Market Wrap-Up
- SET วันที่ 23 ก.ค.67 ปิด -15.60 จุด อยู่ที่ 1,301.54 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,319 ลบ.สถาบันขาย 682 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 315 ลบ.ต่างชาติซื้อ 70 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิรวม 1,454 ลบ. โดยมียอดซื้อสุทธิในหุ้น BBL,KTB,BTS,PRM,CPALL และมียอดขายสุทธิ BDMS,TISCO,GULF,HANA,ADVANC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,863 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ AOT,NDX01,SCC-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 22,349 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 10,747 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 572 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.14%, S&P500 -0.16%, Nasdaq -0.06% จากแรงชายกลุ่มพลังงาน -1.55%,สาธารณูปโภค -0.65% ขณะที่กลุ่มวัสดุ +0.38% ส่วน NAR เผยยอดขายบ้านมือสองสหรัฐ มิ.ย. -5.4% อยู่ที่ 3.89 ล.ยูนิต ต่ำกว่าคาดที่ 3.99 ล.ยูนิต ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.13% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +1.4% ขณะที่กลุ่มทรัพยากรพื้นฐานปรับลดลงตามราสินค้าโภคภัณฑ์
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลงหลัง UPS -12.1% บริษัทส่งพัสดุสหรัฐรายงานรายได้ Q2/67 ต่ำกว่าคาด และ GE -6.4% รายงานกำไร Q2/67 ต่ำกว่าคาดและกังวลผลขาดทุนในจีน ขณะที่หลังปิดตลาด Tesla -3% เผยรายได้ & กำไร Q2/67 ต่ำกว่าคาด เนื่องจากกำไรขั้นต้นลดลงจากการลดราคาขาย และยอดส่งมอบรถยนต์ -5% YoY ส่วน Alphabet -2.2% แม้ว่ารายงานกำไรดีกว่าคาด แต่รายได้โฆษณาเติบโตในอัตราที่ลดลง QoQ และรายได้จาก Youtube น้อยกว่าคาด จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ Nasdaq Futures เช้านี้ -0.5% สัปดาห์นี้ติดตามข้อเศรษฐกิจ เช่น PMI ภาคผลิต & บริการสหรัฐ เบื้องต้น ก.ค., GDP สหรัฐ Q2/67 คาด +1.9% & Q1/67 +1.4% QoQ และ US PCE มิ.ย. คาด 2.4% & พ.ค. 2.6% YoY
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี หลังราคาหุ้นกลุ่มผลิตชิป เช่น ASLM, BEIS เริ่มฟื้นตัว หลังสัปดาห์ก่อนถูกกดดันจากข่าวสหรัฐเตรียมคุมเข้มการส่งออกชิป & เทคโนโลยีชั้นสูงไปยังตลาดจีน ขณะที่กลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน เช่น ริโอทินโต, เกล็นคอร์ ปรับลดลงหลังราคาทองแดงปรับลดลงตามอุปสงค์จากจีนที่คาดจะชะลอตัว สัปดาห์นี้ติดตาม PMI ภาคผลิต & บริการยูโรโซน เบื้องต้น ก.ค. คาดทรงตัวที่ 50.9
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ดัชนีเซี่ยงไฮ้ -1.65% จากแรงขายกลุ่มอุปโภค แม้ว่า ธ.กลางจีนปรับดอกเบี้ยเงินกู้ LPR 1 ปี, 5 ปี ลง 0.10% อยู่ที่ 3.35%, 3.95% ตามลำดับ แต่ผลการประชุม Politburo ไม่ได้ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ เพื่อช่วยหนุนภาคการผลิต & อสังหาของจีน ส่วนดัชนีนิเกอิวานนี้ปิดทรงตัว รอรายงาน Tokyo Core CPI ก.ค. คาด 2.2% & มิ.ย. 2.1% YoY ก่อนการประชุม BOJ สัปดาห์หน้าวันที่ 31 ก.ค.ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่
- ดัชนี SET วานนี้ -1.18% ปริมาณการซื้อขาย 4.0 หมื่น ลบ. สถาบันขาย 682 บ. รายย่อยซื้อ 295 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 315 ลบ. ต่างชาติซื้อ 70 ลบ. จากแรงขายกลุ่มไฟแนนท์ -4.5% จากความกังวลต่อ NPL & กันสำรองหนี้เสี่ยใน Q2/67 ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่กลุ่มปิโตรเคมี & บรรจุภัณฑ์ถูกแรงชายทำกำไร จากความกังวลอุปสงค์จากจีนฟื้นตัวช้า หลังการประชุม Politburo จีนไม่ได้ออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ กอปรกับ EA ประกาศเลื่อนการขายหุ้นกู้วันที่ 23 – 25 ก.ค. ส่งผลให้มีความไม่แน่นอนต่อการชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดปีนี้มูลค่า 5.5 พัน ลบ. และทางบริษัทได้ประกาศเลื่อนชำระคืนตั่ว BE ปัจจัยดังกล่าวส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ส่วนผลการประชุม ครม.วานนี้ยังไม่ได้พิจารณาการปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ขณะที่ประเด็นสำคัญวันนี้ติดตามนายก ฯ แถลง ม.ดิจิทัล วอลเล็ต และศาล รธน.นัดฟังความสั่งกรณีคุณสมบัตินายก ฯ เศรษฐา
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,290 – 1,298 แนวต้าน 1,305 – 1,310 ประเมินดัชนีมีโอกาส Sideway Down จากแรงขายกลุ่มพลังงาน และรอฟังคำสั่งศาล รธน.ต่อคุณสมบัตินายก ฯ ส่งผลปัจจัยเสี่ยงการเมืองในประเทศเพิ่มขึ้น แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีก CPALL,CPAXT,GLOBAL จากปัจจจัยบวกความคืบหน้า ม.ดิจิทัลวอลเล็ต และพักเงินในกลุ่มปลอดภัย BDMS,BCH
- BA* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 22.60 บาท) แนวโน้ม 2Q67 คาดเห็นกำไรสุทธิอ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาลที่เป็นช่วง low season และลดลง YoY เพราะไม่มีรายการพิเศษทางภาษีเหมือนปีก่อน อย่างไรก็ตามคาดว่าจะเห็นผลการดำเนินงานปกติดีขึ้น YoY หนุนจากสถิติการบินที่ฟื้นตัว ขณะที่ราคาค่าตั๋วโดยสารยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจากความต้องการในการเดินทาง ก่อนจะเข้าสู่ 3Q67 ที่เป็น high season ของสมุยอีกครั้ง ทั้งนี้ปี 67 บริษัทตั้งเป้าผู้โดยสาร 5 ล้านคน +13%YoY LF 85% เที่ยวบิน 48,000 เที่ยวบิน +7%YoY และ Passenger Revenue 17,800 ล้านบาท +19%YoY ตามลำดับ ส่วนแผนการขยายสนามบินในช่วง 1-2 ปี วางงบลงทุนไว้ 2.3 พันล้านบาท เพื่อเพิ่ม Capacity ทั้ง Airside-Landside และการขออนุมัติเพิ่มเที่ยวบินจาก 50 เที่ยวบิน เป็น 73 เที่ยวบิน/วัน คาดว่ามีความคืบหน้าในปีนี้
- BH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 298 บาท) ประเมินกำไรสุทธิ 2Q67 อยู่ที่ 1,884 ลบ. (+7.8%YoY, -1% QoQ ) ลดลง QoQ ตามฤดูกาล(ฤดูร้อน-ผู้ป่วยไทย) ส่วน YoY แม้มีปัจจัยลบจากผู้ป่วยประเทศคูเวตที่หายไป(คูเวตมีการทบทวนนโยบายการส่งตัวผู้ป่วยไปรักษาตัวนอกประเทศใหม่) แต่น้ำหนักน้อยกว่าปัจจัยบวก คือ 1.การปรับค่าบริการที่สูงขึ้น และ 2.รอมฏอนปีนี้ที่มาเร็ว 10 มี.ค.67- 09เม.ย.67 (ปีก่อน 22 มี.ค.66- 21 เม.ย.66) ทั้งนี้ ภาพรวมทั้งปี คาดมีแรงหนุนจากโครงการขยาย Annex Building และการเพิ่มเตียงใน ICU 5 จำนวน 12เตียง โดย ปัจจุบัน เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี67 และ ปี68 ของ BH ที่ 7,581 ลบ.(+8.2%YoY) และ 8,112 ลบ.(+7.0%YoY) ตามลำดับ
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI ก.ย. -$1.44 อยู่ที่ $76.96 / บาร์เรล, Brent ก.ย. -$1.39 อยู่ที่ $81.01/บาร์เรล รับข่าวการเจรจาหยุดยิงรอบใหม่ในฉนวนกาซาวันที่ 25 ก.ค. และรอ EIA รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมา
Gold Update(+) Comex Gold ส.ค.+$12.60 อยู่ที่ $2,407.30/ออนซ์ ได้แรงหนุนจาก US Bond Yield 10 ปี ปรับลดลงอยู่ที่ 4.24%
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +4.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +1.95 ล.ดอลลาร์สหรัฐ, ขายหุ้นอินโดฯ -5.36 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +7.58 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 36.14 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.255%
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -27 จุด อยู่ที่ 1,869
(-) BitCoinเช้านี้ -2.20% อยู่ที่ 66,018 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
31 ก.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย
สัปดาห์ที5 สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนี
ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
ต่างประเทศ
23 ก.ค. US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (มิ.ย.)
24 ก.ค. US ยอดขายบ้านใหม่ (มิ.ย.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( ก.ค.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( ก.ค.)
25 ก.ค. US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 2)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
26 ก.ค. US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) (มิ.ย.)
US ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (มิ.ย.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL*
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE*
(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*
(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio July 2024: GFPT*, SAPPE*, BH, BTG*, KLINIQ
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th