AT THE OPEN (#ATO)
SET  Index พักฐานตามกรอบ 1310-1330
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่งบ 2Q67 ดูดี

Market Strategy
SET Index คาดแกว่งตามกรอบ 1310-1330 จุด จากตลาดยังอยู่ในช่วงเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q67 โดยการรายงานงบของหุ้นกลุ่มธนาคาร 7 แห่งที่เราศึกษา (TISCO BBL SCB KKP TTB KTB และ KBANK) ที่เราศึกษาทำกำไรสุทธิ 5.35 หมื่นล้านบาทหดตัว -3%QoQ แต่ขยายตัว +3%YoY  ใกล้เคียงคาด โดยทิศทางคุณภาพสินทรัพย์ที่ยังเปราะบาง ขณะที่ธนาคารระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อใหม่ มุมมองการลงทุนต่อกลุ่มยังเป็นกลาง  โดยเราเลือก TTB และ KTB เป็น Top Pick ขณะที่สัปดาห์นี้เป็นการรายงานงบของหุ้นในภาค Real Sector ที่จะเริ่มจาก SCGP ในวันนี้
ตลาดหุ้นต่างประเทศแกว่งผันผวนฝั่ง MSCI Asia Ex Japan วานนี้ปรับลง -0.5% สวนทาง S&P500 ปรับขึ้นราว 1.1% ประเด็นที่ให้ความสนใจ 1) คุณ   ไบเดนถอนตัวสมัครชิงประธานาธิบดี สมัยหน้าและสนับสนุนคุณแฮร์ริส เป็นผู้สมัครแทนถัดไปตลาดจะให้น้ำหนักกับนโยบายของฝั่ง Democrat ซึ่งนโยบายทางเศรษฐกิจเรายังเชื่อว่าประเด็นความเสี่ยงกีดกันทางการค้ากับจีนยังมีอยู่แต่อาจไม่รุนแรงเท่านโยบายของ Republican  2) การประกาศลดดอกเบี้ยฯ LPR อายุ 1 ปีมาที่  3.35% จากเดิม 3.45% และอายุ 5 ปีลงมาที่ 3.85% จากเดิม 3.95% เทียบกับตลาดคาดว่าจะคงดอกเบี้ยฯ เพื่อช่วยกระตุ้นกำลังซื้อเศรษฐกิจในประเทศ แต่อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นจีนวานนี้ -0.7%
ประเด็นติดตามวันนี้การประชุม ครม. คาดพิจารณาเรื่องคงค่าไฟเดือน ก.ย.- ธ.ค. 67 ที่4.18 บาท/หน่วย การเสนอปรับเงื่อนไขกองทุน TESG และ โครงการ Digital Wallet กลยุทธ์การเลือกหุ้น Earnings 2Q67 เติบโตดีอย่าง OSP และ KCE  

Market Summary
SET Index ปรับลง -7.62 จุด แรงกดดันจากหุ้นโรงไฟฟ้า GPSC -2.5% BGRIM -1.8% จากความกังวลต่อ รมว.พลังงานที่มีความเห็นต่อการตรึงค่าไฟฟ้าเดือน ก.ย.-ธ.ค. ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย ตามด้วยกลุ่มธนาคารปรับลง -0.9% จากงบออกมาโดยรวมไม่ได้เห็น Upside ต่อประมาณการ ส่วนกลุ่มที่ปรับขึ้นเด่น GULF +1.7% INTUCH +0.6% นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 278 ล้านบาท

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ OSP KCE
OSP
กำไรดูมี Upside
คาดกำไร 2Q67E จะอยู่ที่ +/-900 ล้านบาท มีแนวโน้มเติบโตทั้ง QoQ และ YoY  สนับสนุนจากยอดขายในประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจากฤดูร้อน ด้าน Market Share ช่วง เม.ย.-พ.ค. เพิ่มขึ้น 10 bps จาก 1Q67 มาที่ 46.5% ขณะที่ยอดขยายในเมียนมายังเติบโต QoQ และ YoY  ผสานกับอัตรากำไรขั้นต่ำที่ดีขึ้น
กำไรปกติในปี 67 คาดเติบโต 21% YoY จาก 1) ยอดขายเครื่องดื่มในประเทศเติบโต 7% YoY จากส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยอดขายเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลเพิ่มขึ้นจากฐานที่ต่ำและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 2) คาดว่ายอดขายในต่างประเทศเติบโต 12% YoY จากการเติบโตต่อเนื่องในเมียนมาร์และการออกเครื่องดื่มชูกำลังรสชาติใหม่ 3) อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 163 bps YoY เป็น 36.2% ในปี 67 จากการประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้น ต้นทุนพลังงานลดลง และการออกสินค้าใหม่ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์  26.00 บาท

KCE
ถึงจังหวะลุย
กำไร 2Q67 มีทิศทางฟื้นตัวได้ YoY และ QoQ จากการรับรู้รายได้ที่เลื่อนมาจาก 1Q67 อัตรากำไรจะดีขึ้นจากโครงการลดต้นทุนของบริษัทฯ และได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่า  ขณะที่ 3Q67 ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อตามปัจจัยฤดูกาล Consensus คาดกำไร 67E โต 25%YoY
ราคาหุ้น KCE ซื้อขายบน PER67/68E  24.9/21.8 เท่าต่ำกว่ากลุ่มที่ซื้อขายที่ 47/43.5 เท่า สวนทางกำไร 67/68E ที่ Bloomberg Consensus คาดโตเฉลี่ย 19% สูงกว่ากลุ่มที่โตเฉลี่ย 11%YoY  
วันนี้เชื่อว่าราคาหุ้นจะได้ Sentiment บวกหุ้นในกลุ่ม Tech สหรัฐฯที่ฟื้นกลับ ประกอบกับในระยะถัดไป เราเชื่อว่า ความเสี่ยง Trade War ที่สูงขึ้น ทั้งจากยุโรปและสหรัฐฯที่มีนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าจีน เป็นบวกกับ KCE จาก Supply Chain ที่โอกาสเร่งออกจากจีนเร็วขึ้น อ้างอิงปี 2566 KCE มีรายได้จากยุโรปและสหรัฐฯคิดเป็นสัดส่วนราว 40% และ 20% ตามลำดับ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์  48.50 บาท

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ