AT THE OPEN (#ATO)
SET Index บรรยากาศภายนอกกดดัน
กลยุทธ์Buy on Dip หุ้นงบ 2Q67 ดูดี

Market Strategy
SET Index คาดพักตัวในกรอบ 1290-1310 จุด แรงกดดันมาจากต่างประเทศที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับฐานหลังการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการ 2Q67 ออกมาต่ำกว่าคาด ส่วนในประเทศการแถลงรายละเอียดโครงการ DigitalWallet ซึ่งสาระสำคัญไปอยู่ที่การให้Timeline การลงทะเบียนของประชาชน ส่วนประเด็นอื่นไม่แตกต่าง จากเดิมจึงไม่ได้สร้างแรงขับเคลื่อนต่อตลาดหุ้นประกอบกับทิศทาง Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติและสถาบันที่ขัดแย้งกัน กลยุทธ์เลือกหุ้นที่งบ 2Q67 ดีอย่าง MINT และ BH

ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับฐานในช่วง -1.25% ถึง -3.6%กดดันหลักจากตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือน มิ.ย. ที่เพิ่มขึ้น 6.17 แสนยูนิต ต่ำตลาดคาด 6.40 แสนยูนิต
ผสานรายงานดัชนี Flash PMI ภาคผลิตเดือน ก.ค.อยู่ที่ 49.5 ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 51.6 สะท้อนภาคการ ผลิตกลับอยู่ในภาวะชะลอตัว ขณะที่การรายงานงบ กลุ่มเทคฯที่ต่าคาด ส่งผลต่อแรงขายทำกำไรกดดันดัชนี S&P500 -2.3% NASDAQ -3.6% ส่วน DowJones ปรับลดน้อยกว่า -1.25% สัญญาณข้างต้นแรงกระเพื่อมกับหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์บ้านเราในวันนี้

ประเด็นในประเทศการแถลงรายละเอียด DigitalWallet วานนี้มีความชัดเจนในแง่ Timeline การลงทะเบียนของประชาชน สำหรับประเด็นอื่นยังไม่แตกต่างจากเดิม จึงยังไม่ได้สร้างแรงหนุนต่อตลาดส่วนกรณีคุณสมบัตินายกฯ ศาลนัดฟังคำวินิจฉัยวันที่ 14 ส.ค. ความคืบหน้าข้างต้นช่วยสร้างความชัดเจนและปลดล็อค Overhang ต่อตลาดหุ้น ด้านทิศทาง Flow มีสัญญาณบวกจากต่างชาติที่ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 อีก 388 ล้านบาท แต่จากแรงขายนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ต่อเนื่องเป็นวันที่ 9 อีก975 ล้านบาท ทำให้ตลาดยังอยู่ในช่วงตั้งฐาน

Market Summary
SET Index ปรับลง -3.5 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยแรงกดดันมาจากกลุ่มพลังงาน PTTEP-1.4% ตามราคาน้ำมันดิบ ตามด้วยกลุ่มธนาคาร TTB -3.5% TCAP -1.7% และกลุ่มค้าปลีก CPAXT-2.5% CPALL -1.3% ส่วนกลุ่มที่ปรับขึ้นเด่นที่รีบาวน์หลังวันก่อนลงแรง อาทิกลุ่มบรรจุภัณฑ์SCGP+1.8% กลุ่มไฟแนนซ์ KTC +1.3% MTC +0.7% กลุ่มเครื่องดื่ม CBG +2.7%

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BH MINT

MINT คาด 2Q67E กำไรทำ Record High
คาดกำไรหลัก 2Q67E ทำ Record Highที่ 3.6 พันล้านบาท หนุนจาก RevPARของ NH ที่ +6% เนื่องจากการเพิ่มข้ึนของ ADR ในช่วงฤดูท่องเที่ยวและการ
รีแบรนด์สินทรัพย์ซึ่งในปี67 จะทำการรีแบรนด์ห้องพักจำนวน 4,700 และ 700ห้องในปี 68 ภายใต้ NHH(เทียบกับ 4,000ห้องในปี 2566) ดังนั้นคาดการณ์การเติบโตของ ADR ในปี 68 ที่ 2% ยังดูมีUpside

คาดว่า MINT จะชำระหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยอย่างน้อย 1.1 หมื่นล้านบาทใน2H67ดังนั้น สัดส่วน Net IBD/E จะลดลงเป็น0.8 เท่าตามที่คาดไว้ ด้านรายได้ในปี 67-69 คาดขยายตัวเฉลี่ย 8% ส่งผลดีในด้านภาระจ่ายดอกเบี้ยที่ต่ำลง

เชื่อว่ามีโอกาสที่จะเห็น Consensus ปรับประมาณการกำไรขึ้น โดยราคาหุ้น ปัจจุบันซื้อขายที่ 7 เท่า EV/EBITDA และ 19 เท่าPER68E ถูกสุดในกลุ่มท่องเที่ยว
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 36.00 บาท

BH หุ้นเด่นกลุ่ม Defensive ที่มี Growth
แนวโน้มกำไร 2Q67 มีแนวโน้มแข็งแกร่งเนื่องจากจำนวนวันของเทศกาลรอมฎอนที่น้อยลงและเชอื่ ว่าผลประกอบการจะดีขึ้นต่อจากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลใน 3Q67

นอกจากนี้กลยุทธ์การปรับเพิ่ม ราคาการให้บริการ จำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้นและการขยายจำนวนเตียงเพิ่มจะหนุนการเติบโตกำไรเฉลี่ยปีละ 9% ในปี 67-69 ซึ่งเติบโตมากกว่าช่วงปี 60-62 (Pre-Covid)ที่มีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 1% แต่อย่างไรก็ตามในแง่ Valuation ที่กลับซื้อขายบนPER67 24 เท่าต่ำกว่าช่วง Pre-Covid ที่37 เท่าหรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -1.4 S.D.

ประมาณการของเราสูงกว่าตลาดคาดอยู่5-7% อันเนื่องมาจากความสามารถในการปรับราคา การบริหารต้นทุนที่ดีซึ่งในระยะถัดไปเชื่อว่ามีโอกาสที่ BH จะได้แรงหนุนจาก Earnings Upgrade จากConsensus ต่อไป
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 310.00 บาท

KEY FACTOR
การรายงานดัชนีทางเศรษฐกิจของ U.S. ยังเป็นไปในทิศทางชะลอตัวมากกว่าคาด เริ่มจากจากตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือน มิ.ย. ที่เพิ่มขึ้น 6.17 แสนยูนิต ต่ากว่าตลาดคาด 6.40แสนยูนิต ผสานรายงานดัชนี Flash PMI ภาคผลิตเดือน ก.ค.อยู่ที่ 49.5 ต่ากว่าตลาดคาดที่ 51.6

ขณะที่ฝั่งยุโรปสัญญาณชี้น าทางเศรษฐกิจไม่สดใสเช่นกันสะท้อนจากการรายงานดัชนี Flash PMI เดือน ก.ค. แย่กว่าคาด โดย PMI ภาคผลิต อยู่ที่ 45.6 ต่ากว่าตลาดคาด 46.1และ PMI ภาคบริการอยู่ที่ 51.9 ต่ากว่าตลาดคาด 52.9

ภายใต้สภาพแวดล้อมข้างต้นเชื่อว่าตลาดให้น้าหนักกับแนวโน้มดอกเบี้ยฯ ของธนาคารกลางทั้ง FED และ ECB ปรับลดได้ง่ายขึ้น โดยล่าสุดอิง FEDWATCH Tool คาด FED จะลดดอกเบี้ยฯ ปีนี้ 3 ครั้ง โดยเป็นการลดครงั้ แรกในเดือน ก.ย.ด้วยความน่าจะเป็น 91% ขณะที่ฝ่ งั ยุโรปองิ Bloomberg คาด ECBจะลดดอกเบี้ยฯ ปีนี้อีก 2 ครั้งโดยลดอีกครั้งในเดือน ก.ย.

ทิศทางดอกเบี้ยฯโลกที่กำลังกลับทิศเป็นขาลงเรามองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Dividend Yield สูง (KTB TTB INTUCH)กลุ่มหนี้ภาระดอกเบี้ยลอยตัว (MINT) และกลุ่ม Defensive (BHGPSC)

Eyes on
25 ก.ค. GDP 2Q67 ของสหรัฐฯ
26 ก.ค. PCE เดือน มิ.ย. ของ
สหรัฐฯ, ส่งออกไทยเดือน มิ.ย.

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ