใหม่( Job opening) เดือน มิ.ย. อยู่ที่ 8.184 ล้านราย (สูงกว่าตลาดคาดที่ 8 ล้านราย) แต่ปรับตัวลดลง 4.6 หมื่นรายจากเดือนก่อน หลักๆมาจากการลดลงในการจ้างงานหมวด ก่อสร้าง, ภาคผลิต สุขภาพ และ Job Hires ล่าสุดที่ 3.4% ต่ำสุดตั้งแต่ เม.ย.20 (Covid) ในขณะที่ Job Quits ยังทรงตัวที่ 2.1%

•(*/+) EU GDP : ตัวเลขเศรษฐกิจ GDP ยุโรปหลายประเทศออกมาดีกว่าคาด อาทิ GDP 2Q24 ของยูโรโซนรายงานครั้งแรกที่ 0.26%q-q ชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่ยังมากกว่าคาดที่ +0.2%. ฝรั่งเศส รายงาน GDP2Q24 +0.3%q-q ดีกว่าตลาดคาดที่ +0.2% และสเปน รายงาน +0.8%q-q ดีกว่าตลาดคาดที่ +0.5% บวกต่อหุ้นทีมีรายได้ในยุโรป อาทิ XO(70%ของรายได้รวม), MINT(50%) SHR(40%), IVL (22%) CRC(6%)

• (*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐปรับลงต่อ อายุ 2 ปีแกว่งตัวลง -1 bps โซนบริเวณที่ 4.35% และอายุ 10 ปี ปรับลงต่อ -2 bps ปิด 4.15% (ต่ำสุดในส่วนรอบ 1 เดือนครึ่ง) ส่วน Dollar Index ระยะสั้นแกว่งตัวออกข้าง 104.2 จุด

•(*) To monitor : สหรัฐ 1 ส.ค. ติดตาม PMI ภาคผลิตสำนัก S&P ก.ค. คาด 49.5 จุด vs PMI ภาคผลิตสำนัก ISM คาด 49.0 จุด, 2 ส.ค. การจ้างงานนอกภาคเกษตร ก.ค. คาด 1.75 แสนราย vs prev. 2.0 แสนราย และอัตราการว่างงาน ก.ค. คาด 4.1% เท่าเดือนก่อน. ฝั่งจีน PMI: 1 ส.ค. ติดตาม PMI จีน ภาคผลิตคาด 49.3 จุด vs prev. 49.5 จุด, นอกภาคผลิต 50.2 จุด vs prev. 50.5 จุด

•(*/-) Oil : ราคาน้ำมันดิบ น้ำมันดิบ Brent -1.44%d-d ปิดที่ US$ 78.63/barrel น้ำมันดิบ West Texas -1.42%d-d ปิดที่ US$ 74.73/barrel

•(*) Natural Gas: ราคาก๊าซธรรมชาติในสหรัฐ และในยุโรปเร่งตัวขึ้น ...... จากความเสี่ยงด้านอุปทาน หลังจากเกิดเหตุขัดข้องจากการส่งออกก๊าซจากแหล่งผลิตในออสเตรเลียและนอร์เวย์ การปรับตัวขึ้นของราคาก๊าซธรรมชาติในสหรัฐเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นที่มีแหล่งก๊าซในสหรัฐ อาทิ BANPU แต่ปัจจัยนี้จะส่งผลลบกับผู้ใช้พลังงาน อาทิ IVL และ MINT จากต้นทุนค่าไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นหากราคาก๊าซธรรมชาติยังเร่งตัวขึ้นเป็นเวลานาน นอกจากนี้ยังเป็นจิตวิทยาลบต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC) ในไทย

 

What happened in Thailand ?

• (*/+) SET: ตลาดหุ้นวันทำการล่าสุดปรับตัวแดนบวกทั้งวันทำการ แต่ปิดบวกเพียง +0.88 จุด หรือ +0.07% ปิดที่ 1308 จุด มูลค่าการซื้อขายโดยรวมคึกคักขึ้นมาที่ 4.5 หมื่นล้านบาท กลุ่มหนุน คือ กลุ่มชิ้นส่วนฯ (DELTA, KCE, HANA, CCET) ตอบรับจิตวิทยาบวกผลประกอบการ DELTA งวด 2Q24 ขึ้นทำจุดสูงสุด กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE, INTUCH) มองตอบรับแนวโน้มกำไรงวด 2Q24F คาดออกมาดี ประกอบกับ ภาพบวกจากกรณี INTUCH ควบรวม GULF ช่วยเพิ่มศักยภาพ และคาดเก็งผลบวก ครม. อนุมัติกองทุน ThaiESG เกณฑ์ใหม่ กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มค้าปลีก (CRC, CPALL) มองตลาดสลับกลุ่มลงทุน กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC) การกลับมาเปิดโรงงานปิโตรเคมี ทำให้การฟื้นตัวโดยรวมยังล่าช้า

• (+) Flow : เงินทุนปลายสัปดาห์ก่อนไหลเข้า ซื้อหุ้น 2.8ล้านเหรียญฯ ซื้อพันธบัตร +164 ล้านเหรียญฯ TFEX สถานะ Net Long สุทธิราว 9,557 สัญญา เงินบาทแข็งค่า 35.9 +/- บาท

• (*/+) ThaiESG : ที่ประชุม ครม. วานนี้มีมติสำคัญ ดังนี้

1.) อนุมัติปรับเงื่อนไข ThaiESG ลดหย่อนภาษี 3 แสนบาท ถือลงทุน 5 ปี หวังกระตุ้นตลาดทุน เรามองบวกต่อความคืบหน้าดังกล่าวต่อ SET ระยะถัดไป โดยคาดมีโอกาสเห็นเม็ดเงินกองทุนดังกล่าวเข้ามาเดือนละ 5-6 พันล้านบาท ซึ่งจะเข้ามาได้ทันที เนื่องจากนับรวมการใช้สิทธิ์ผ่านกองทุน ThaiESG ที่มีอยู่ในปัจจุบันด้วย ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันเรามองค่อนข้างจูงใจผู้ลงทุน ทั้ง SET ที่อยู่ในโซนลงทุน ทั้ง Current และ Forward Equity Risk Premium ปัจจุบันสูงน่าจะช่วยหนุนมีเม็ดเงินใหม่เข้าลงทุนหุ้น Big Cap ที่คาดได้อานิสงส์ทางบวกเบื้องต้น คือกลุ่มหุ้นปัจจุบันที่อยู่ในดัชนี SETESG โดยมีน้ำหนักสูง+กลุ่มที่ยอด Short Sales คงค้างที่ยังไม่ปิดสถานะมากกว่า 0.5% ของทุนชำระแล้ว อาทิ CPALL AOT GULF KBANK CRC MINT SCGP

2.) ครม. อนุมัติ มาตรการภาษีในการสนับสนุนคนไทยที่มีศักยภาพที่ทำงานในต่างประเทศให้กลับเข้ามาทำงานในประเทศ ซึ่งเป็นมาตรการด้านภาษีดึงแรงงานหัวกะทิไทยที่ทำงานอยู่ต่างประเทศ และเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย ให้กลับบ้านมาทำงานในไทย ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ทั้งผู้ถูกจ้าง (เสียภาษีมากสุดไม่เกิน 17%) และนายจ้าง (หักรายจ่ายค่าแรงเงินเดือนลูกจ้างกลุ่มดังกล่าวได้ 1.5 เท่า) มีผลถึง ธ.ค. 29 มองจิตวิทยาบวกต่อโอกาสเห็นกลุ่มคนดังกล่าวกลับมาช่วยพัฒนาอุตสาหกรรม S Curve ใหม่ๆ มองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นนิคม อาทิ AMATA WHA ในระยะกลาง

3.) เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐฯ จากงบประมาณปี 2567 (2024) โดยรวมที่ 3.48 ล้านล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็งบประจำ 2.75 ล้านล้านบาท และงบลงทุน 7.2 แสนล้านบาท แม้ปัจจุบัน 25 ก.ค. งบลงทุนยังมียอดเบิกจ่ายต่ำราว 3.0 แสนล้านบาท (40% ของงบลงทุน) แต่วานนี้รัฐฯเปิดเผยว่ามีงบที่ใช้จ่ายไปแล้ว แต่ยังไม่เบิกใช้ คือ 4.8 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีการทำสัญญาเพิ่มเติมอีกราว 7 หมื่นล้านบาท ทำให้สิ้นสุดปีงบประมาณ การใช้จ่ายจะสูง 5.5 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นราว 76.3% ของงบลงทุน ทิศทางดังกล่าวหนุนเรามองบวกต่อหุ้นอิงงบประมาณรัฐ อาทิ ธนาคาร KTB ผู้ค้าวัสดุก่อสร้าง DOHOME กลุ่ม Digital Tech อาทิ BE8 BBIK (รับงานเอกชน แต่เริ่มรับงานรัฐฯ ขณะที่งานรัฐฯที่ออกมา เรามองช่วยคลายภาวะการแข่งขันแย่งงานในกลุ่ม) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง อาทิ STEC

• (*/+) TH Tourism : จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ YTD ถึง 28 ก.ค. 24 แตะระดับ 20.3 ล้านคนแล้ว โดยยอดนักท่องเที่ยวสัปดาห์ล่าสุดอยู่ที่ 7.16 แสนคน +1.0%w-w เป็นภาพโมเมนตัมแกว่งขึ้นต่อเนื่องในเดือน ก.ค. โดยรวมยังเดินหน้าทางบวกตามที่ KSS ประเมินคาด นักท่องเที่ยว 1-28 ก.ค. 24 สูง 2.8 +/- ล้านคน เราคาดทั้งเดือนจะใกล้เคียงค่าเฉลี่ยช่วงฤดูกาล 1Q24 เดือนละ 3.0-3.0 ล้านคน โดยเราเชื่อว่านักท่องเที่ยวช่วงที่เหลือของปีมีโอกาสเร่ง > ก.ค. 24 จากผลบวกมาตรการฟรีวีซ่าที่ครอบคลุมหลายประเทศมากขึ้น ผสาน ช่วงฤดูกาลต่างประเทศ เชื่อนักท่องเที่ยวทั้งปี 24 ไม่ต่ำกว่า Consensus ประเมิน 35.5-36 ล้านคน เชิงกลยุทธ์ยังมองหุ้นท่องเที่ยวที่ไม่ตอบรับทางบวกน่าสนใจ เน้น AOT, BA, MINT

• (*) Short Sales: หลังจากมาตรการ Uptick Rule ตั้งแต่ 1 ก.ค. วานนี้ในส่วนจำนวนหุ้นที่มียอด Short คงค้างอยู่ที่ 400 บริษัท (vs วันทำการล่าสุด 403 บริษัท) พบว่าส่วนใหญ่ยอด Short เท่าเดิม +สัดส่วนกลุ่มถูก Short ลดลง มีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้ โดยกลุ่มที่ลดลงจากวันทำการก่อนหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 172 บริษัท (วันทำการล่าสุด 89 บริษัท) หุ้นที่ Short เท่าเดิมอยู่ที่ 196 บริษัท (วันทำการล่าสุด 233 บริษัท) ส่วนหุ้นที่ Short เพิ่มขึ้นมี 31บริษัท (วันทำการล่าสุด 79 บริษัท)

• (*) To Monitor: สัปดาห์นี้ ติดตาม 1.) 31 ก.ค. รายงานดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม มิ.ย. ตลาดคาด -0.3%y-y vs prev. -1.54% 2.) 31 ก.ค. การแถลงนโยบาย Digital Wallet รอบนายกรัฐมนตรี 3.) 31 ก.ค. ดุลบัญชีเดินสะพัด มิ.ย. 24 ไม่มีคาด vs prev. 647 ล้านเหรียญฯ 4.) 1 ส.ค. PMI ภาคผลิต มิ.ย. 24 ไม่มีคาด vs prev. 51.7 จุด 5.) 2 ส.ค. รายงานกำไรหุ้น Real Sector ได้แก่ TRUE

 

Daily Strategy : CPALL, CPAXT, BJC เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "ยังอยู่ในช่วงการฟื้นตัว" หุ้นสหรัฐฯ พักตัว นำโดยหุ้น Technology ที่มี High Valuation ขณะที่กลุ่ม Value อาทิ พลังงาน ธนาคาร กลับมานำตลาด ส่วนภายในประเด็นเด่น คือ เศรษฐกิจส่งสัญญาณทางบวกต่อเนื่อง ท่องเที่ยว ก.ค. เป็นภาพแกว่งขึ้นตลอดทั้งเดือน, งบรัฐฯ แม้ยอดเบิกจ่ายไม่สูง แต่ยอดใช้จ่ายเดินหน้าต่อเนื่อง และสิ้นสุดปีงบคาดใช้สูง 76% ของงบประมาณ มองหุ้นนำ 1) กลุ่ม Value ที่พร้อมฟื้นตัวกับเศรษฐกิจภายใน ธนาคาร, ท่องเที่ยว, กลุ่มอิงงบรัฐฯ 2) กลุ่มหุ้น Big Cap ในดัชนี SETESG อาทิ หุ้น Big Cap ในดัชนี SETESG อาทิ CPALL AOT GULF KBANK CRC MINT SCGP 3) กลุ่มค้าปลีกเกาะกระแสการแถลงนโยบาย Digital Wallet รอบนายกฯ วันนี้ และเริ่มลงทะเบียนพรุ่งนี้ (1 ส.ค.)

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด + เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหนุนอุตสาหกรรมทยอยเข้าสู่ Upgrade Cycle (HANA, KCE)
กลุ่มภาคผลิตไทย PMI ภาคผลิตไทยอยู่ในระดับขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือนหนุน (GFPT, TU, CBG, OSP )
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการท่องเที่ยวชุดใหญ่ของรัฐฯ หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, OSP, AOT, MINT, ERW)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, MTC, MOSHI)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, GULF, WHA)

• JULY24 Best Picks: TRUE, CPAXT, GULF, KCE, WHA, MINT, OSP

• 3Q24Stock Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• MSCI Rebalance: ดัชนี MSCI มีกำหนดการประกาศผลการ Rebalance รอบใหม่วันที่ 12 ส.ค. (ไทยทราบผลเช้า 13 ส.ค.) โดยการ Rebalance จะมีผล 30 ส.ค. เบื้องต้นเราคาดหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงหลุดออกจากดัชนี ได้แก่ AWC GPSC EA เสี่ยงระดับกลาง คือ IVL เสี่ยงต่ำ คือ KTC ระยะสั้นมีโอกาสหุ้นชุดดังกล่าวจะมีโอกาสเคลื่อนไหว Underperform เชิงกลยุทธ์ให้เลี่ยงลงทุนไปก่อน

• Strategy Update : เลือกตั้งสหรัฐ สร้างความไม่แน่นอน แต่เป็นโอกาสระยะสั้น-กลางของเอเชียและไทย

การเลือกตั้งสหรัฐ 5 พ.ย.24 ตลาดเริ่มให้น้ำหนักมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังคุณ Kamara Harris สลับมาเป็นตัวแทนผู้สมัครรับเลือกตั้งปธน. แทนคุณ Biden ที่ถอนตัวออกไป ทำให้ผลคะแนนเดิมที่คุณ Biden ถูกคุณ Trump ทิ้งห่างกลับมาสูสีมากขึ้น อย่างไรก็ดีด้วยระดับคะแนนปัจจุบันโอกาสที่ Trump จะเป็นประธานาธิบดียังเหนือกว่า และนโยบายทั้งสองพรรคเหมือนกัน ในส่วนการทำสงครามการค้า (Trade War) สงครามเทคโนโลยี (Tech War) กับจีน ทำให้ตลาดมีความกังวลต่อความเสี่ยงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นคล้ายกับสมัยคุณ Trump ดำรงตำแหน่งครั้งแรกปี 2017-21

อิงผลการศึกษา Krungsri Research ประเมิน หากมีการยกระดับ Tariff ขึ้นราว 25% จากปัจจุบัน 1.) คาดกระทบยอดส่งออกจีน -5.76% และสหรัฐฯ -3.26% แต่จะบวกต่ออาเซียน และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนารวมถึงไทย และ 2.) KSS ประเมินผลกระทบจะไม่สูงเท่ารอบปี 2018-19 เพราะภาพ Supply Chain ของโลกมีความเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ช่วงคุณ Trump ดำรงตำแหน่งสมัยแรก อิงสัดส่วนการส่งออกสินค้าจีนไปยังกลุ่มประเทศ Belt and Road ที่ปัจจุบันสูง 46% จากระดับต่ำราว 26% ในปี 2006 รวมถึงสัดส่วนการส่งออกจีนไปยังประเทศพัฒนาแล้วเหลือ 22% จากปี 2006 ที่ 50% 3.) คาดกรณีดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อไทย GDP +0.04% และส่งออก +0.87%

ส่วนผลกระทบตลาดหุ้นสหรัฐ และ SET Index ก่อนและหลังการเลือกตั้ง จากการศึกษา KSS ในอดีต พบว่า ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี 5 ครั้งหลังสุด ดัชนี S&P 500 มักปรับตัวผันผวนก่อนการเลือกตั้ง ก่อนจะปรับตัวขึ้นหลังการเลือกตั้ง ส่วนปี 2024 KSS ประเมินมีโอกาสอาจจะเห็นภาพ Fund Flows สลับยังมา ไทย SET Index -6.8%นับตั้งแต่ต้นปี(ytd) และ Valuation จูงใจ และมีโอกาสที่ Upside เพิ่มจากการที่ดอกเบี้ยไทยคาดมีโอกาสที่ กนง. อาจจะพิจารณากลับมาเดินหน้าลดดอกเบี้ย ลงอย่างน้อย 1 ครั้งๆ ราว 25 bps ทำให้โดยรวม KSS ยังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้ม SET Index ช่วง 3Q24 ปรับขึ้น วางดัชนีเป้าหมายสิ้นปี 2024 ที่ 1,540 จุด กลยุทธ์การลงทุนยังให้เน้นลงทุนในหุ้น Theme US Election แนวนโยบายที่จะยังคงอยู่คือการเดินหน้าสงครามการค้าและเทคโนโลยีกับจีน ผสาน กระแส FDI เข้าไทยที่ดีช่วงหลัง ทำให้ยังคงมุมมองบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคม เน้น WHA และกลุ่มส่งออกอาหาร ชิ้นส่วน คาดได้จิตวิทยาบวกเช่นกัน อาหาร CPF, GFPT, TU ชิ้นส่วน KCE, HANA

• Strategy Update : ThaiESG 2024 ต่อ SET Index

รัฐบาลมีแผนปรับเงื่อนไขสิทธิประโยชน์จากกองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG ใหม่ โดยปรับเงื่อนไขให้สิทธิซื้อเพิ่มลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้นทั้งเม็ดเงิน และสัดส่วนเทียบกับฐานรายได้ ผสาน ระยะเวลาลงทุนสั้นลง KSS คาดว่าฐานเม็ดเงินที่เข้าสู่กองทุน ThaiESG รอบนี้ จะสูงราว 7.8 หมื่นล้านบาทต่อปี ขณะที่ SET ณ ปัจจุบัน ยังอยู่ใน Value Zone น่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนเชิงบวกตลาดหุ้นไทยนับจากนี้.

เชิงกลยุทธ์ : โดยรวม KSS ประเมินเป็น "บวก" ต่อตลาดหุ้นไทยคล้ายสมัยมาตรการลดหย่อนภาษีผ่านกองทุน LTF ในอดีต เนื่องจากเป็นการเสริมสภาพคล่องของเงินลงทุนระยะยาวในประเทศให้กลับมาแข็งแรงขึ้น กลยุทธ์แนะลงทุนในหุ้นใน SETESG ที่มีคุณสมบัติราคาลงแรงกว่า SET -6.6%YTD ได้แก่ BTS SCC, CRC, IVL, PTTGC, CPN, BBL, HMPRO และกลุ่มที่มีน้ำหนัก (Weight) ใน ESG สูง ได้แก่ GULF AOT, MTC, CPALL, GPSC

 

 

• PTTEP (Trading Buy, TP190): เรามอง Positive ต่อ PTTEP รายงากำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 23,978 ลบ. (+14% y-y, +28% q-q) สูงกว่าเราและตลาดคาด จาก OPEX แหล่งเอราวัณที่ต่ำกว่าคาด (มีแนวโน้มเลื่อนไปใน 2H24F แทน) กำไรโต y-y q-q เพราะ ปริมาณขายสัมปทานใหม่อย่างเอราวัณที่ผลิตเต็มไตรมาส และอัตรากำไรเพิ่มตามราคาน้ำมันดิบที่มีความกังวล supply จากสงครามในตะวันออกกลาง ทั้งนี้เราคงคำแนะนำ Trading Buy และ roll over ไปใช้ TP25F ที่ 190 บาท ระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากกำไรที่สูงกว่าคาด และความคาดหวังประชุม OPEC+ วันที่ 1 ส.ค. อาจเลื่อนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบ นอกจากนี้ PTTEP ประกาศจ่ายเงินปันผล 1H24 ที่ 4.5 บาท/หุ้น = yield 3.2% XD 13 ส.ค. 2024

• DELTA (Buy, TP112): We see AI-related product that boost DELTA's earnings performance during 1H24 should even stronger in 2H24 and 2025. Thus, we upgrade our 2024's earnings forecast of DELTA by 11%. Most of the consensus also upgrade their earnings forecast as well. This triggers our investment theme that EPS growth forecast by consensus will be the key driver for DELTA's share price. As a result, we upgrade our recommendation on DELTA from NEUTRAL to BUY with the new FY25 TP of Bt112.

• AOT (Buy, TP64.5): เรามอง Slightly Negative การยกเลิก Duty free ขาเข้าเป็นประเด็นที่ตลาดรับรู้อยู่แล้ว และเราเชื่อว่าจะกระทบต่อผลประกอบการ AOT ในระยะสั้น เนื่องจาก AOT มีโครงการใหม่หลายโครงการที่จะเกิดขึ้นในอีก 1-2 ปีข้างหน้า เราประเมินผลกระทบต่อกำไรราว 5-6% ต่อปี และปรับราคาเป้าหมาย (TP24/25F) ลง -5% เป็น 64.50 บาท ยังคาดกำไรสุทธิปี FY23/24F-24/25F ฟื้นตัวแข็งแกร่ง +118% y-y และ +22% y-y ตามลำดับ หากราคาหุ้นปรับลงสะท้อนประเด็นลบข้างต้นเรามองเป็นโอกาสลงทุน คงคำแนะนำ Buy.

• AMATA (Buy, TP29): Land sales accelerating at 678 rai in 2Q24 which take 1H24 land sales to 1,003 rai, +47% yoy, or 54% of its target and ours. Our forecast is reachable backed by 700 rai for high potential deals. We estimate Bt454m core profit in 2Q24 (+40% yoy and +18% qoq) and would raise to Bt614m (+96% yoy and +32% qoq) including Bt160m extraordinary gains majority from Halong project. With good outlook for land sales upside to our forecast, we maintain BUY for AMATA.

 

3Q24F Equity Outlook : The strong get stronger, the weak get less weak

Stock Best Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA

Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้