Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

443


มองเห็นปัจจัยบวก แต่ยังมาไม่ถึงสักที
แม้เราจะเห็นสัญญาณบวกหลากหลายรออยู่ข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็น โอกาสที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ย การฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย มาตรการกระตุ้นตลาดหุ้น (TESG, วายุภักษ์) รวมถึง ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน แต่ดูเหมือนปัจจัยดังกล่าวยังไม่ส่งมาถึงตลาดหุ้น โดยวานนี้ ครม. ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องTESG FUND ซึ่งถือว่าช้ากว่าที่คาด สำหรับการระดมทุนผ่านกองทุนวายุภักษ์ ยังไม่ถูกพูดถึงความคืบหน้าส่วนเรื่องที่เห็นความคืบหน้า เป็น DIGITAL WALLET แต่แบ่งการแถลงข่าวรายละเอียดโครงการเป็น 3 รอบ ทั้งนี้มีบางส่วนที่ยังไม่ชัดเจน ด้านผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน เบื้องต้นคาดว่า 2Q67 จะเติบโต YOY ราว 20% ซึ่งน่าจะช่วยหนุน SET INDEX ได้ระดับหนึ่ง จากปัจจัยแวดล้อมดังกล่าวประเมินว่า ยังไม่สามารถขับเคลื่อนตลาดฯ วันนี้ให้ขึ้นไปได้
ประเมินว่า SET INDEX ยังไม่สามารถก้าวผ่านช่วงของการปรับฐาน และผันผวนออกไปได้ วันนี้คาดกรอบการเคลื่อนไหว 1296 – 1312 จุด หุ้นTOP PICK เลือก BEM, CPALL และ CPN


จับตาแถลงโครงการ DIGITAL WALLET – การเมืองไทย
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยผ่านโครงการ DIGITAL WALLET แม้จะยังเห็นสัญญาณของความไม่พร้อมให้หลายๆ ส่วน อาทิ งบประมาณโครงการรอรัฐสภาพิจารณา รวมถึงระบบชำระเงิน ที่ยังไม่เปิดประมูล เป็นต้นแต่อย่างไรก็ตามยังคงเห็นความตั้งใจของรัฐบาลในการเดินหน้าโครงการต่อเนื่องโดย รมว.พาณิชย์ เผยว่าจะเริ่มแจกเงินดิจิทัลในเดือน ต.ค.นี้ ขณะที่กำหนดการนัดหมายแถลงความชัดเจนรายละเอียดโครงการ DIGITAL WALLET ในวันที่ 24
ก.ค.67 ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม (นายกฯ จะเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดวันนี้)โดยจะมีการแถลงทั้งหมด 3 รอบ ดังนี้

• รอบที่ 1 เช้านี้ (24 ก.ค. 67) เวลา 10.00 น. กระทรวงการคลัง จะชี้แจงเรื่องงบประมาณ และแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการ รวมถึงรายละเอียด
TIMELINE และขั้นตอนลงทะเบียนในส่วนของประชาชน

• รอบที่ 2 คาดว่าจะเป็นสัปดาห์ถัดไป กระทรวงพาณิชย์ จะชี้แจงรายละเอียดของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ

• รอบที่ 3 นายกฯ จะแถลงว่าเงินจะเข้าเมื่อไหร่ ประชาชนเริ่มใช้เงินได้วันไหน และตอบข้อซักถามที่สงสัย เป็นต้น


นอกจากนี้ยังมีประเด็นการเมืองไทย โดยในวันนี้เวลา 09.30 น. ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณา “คดีถอดถอน นายกฯเศรษฐา” ซึ่งยังต้องติดตามกำหนดการนัดหมายฟังคำวินิจฉัยว่าจะเกิดขึ้นวันไหน โดยเบื้องต้นประเมินกันว่าน่าจะเป็น 14 ส.ค.67ทั้งนี้หากผลออกมาแล้วถูกถอดถอน ก็ต้องมีการเลือกนายกฯ และตั้ง ค.ร.ม. ใหม่ ซึ่งกรณีนี้อาจทำให้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต้องล่าช้าออกไป ถือว่าเป็นปัจจัยลบต่อSET INDEX แต่หากไม่มีการถอดถอนก็ถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด

 

 

สรุป วันนี้รอติดตามประเด็นภายในประเทศ 2 เรื่องหลักได้แก่ ควมคืบหน้าการเมืองไทย กรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณา “คดีถอดถอน นายกฯเศรษฐา” และการชี้แจงรายละเอียดโครงการ DIGITAL WALLET สะท้อนการเดินหน้านโยบายต่อเนื่องมองเป็น SENTIMENT เชิงบวกต่อกลุ่มค้าปลีก CPALL CPAXT BJC

แรงกดดันภายในประเทศ 2 ประเด็น กดดัน SET ยืนเหนือ 1300ลำบาก
ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นเดือนมีกระแสข่าวว่าเตรียมนำกองทุน TESG เข้าครม. ในช่วงกลางสัปดาห์ จึงทำให้เห็นเม็ดเงินซื้อสุทธิหุ้นไทยของสถาบันกว่า 4.6 พันล้านบาท(ช่วง1 -10 ก.ค.67) แต่หลังจากนั้นกระแสข่าวที่หายไปจึงทำให้สถาบันขายสุทธิหุ้นไทยจนยอดสุทธิอยู่ที่ -1.5 พันล้านบาท(MTD) และกดดัน SET INDEX ผันผวนในช่วงสั้น อีกทั้งล่าสุดความหวังของนักลงทุนก็จางหายอีกครั้ง หลังกองทุน THAIESG ยังไม่ถูกเสนอเข้า ครม. วานนี้ จึงทำให้โอกาสที่จะเห็นเม็ดเงินจากสถาบันหนุนหุ้นไทยนั้นยากขึ้นในเร็ววัน


ส่วนอีกประเด็นที่กดดันตลาดหุ้นไทยมาสักระยะ คือ ประเด็นตราสารหนี้หมดอายุของบริษัทจดทะเบียนที่คงค้างอยู่ในระบบสูงถึง 4.3 ล้านล้านบาท ซึ่งแบ่งสัดส่วนเป็นรายอุตสาหกรรมได้ ดังนี้ ENERG 17.8%PROP 9.3% FIN 8.9% COMM 8.5% BANK5.7% CONMAT 4.7% PETRO 4.5% เป็นต้น ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีตราสารหนี้หมดอายุ(OUTSTANDING) มูลค่าสูง ก็จะทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจในการลงทุน และกดดันราคาหุ้นในกลุ่มนั้นๆ ผันผวนมากกว่ากลุ่มอื่น

 

ขณะที่หากพิจารณาเป็นรายปี จะเห็นได้ว่ามูลค่าตราสารหนี้ที่จะหมดอายุของปีนี้อยู่ที่ 3.9 แสนล้านบาท(ในช่วงปี 2025-2027 มูลค่าตราสารหนี้ที่จะหมดอายุ 6-9 แสนล้านบาท) และพอมาจำแนกเป็นรายเดือน ก็จะเห็นได้ว่ามูลค่าดังกล่าว หมดอายุพอๆ กันในแต่ละเดือนราว 6 – 9 หมื่นล้านบาท นั้นแสดงให้เห็นว่าประเด็นนี้น่าจะกดดัน SETINDEX เท่าๆกันในแต่ละเดือนจนถึงสิ้นปีนี้ ไม่มีเดือนใดที่น่ากังวลเป็นพิเศษ


ดังนั้น 2 ประเด็นลบที่กล่าวมาข้างต้น จึงทำให้คาดหวังเม็ดเงินไหลเข้า SET ได้ยากขึ้นและทำให้ SET ผันผวนในช่วงสั้น แต่หากมีความชัดเจนของประเด็นดังกล่าว ก็คาดเป็นแรงหนุนให้ SET สามารถดีดแรงเช่นกัน โดยวันนี้คาดกรอบการเคลื่อนไหวของ SET ในกรอบ 1296-1312 จุด


หลากหลายปัจจัยกดดัน SET ย่อตัวลึกกว่าพื้นฐาน
ประเด็นความไม่แน่นอนการเมือง การดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลที่เลื่อนออกไปโดยเฉพาะกองทุน TESG ใหม่ รวมถึงประเด็นการเลื่อนชำระเงินในตั๋ว BE กดดัน SETINDEX ผันผวนและย่อตัวลงมาลึก

อย่างไรก็ตามหากพิจารณาในมุมพื้นฐาน พบว่า BLOOMBERG CONSENSUS มีการปรับลดประมาณการเป้าหมายของ SET INDEX ปี 2567 ลงมาอยู่ที่ 1603 จุดหรือลดลงมา -40 จุด YTD แต่ SET INDEX ลดลงมาแล้ว 115 จุด YTD จนอยู่ที่ 1301จุด ขณะที่ EPS67F ทาง BLOOMBERG ยังทรงๆ ไว้ที่ 93 บาท/หุ้น


ดังนั้น SET INDEX ที่ตกลงมาหนักกว่าการ DOWNGRADE ทางพื้นฐาน หนุนให้UPSIDE ของ SET INDEX เปิดกว้างขึ้นเกิน 23% (สูงกว่าระดับ +1 SD 21%) และเวลาที่ UPSIDE ของ SET INDEX เกิน +1SD บวกกับปัจจัยกดดันเริ่มลดน้อยลง มักมีโอกาสเห็นการรีบาวน์กลับขึ้นมาบ้างราว 40 –50 จุดในระยะถัดไป


สรุป หลากหลายปัจจัยกดดัน SET ย่อตัวลึกกว่าการปรับลดมูลค่าทางพื้นฐานดังนั้นหากปัจจัยกดดันต่างๆ เบาลง อาจเป็นจังหวะในการสะสม หวังการฟื้นตัวในระยะถัดไปได้ แนะนำ CPALL, BDMS, BEM, CK, PLANB, AMATA, SIRI, GULFถกแนวทางลดค่าไฟต่ำกว่า 4 บาท/หน่วยแหล่งข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เปิดเผยว่า ครม.ได้หารือถึงแนวทางการลดราคาค่าไฟลดมาให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 4 บาท/ หน่วย จากปัจจุบันที่ ครม.เห็นชอบให้ตรึงค่าไฟงวด ก.ย. –ธ.ค. 2567 ไว้ที่ 4.18 บาท/หน่วย และรัฐบาลต้องมีการแก้ไขปัญหาราคาค่าไฟทุกๆ 4 เดือนเบื้องต้น หากอิงราคาค่าไฟฟ้าที่ 4.18 บาท (ประกอบด้วยค่าไฟฟ้าฐาน 3.78 บาท/หน่วย และค่า FT ราว 0.40 บาท/หน่วย) ตามมติ ครม. จะยังถือได้ว่าเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับประมาณการต้นทุนก๊าซฯในงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2567 ที่คาดจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่323 บาท/ล้านบีทียู จากเดิม 300 บาท/ล้านบีทียูในงวด พ.ค.-ส.ค. 2567หรือคิดเป็นค่า FT ที่ราว 0.34 บาท/หน่วย แต่หากทำให้อัตราค่าไฟในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำกว่า 4 บาท/หน่วย อาจเป็นการบิดเบือนกลไกต้นทุนเชื้อเพลิง และ กฟผ.(EGAT) จะต้องมีการแบกภาระหนี้ใหม่ที่เกิดขึ้นอีก ดังนั้น จึงเชื่อว่ารัฐบาลจำเป็นต้องพิจารณาอย่างเคร่งครัดในประเด็นดังกล่ว เพราะจะเป็นภาระที่เกิดขึ้นตามมาในภายหลัง
ทั้งนี้ราคาค่าไฟฟ้า 4.18บาท/หน่วย ที่ รมว.พลังงานประกาศล่าสุด ถือเป็นระดับค่าไฟที่ต่ำกว่าที่ กกพ. เคยนำเสนอไว้ในกรอบ 4.65-6.01 บาท/หน่วย โดยอิง
▪ FT ที่สะท้อนต้นทุนพลังงานในงวดพ.ค.-ส.ค. 2567 ที่ 0.34 บาท/หน่วย
▪ ยืดหนี้บางส่วนที่ของ กฟผ.ออกไปก่อน โดยจะมีการจ่ายชำระคืนหนี้ในงวดนี้ลดลงเหลือเพียง 0.05 บาท/หน่วย จากเดิมที่อยู่ในกรอบ 0.27 –1.63 บาท/
หน่วย
▪ ปตท.จะยังไม่รับชำระค่าใช้จ่ายที่คิดเป็นค่า FT 0.25 บาท/หน่วย ในงวดเดือนก.ย. -ธ.ค. 2567
ส่วนภาระหนี้คงค้างส่วนที่เหลือจาก กฟผ. และ ปตท. ที่ไม่ถูกคำนวนในงวดนี้ จะถูกยกยอดไปคิดในการคำนวณค่าไฟฟ้างวดถัดๆไป ขณะที่ระยะเวลาการตรึงค่าไฟ จะพิจารณาตามความเหมาะสมตามรอบการปรับปรุงค่า FT ทุกๆ 4 เดือน

 


Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

วันขาย By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ขายเมื่อมีข่าวดี วันนี้ วันขาย ท่ามตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้น ตอบรับข่าวดี สหรัฐกับจีน ....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้