Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

657

"Selective Play"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "ฟื้นตัว" ต้าน 1322/1327 จุด รับ 1310/1305 จุด ดัชนี S&P500 วานนี้ฟื้น +1.0% หุ้นกลุ่มTechnology นำ หนุนหลักจาก NVIDIA ที่กำลังวางแผนผลิตชิปใหม่ให้จีน โดยเป็นชิปที่สอดคล้องกับเกณฑ์ทางการ ขณะที่การเปลี่ยนผู้ลงสมัครเลือกตั้งพรรค Democrat เป็นคุณ Harris จากเดิมคุณ Biden ช่วยลดช่องว่างคะแนนความนิยมจากคุณ Trump แคบลง ทำให้สถานการณ์ทางการเมืองในสหรัฐยังไม่แน่นอน แต่ความกังวลเกี่ยวกับ Trade war ที่รุนแรงอาจจะลดลงหากคะแนนคุณ Harris เพิ่มต่อเนื่อง เป็นผลดีต่อการค้าโลกและตลาดหุ้น ทั้งนี้ ในช่วงมีความไม่แน่นอน ผสาน ใกล้จุดที่ Fed ลดดอกเบี้ย เรามองโอกาส Fund Flow สลับสู่ Asia ภายในกำไรธนาคาร 2Q24 ใกล้เคียงตลาดคาด +3%y-y แม้ NPL Ratio เพิ่ม แต่สะท้อนมีการเตรียมรองรับความเสี่ยงเศรษฐกิจช้าไว้แล้ว ขณะที่ภายในวันนี้ติดตามการพิจารณาอนุมัติกองทุน ThaiESG เกณฑ์ใหม่ของครม. มอง SET ฟื้น หุ้นนำ คือ หุ้นที่มีน้ำหนัก ThaiESG ที่มีพื้นฐานดี(GULF, AOT, CPALL, MINT, และกลุ่ม ICT) หุ้นวงจรดอกเบี้ยขาลง กลุ่มที่คาดกำไร 2Q24 เด่น วันนี้แนะนำ AOT, KCE, OSP เด่น

 

 

 

 

 

 

 

Daily outlook: "ฟื้นตัว" ต้าน 1322/1327 จุด รับ 1310/1305 จุด

What happened around the world ?

•(*/-) US Stocks :  ตลาดหุ้นสหรัฐวันศุกร์ปรับลง (รับข่าวความไม่แน่นอนทางการเมืองสหรัฐ)   แต่เมื่อคืน Rebound (รับข่าวจีนลดดอกเบี้ย LPR และมาจากหุ้น Tech ฟื้น) อิง  Dow Jones +0.32%d-d, S&P500 1.08%, Nasdaq 1.57% โดยดัชนี S&P  Sector ปรับขึ้นหลักคือ IT, ICT,  Industrial ฯ  Sector ที่ปรับลงหลักๆคือ Energy,  Consumer staples ฯลฯ  โดยหุ้นที่เคลื่อนไหวเด่น อาทิ NVDIA +2.8% รับข่าวบริษัทกำลังวางแผนผลิตชิป AI รุ่นใหม่เพื่อป้อนให้กับจีน โดยชิปรุ่นดังกล่าวมีความสอดคล้องกับกฎระเบียบการควบคุมการส่งออกที่รัฐบาลสหรัฐบังคับใช้  , Microsoft +1.3%  Alphabet 2.2 %,  Tesla 5.1% และ Meta 2.2% เป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่ม Tech และชิ้นส่วนไทยวันนี้

•(*/-) Crowdstrike : ปลายสัปดาห์ที่แล้วเกิดเหตุการณ์บริษัทหลายแห่งทั่วโลก หลายธุรกิจระบบล่ม ซึ่งเกิดจากปัญหาในอัปเดตล่าสุด ซอฟแวร์ Falcon  กดดัน CrowdStrike บริษัทดูแลความปลอดภัยด้านไซเบอร์ ปรับลงต่อเนื่องจากเมื่อวาน -13.5%

•(*/+) Fed speaks : นายJohn William  ประธาน Fed สาขา New York (Voter) ได้ให้สัมภาษณ์โทน Dovish ย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Fed ในการปรับลดอัตราเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ย้ำภาพปีนี้ Fed ลดดอกเบี้ย 3 ครั้งๆ มองบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง

• (*/+) PBOC : ธนาคารประชาชนจีน(PBOC) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี(Surprise) ตลาดลงสู่ระดับต่ําสุดเป็นประวัติการณ์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจีน คือ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ 1 ปีราว 10 bps เป็น 3.35% จาก และลดอัตราดอกเบี้ย LPR 5 ราว 10 bps ปี 3.85%  KSS มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจเชื่อมโยงจีน อาทิ DOHOME, STA, PTTGC, IVL

•(*) US Election :  ประธานาธิบดี Joe Biden ประกาศถอนตัวจากการลงแข่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย.24 และรับรอง Kamara Harris เป็น Candidate อย่างไรก็ตาม คุณ Kamara จะต้องชนะการเลือกตัวแทนของพรรคเดโมแครตในวันที่ 19 ส.ค.  อย่างไรก็ตามการตอบสนองของผู้สนับสนุนพรรคเดโมแคตเป็นไปในทิศทางบวกสะท้อนจากจำนวนเงินบริจาคให้กับพรรคพุ่งสูงกว่า 81 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมงมากกว่าเงินบริจาคของ Joe Biden ตลอดเดือน มิ.ย. ที่ 63.8 ล้านเหรียญ, คะแนนนิยมของนาง Kamara Harris เร่งตัวขึ้นและในบางเขตที่เป็น Swing State พลิกนำ โดนัล ทรัมป์ ประเด็นนี้ทำให้สถานการณ์ทางการเมืองในสหรัฐยังมีความไม่แน่นอน ความกังวลเกี่ยวกับ Trade war ที่รุนแรงอาจจะเบาลงหากคะแนนของ Kamara Harris เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ในท้ายที่สุดไม่ว่าใครจะเป็นประธานาธิบดี KSS ประเมินการกีดกันการค้าจะยังดำเนินต่อ เป็นบวกต่อกระแสการย้ายฐานการผลิต มองบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เน้น WHA

•(*/+) : Trump policy  อดีตประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ เสนอนโยบายหาเสียง คือ เพิ่ม Bitcoin เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ"  คาดหวังเรียกคะแนนนิยมกลุ่มนิยม Crypto currency  KSS ประเมินหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง และเป็นประธานาธิบดีมีโอกาสที่จะดำเนินนโยบาย ทำให้ Bitcoin ได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้นมองเป็นบวกต่อ ราคา Bitcoin ในระยะกลาง- ยาว  มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่ธุรกิจเชื่อมโยง Bitcoin อาทิ BTC, TTA

•(*/+) Taiwan Export : ไต้หวันรายงานยอดส่งออกเดือน มิ.ย. ขยายตัว 3.1%yoy แต่ชะลอตัวจากที่ขยายตัว 7%yoy ในเดือน พ.ค. และต่ำกว่าที่ Consensus คาดว่าจะขยายตัว 12.5%yoy เป็นผลจากการเติบโตในอัตราที่ลดลงของหลายกลุ่มสินค้า รวมถึงกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัว 6.3%yoy ลดลงจากเดือน พ.ค.ที่ขยายตัว 9.2%yoy มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นส่งออกชิ้นส่วนอิเช็กทรอนิกส์ไทยทึีมีโอกาสไทยทึีมีโอกาสส่งออกเพิ่มตามทั้ง HANA, DELTA, KCE เน้น HANA

• (*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐแนวโน้มระยะสั้นเป็นขาขึ้นอิง  อายุ 2 ปี เร่งขึ้นปรับขึ้น 3 วันติดรวม  +4 bps ที่ 4.5% และอายุ 10 ปี ปรับขึ้น3 วันติด +10 bps ปิด 4.26% ส่วน Dollar Index ระยะสั้นแกว่งตัว 104. จุด

•(*-) Oil : ราคาน้ำมันดิบปรับลงและปิดต่ำสุดรอบ 1 เดือน น้ำมันดิบ Brent -0.28%d-d ปิดที่ US$ 82.4/barrel  น้ำมันดิบ West Texas  -0.31%d-d ปิดที่ US$ 78.4/barrel ความหวังหยุดยิงในกาซา จากการให้สัมภาษณ์นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐกล่าวว่า การหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสนั้นใกล้จะเป็นจริงแล้ว ผสานกับศาลสูงสุดของสหประชาชาติระบุว่า การยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ของอิสราเอลและการตั้งถิ่นฐานในพื้นที่นั้นเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและควรถอนกำลังโดยเร็วที่สุดหนุนความหวังเกี่ยวกับการยุติความขัดแย้ง KSS มองเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ PTT, PTTEP

 

What happened in Thailand ?

•  (*) SET: วานนี้ SET ปรับตัวลดลง -7.6 จุดปิดที่ 1317.14 จุด เป็นการปรับลดลงช่วงบ่ายทั้งจิตวิทยาลบ Futures สหรัฐฯปรับลงเร่งจากผลกระทบระบบขัดข้องกรณี Crowdstrike และการลดความเสี่ยงก่อนวันหยุดยาว กลุ่มหนุน คือ กลุ่มก่อสร้าง (SCC) มองเป็นหุ้น Big Cap ที่มีน้ำหนักใน SETESG สูง หนุนมีภาพเก็งกำไรก่อน ครม. พิจารณากองทุน ThaiESG เกณฑ์ใหม่สัปดาห์หน้า กลุ่มสื่อสาร (TRUE) มองเก็งคาดรายงานกำไร 2Q24F ดี กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มพลังงาน (PTTEP, PTT, GPSC) ตามราคาน้ำมันที่ซึมลงหลังรีบาวน์วานนี้ ส่วน GPSC เรื่องของ รัฐบาลจะคงค่าไฟฟ้า ก.ย. - ธ.ค. 24ตามอัตราเดิมที่ 4.18 บาท (vs ความคาดหวังก่อนหน้าที่คาดปรับขึ้น) กลุ่มธนาคาร (BBL) ตอบรับคุณภาพสินทรัพย์ที่ดูอ่อนแอลง

• (*) Flow : เงินทุนต่างประเทศไหลออก ซื้อหุ้น +7.7 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -72.3 ล้านเหรียญฯ TFEX Net Short -21,071 สัญญา เงินบาทอ่อนค่าสู่ 36.3 +/- บาท

• (*/-) Utilities : รมว.พลังงาน เผยถกประธาน กกพ.-ผู้ว่า กฟผ.-ปตท.ได้ข้อสรุปตรึงค่าไฟงวดใหม่ 4.18 บาท แม้ความชัดเจนที่มาจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่กลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีฐานลูกค้าอุตสาหกรรมสูง อาทิ GPSC BGRIM (รายได้ค่าไฟฟ้าเก็บตามที่รัฐฯกำหนด) ปรับลงมาสะท้อนความกังวลไปแล้ว ทั้งนี้ ระยะสั้น หุ้นโรงไฟฟ้าเน้น GULF ที่มีฐานลูกค้าดังกล่าวน้อยสุด ขณะที่ตลาดให้น้ำหนักกับภาพระยะกลาง-ยาว ที่กำลังขึ้นสู่การเป็นผู้นำ Infrastructure Tech นอกจากนี้ กลุ่มที่ได้ประโยชน์ค่าไฟฟ้าไม่ปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก (ค่าไฟ 2-3% ของรายได้) เน้น CPALL, CPAXT กลุ่มเครื่องดื่ม OSP (ค่าไฟในโรงงาน) กลุ่มสื่อสาร ADVANC, TRUE (ค่าไฟสถานีฐาน)

• (+) ThaiESG : ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าเตรียมนำเรื่องกองทุน ThaiESG เกณฑ์ใหม่ เข้าเสนอที่ประชุม ครม. สัปดาห์หน้า ขณะที่กลไก ตลาดพิจารณาหลักเกณฑ์คัดเลือกหุ้นเข้าดัชนี ThaiESG ใหม่ ภายใน ก.ค. นี้ เรามองน่าจะเป็นกระบวนการทำควบคู่กันหรือปรับปรุงภายหลัง ความคืบหน้าดังกล่าว เรามองบวกต่อ SET ที่ KSS คาดจะเม็ดเงินใหม่เข้ามาเดือนละ 5-6 พันล้านบาท ทั้งนี้ จากผลการศึกษากรณีเม็ดเงิน LTF ในอดีต พบว่า ในรอบวงจรเศรษฐกิจคล้ายปัจจุบันปี 2012-13 ทุกๆ เม็ดเงิน LTF ที่ 1.0 หมื่นล้านบาทจะบวกต่อดัชนีราว 20-25 จุด ขณะที่ในส่วนหุ้นคาดมีแรงเก็งกำไรไปกับประเด็นดังกล่าว เราประเมินเป็นหุ้นที่มีน้ำหนักในดัชนี SETESG สูง > 1% ผสานกลุ่มที่มีพื้นฐานน่าสนใจในปัจจุบัน อาทิ  ADVANC(น้ำหนักใน SETESG 5.2%) CPALL (5.1%) AOT(5.0%) GULF(5.0%) CPN (2.6%) INTUCH (2.45%) CPF(2.1%) CRC(1.96%) MINT(1.7%) BEM(1.09%)

• (*/-) MSCI Rebalance : ดัชนี MSCI มีกำหนดการประกาศผลการ Rebalance รอบใหม่วันที่ 12 ส.ค. (ไทยทราบผลเช้า 13 ส.ค.) โดยการ Rebalance จะมีผล 30 ส.ค. เบื้องต้นเราคาดหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงหลุดออกจากดัชนี ได้แก่ AWC GPSC EA เสี่ยงระดับกลาง คือ IVL เสี่ยงต่ำ คือ KTC ระยะสั้นมีโอกาสหุ้นชุดดังกล่าวจะมีโอกาสเคลื่อนไหว Underperform เชิงกลยุทธ์ให้เลี่ยงลงทุนไปก่อน

• (*) Bank 2Q24 Result : หุ้นในกลุ่มธนาคารรายงานกำไรงวด 2Q24 แล้วทั้งหมด ใน 7 ธนาคารที่เรา Cover พบว่ามีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 5.3 หมื่นล้านบาท +2.7%y-y -2.5%q-q ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด ขณะที่ดีกว่าที่เราคาด ทั้งนี้ ประเด็นที่นักวิเคราะห์พื้นฐาน KSS กังวล คือ NPL Ratio ของอุตสาหกรรมที่ขยับขึ้นสู่ 3.68% จาก 3.61% ในงวด 1Q24 หุ้นที่เรายังแนะนำลงทุนต่อในทางพื้นฐาน คือ KTB, KBANK

• (*/+) Short Sales: หลังจากมาตรการ Uptick Rule ตั้งแต่ 1 ก.ค. วานนี้ในส่วนจำนวนหุ้นที่มียอด Short คงค้างอยู่ที่ 399 บริษัท (vs วันทำการล่าสุด 400 บริษัท) แม้พบว่าส่วนใหญ่ยอด Short เท่าเดิม +สัดส่วนกลุ่มถูก Short ลดลง มีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้ โดยหุ้นที่ Short เท่าเดิมอยู่ที่ 253 บริษัท (วันทำการล่าสุด 247 บริษัท) กลุ่มที่ลดลงจากวันทำการก่อนหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 82 บริษัท (วันทำการล่าสุด 56 บริษัท) ส่วนหุ้นที่ Short เพิ่มขึ้นมี 64 บริษัท (วันทำการล่าสุด 97 บริษัท) มองจิตวิทยาบวกต่อ SET

• (*) To Monitor:  สัปดาห์นี้ติดตาม 1.) 23 ก.ค. ครม.พิจารณา แนวทางช่วยเหลือค่าไฟฟ้ารอบ ก.ย. - ธ.ค. และ กองทุน ThaiESG เกณฑ์ใหม่  2.) 24 ก.ค. ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดีคุณสมบัตินายก คาดมีโอกาสกำหนดวันวินิจฉัยคล้ายคดียุบพรรคก้าวไกล (7 ส.ค.) 3.) 24 ก.ค. ข้อสรุปนโยบาย Digital Wallet จากคณะกรรมาการนโยบายชุดใหญ่ 4.) 24 ก.ค. ศาลปกครองสูงสุดนัดอ่านคำพิพากษาคดี BTSC ฟ้อง กทม. เกี่ยวับการชำระเงินค่าเดินรถและซ่อมบำรุงส่วนต่อขยายสายสีเขียว 5.) 23-26 ส.ค. ติดตามรายงานยอดนำเข้า - ส่งออก มิ.ย. 24 ตลาดคาดส่งออก 2.0%y-y vs prev. 7.2%y-y ยอดนำเข้า ตลาดคาด 3.0%y-y vs prev. 1.7%y-y 6.) รายงานกำไร Real Sector  ที่มีกำหนดรายงานสัปดาห์นี้ อาทิ SCGP, SCC, GLOBAL, DELTA และ 7.) การทยอย Preview กำไรงวด 2Q24F กลุ่ม Real Sector จะออกมาเพิ่มขึ้น มองกลุ่มกำไรเด่น y-y, q-q อาทิ สื่อสาร (ADVANC, TRUE) ค้าปลีก (CPALL, CPAXT) เครื่องดื่ม (ICHI, OSP, SAPPE) ชิ้นส่วน (KCE) เกษตร (GFPT, CPF) ท่องเที่ยว (MINT) โรงไฟฟ้า (CKP, GULF, GPSC) ความงาม (MASTER, KLINIQ)

 

 

Daily Strategy :  AOT, KCE, OSP เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "ฟื้นตัว" หุ้นสหรัฐฟื้นตัวได้ จากแรงหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่การเปลี่ยนแปลงตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งสหรัฐฯ เราทั้ง 2 องค์ประกอบหนุนภาพต่างประเทศเป็นกลาง-บวกอ่อนๆต่อ Asia ส่วนภายใน กำไรกลุ่มธนาคารที่รายงานครบแล้วเป็นไปตามคาด จากนี้ตลาดน่าจะติดตามกำไรกลุ่ม Real Sector ขณะที่ระยะสั้นภายในมีข้อดี คือ วันนี้ติดตามการอนุมัติกองทุน ThaiESG เกณฑ์ใหม่ของ ครม.  มองหุ้นนำ 1) หุ้นที่มีน้ำหนัก ThaiESG ที่มีพื้นฐานดี(GULF, AOT, CPALL, MINT, และกลุ่ม ICT) 2) หุ้นวงจรดอกเบี้ยขาลง อาทิ ชิ้นส่วน 3) กลุ่มที่คาดกำไร 2Q24 เด่น

 

    หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด + เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหนุนอุตสาหกรรมทยอยเข้าสู่ Upgrade Cycle (HANA,  KCE)
    กลุ่มภาคผลิตไทย PMI ภาคผลิตไทยอยู่ในระดับขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือนหนุน (GFPT, TU, CBG, OSP, ICHI, SAPPE IVL, STA, NER)
    หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการท่องเที่ยวชุดใหญ่ของรัฐฯ หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, ICHI, AOT, MINT, ERW)
    กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC,  CPALL, TRUE, MINT, WARRIX, MTC, MOSHI, KLINIQ)
    กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, GULF, WHA)

 

• JULY24 Best Picks: TRUE, CPAXT, GULF, KCE, WHA, MINT, OSP

• 3Q24Stock Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

Tactical & Investment Idea
 • Strategy Update : US Election (The first debate)

Debate รอบแรก Biden และ Trump ประเด็นที่หยิบยกขึ้นมา คือ ประเด็นการทำแท้ง, ผู้อพยพต่างชาติและผู้ก่อการร้าย และชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก US-Mexico Broader  ฯลฯ ทั้งนี้ ประเด็นทางเศรษฐกิจสำคัญไม่ได้ลงรายละเอียดมาก Trump พูดเน้นเดินหน้าไปที่การลดการขาดดุลค้าและเน้นการขึ้นภาษีกับประเทศอื่นๆ ฯลฯ  Biden เน้นประเด็นการขึ้นภาษีผู้ที่มีรายได้สูงและมหาเศรษฐี   

กลยุทธ์ KSS ประเมินแนวโนบายคล้ายกับในอดีตยังไม่มีประเด็นใหม่ และยังเหลือระยะเวลาพอสมควรก่อนการ Debate รอบถัดไป 10 ก.ย. 24 รายละเอียดนโยบายต่างๆหรือนโยบายสร้างจุดเปลี่ยนจึงยังสามารถเกิดขึ้นได้เพิ่มเติม ทำให้ยังมีความไม่แน่นอนจากประเด็นการเลือกตั้งใหญ่สหรัฐฯ กอปรกับ เศรษฐกิจสหรัฐฯที่เริ่มอ่อนลง และ Valuation สหรัฐฯที่ตึงตัว ประเมินงวด 3Q24 ก่อนเลือกตั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯมีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบรอความชัดเจน

ส่วนกระแสเชิงบวกต่อหุ้นต่างๆ เราคาดตลาดให้น้ำหนัก ดังนี้ การเดินหน้าสงครามการค้าและเทคโนโลยีกับจีน ทำให้ยังคงมุมมองบวกกระแสในประเด็นดังกล่าวก่อนการเลือกตั้ง จะหนุนตลาดเก็งหุ้นกลุ่มนิคมในระยะกลาง – ยาว เน้น WHA กลุ่มส่งออกชิ้นส่วน เน้น KCE, HANA อาหาร เน้น CPF, GFPT  ทั้งนี้ หาก Trump ชนะการเลือกตั้งมองหุ้นที่ได้ผลประโยชน์บวกจากเศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้น อาทิ จากมาตรการลด Corporate Tax บวกต่อ IVL PTTGC ระยะสั้นก่อนจะเห็นภาพว่าผู้สมัครจะมีโอกาสชนะเลือกตั้งสูง ยังให้เน้นกลุ่มที่เกาะกระแสนโยบายทั้งสองฝ่ายในส่วนสงครามการค้าและเทคโนโลยี เน้น WHA, KCE, HANA, CPF, GFPT

• Strategy Update : ThaiESG 2024 ต่อ SET Index

รัฐบาลมีแผนปรับเงื่อนไขสิทธิประโยชน์จากกองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG ใหม่ โดยปรับเงื่อนไขให้สิทธิซื้อเพิ่มลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้นทั้งเม็ดเงิน และสัดส่วนเทียบกับฐานรายได้ ผสาน ระยะเวลาลงทุนสั้นลง KSS คาดว่าฐานเม็ดเงินที่เข้าสู่กองทุน ThaiESG รอบนี้ จะสูงราว 7.8 หมื่นล้านบาทต่อปี ขณะที่ SET ณ ปัจจุบัน ยังอยู่ใน Value Zone น่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนเชิงบวกตลาดหุ้นไทยนับจากนี้.

เชิงกลยุทธ์ : โดยรวม KSS ประเมินเป็น "บวก" ต่อตลาดหุ้นไทยคล้ายสมัยมาตรการลดหย่อนภาษีผ่านกองทุน LTF ในอดีต เนื่องจากเป็นการเสริมสภาพคล่องของเงินลงทุนระยะยาวในประเทศให้กลับมาแข็งแรงขึ้น กลยุทธ์แนะลงทุนในหุ้นใน SETESG ที่มีคุณสมบัติราคาลงแรงกว่า SET -6.6%YTD ได้แก่ BTS SCC, CRC, IVL, PTTGC, CPN, BBL, HMPRO และกลุ่มที่มีน้ำหนัก (Weight) ใน ESG สูง ได้แก่ GULF AOT, MTC, CPALL, GPSC

• Strategy Update : Time to Invest

ทีมกลยุทธ์ออกรายงาน Strategy Update "Time to invest" มอง SET Index โซนปัจจุบันให้ Current ERP ที่ 3.6% เป็นโซนลงทุน และมองใกล้ระดับจุดกลับตัว มองหุ้นน่าลงทุน 1) กลุ่มให้ Dividend สูง 2) กลุ่มที่ Underperform และมีส่วนลดทางพื้นฐานสูง

Key Ideas:

•         SET Index ในปี 2024 ยัง "Underperform" ตลาดหุ้นโลกต่อเนื่องจากปี 2023 โดย YTD ปรับตัวลดลง -8.6% โดยการปรับตัวลดลงเร่งขึ้นในระยะหลังจากปัญหาความไม่ชัดเจนการเมือง

•          อิงกลไก Equity Risk Premium (ERP) คือ ส่วนต่างผลตอบแทนระหว่าง Earnings Yield และ Bond Yield อิงระดับ Current EPS ปัจจุบันที่ราว 83 บาทต่อหุ้น และ Forward EPS ที่ 92 บาท ที่ระดับ Index โซน 1350-1300 จุด ถือเป็นจุดน่าสนใจสำหรับการวางสถานะลงทุนระยะกลาง-ยาว อิงระดับดัชนีปัจจุบัน Current และ Forward ERP นั้นสูงในระดับ 3.6%-4.22% สูงกว่า Avg 3.09% ขณะที่หาก Current ERP สูงเกินกว่าระดับ + 1 S.D. (4.09%) vs ปัจจุบันอยู่ที่ 3.6%  ใกล้ระดับ +1 S.D. ที่เป็นจุดกลับตัวของตลาด

 

•          จากการศึกษา Back test ย้อนหลัง 20 ปี พบว่า Current ERP แตะระดับดังกล่าว 7 ครั้งในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา พบว่า SET จะกลับมาให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ยทุกครั้งในระยะกลาง กล่าวคือ จากนั้น 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน และ 1 ปี SET ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 0.7%, 4.4% 9.9% และ 20.6% ด้วยความน่าจะเป็น 57%, 43%, 72% และ 86%  ตามลำดับ

•          มุมมองเม็ดเงินลงทุนระยะสั้นนักลงทุนต่างชาติ รอบล่าสุดที่เข้ามาคือ เริ่มตั้งแต่ช่วง เม.ย. 21 ซึ่งซื้อสะสมรวมถึงจุดสูงสุดช่วงราว มี.ค. 23 ด้วยเม็ดเงินรวม 2.85 แสนล้านบาท ขณะที่หลังจากนั้นเป็นการขายต่อเนื่องถึงปัจจุบัน นับถึงวานนี้ พบว่า เม็ดเงินดังกล่าวไหลออกจาก SET ไปกว่า 3แสนล้านบาทแล้ว บ่งชี้แรงขาย ของนักลงทุนต่างชาติจากจุดนี้น่าจะลดลงเป็นลำดับ

•          มาตรการ Uptick ใกล้มีผล เดือน กค 2024 น่าจะลดความผันผวนฝั่ง "Short Sell" ได้บ้าง

กลยุทธ์    คำแนะนำสำหรับผู้ลงทุนระยะกลาง-ยาว ทยอยสะสมหุ้นในจุดที่มี Margin of Safety สูง ใน 2 Theme เด่น

1.)        Dividend Plays ที่ธุรกิจมีความมั่นคง ให้ผลตอบแทน Div. Yield มากกว่าปีละ 4% (vs Policy Rate 2.5%) ได้แก่ SCB AP ICHI PTT BBL INTUCH ADVANC HMPRO BJC WHA TU

2.)        หุ้นในกลุ่มที่ Underperform กว่าตลาด (SET YTD ปรับตัวลดลง -8.6%) แต่พื้นฐานระยะกลาง-ยาวยังแข็งแกร่ง Valuation มีส่วนลด PBV24F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย >20% ได้แก่ BTS IVL LH HMPRO KCE PTTGC GPSC HANA GULF

Research Highlight
• BBIK(Buy, TP40): With the expectation that BBIK's earnings in 2Q24 to decrease significantly to Bt46m (-30% yoy, -31% qoq), we cut its earnings forecast in 2024 by 12% to Bt298m (+7% yoy). However, We believe the decrease on its share price already reflect the weak 2Q24's earnings, while we have a positive view on the recovery momentum during 2H24. Maintain BUY with the new TP of Bt40.

• Bank(Bearish) : ธนาคารที่ศึกษารายงานกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 5.35 หมื่นลบ. กำไรเพิ่มขึ้น +3% y-y เพราะการเพิ่มขึ้นของ yield on loan ขณะที่กำไรลดลง -3% q-q เพราะการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) จากคุณภาพลูกหนี้อ่อนแอลง ทำให้ธนาคารส่วนใหญ่ตั้งสำรองเพิ่ม สำหรับสินเชื่อรวมลดลง -0.7% q-q กดดันจากทุกกลุ่มสินเชื่อ ธนาคารที่รายงานกำไรสุทธิ 2Q24 เติบโต y-y และ q-q  คือ BBL  KTB และ TTB สำหรับธนาคารรายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น   y-y ลดลง q-q คือ KBANK และ TISCO ส่วนธนาคารรายงานกำไรสุทธิลดลง     y-y และ q-q คือ SCB และ KKP ภาพรวมกลุ่มมีความเสี่ยงเรื่องคุณภาพสินทรัพย์มากขึ้น เรามองว่าปัญหาข้างต้นจะลากยาวไปถึง 1H25F  ดังนั้นปรับคำแนะน้ำหนักการลงทุนเป็น BEARISH และปรับ KBANK ขึ้นเป็น Top Pick คู่กับ KTB

• KTB (Buy, TP22) :เรามีมุมมอง Slightly Positive ต่อกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 1.12 หมื่นลบ. ดีกว่าเราคาด จากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) น้อยกว่าคาด แต่ใกล้ตลาดคาด กำไรเพิ่ม +10% y-y และ+1% q-q จากการเพิ่มขึ้นของ yield on loan และรายได้ค่าธรรมเนียม รวมถึงการลดลงของค่าใช้จ่ายด้อยค่า NPA สำหรับสินเชื่อหดตัว-2.2% q-q คิดเป็น -0.6% YTD จากสินเชื่อธุรกิจ และ SME  ด้าน NPL Ratio อยู่ที่ 3.12% ลงจาก 1Q24  ที่ 3.14% ทั้งนี้งบ2Q24F ออกมาดีกว่าคาด ทำให้เราปรับกำไรสุทธิ 2024-26F ขึ้นปีละ +(7-11)% และปรับใช้ TP25F ที่ 22 บ. เราชอบ KTB และคงเป็น Top Pick ของกลุ่มธนาคารคู่กับ KBANK (BUY, TP 155 บ.) เพราะ i) ไม่มีปัญหาด้านคุณภาพสินทรัพย์ ii) กำไรสุทธิปี 2024-25F คาดเติบโตเด่นสุดในกลุ่ม +19%y-y และ +8%y-y iii) คาดได้ผลบวกจากงบประมาณภาครัฐใน 2H24F

• KBANK (Buy, TP150): เรามีมุมมอง Neutral ต่อการประชุมนักวิเคราะห์ เพราะข้อมูลส่วนใหญ่ไม่ได้ต่างจากที่เราคาดก่อนหน้า ทั้งนี้เราปรับกำไรสุทธิ 2024-26F เพิ่มปีละ +(8-11)% จากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII)และค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) และปรับใช้ TP25F ที่ 155 บ.  รวมถึงเราปรับ KBANK ขึ้นเป็น Top Pick กลุ่มธนาคารคู่กับ KTB (BUY, TP 22 บ.) เพราะเราเห็นพัฒนาการการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ของ KBANK ในทางบวก ดังนั้นคาดมีโอกาสเห็นค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) กลับสู่ระดับปกติในปี 2025F และกำไรสุทธิ 2024-25F คาดเติบโตเด่น +17% y-y และ +7% y-y เป็นอันดับสองรองของกลุ่ม

 3Q24F Equity Outlook :       The strong get stronger, the weak get less weak

·        Stock Best Picks :      CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA

·        Mid-Small Cap Play :    CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

Fundamental & Tactical Daily Top Picks :

AOT  (TP24F-68)  S: 57.25/56  R: 60.25/61.75 (Stop Loss: <55.5)
        

 

    Theme:           ThaiESG Plays
    Earnings outlook:         แนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q24F ของ AOT ที่ 4.7 พันลบ. เติบโตเด่น +48% y-y ต่อเนื่องตามการฟื้นของอุตฯ การบิน แต่ลดลง -20% q-q ตามฤดูกาล และคาดกำไรสุทธิ 4Q24F ทรงตัว q-q เนื่องจากยังเป็นช่วง Low season แต่โตเด่น +30-40% y-y ต่อเนื่อง เรายังคาดกำไรสุทธิปี FY24F ที่ 1.9 หมื่นลบ. โต +120% y-y
    Valuation:   :   ซื้อขาย PER25F ราว 33.9 เท่า
    Catalyst:   :   เป็นหุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงราว 5.2% หนุนมีจิตวิทยาทางบวกจากความคืบหน้าที่ ครม. จะพิจารณาอนุมัติกองทุน ThaiESG เกณฑ์ใหม่วันนี้ ผสาน พื้นฐานท่องเที่ยวไทยแข็งแกร่ง สัญญาณภาคท่องเที่ยวไทยเป็นบวก ยอดนักท่องเที่ยว ก.ค. 24 ใกล้เคียงช่วงฤดูกาลต้นปี 2024

    

 

 

KCE (TP24F-52)  S: 44/43.25 R: 47/47.75 (Stop Loss: <42.5)
    

 

    Theme:               Earnings Plays
    Earnings outlook:                              เราคาดกำไรปกติ 2Q24F ทา 524 ล้านบาท +63%y-y, +24%q-q หนุนจากประสิทธิภาพกำไรดีขึ้น และเงินบาทที่แกว่งอ่อนค่า ทั้งนี้ หากรวมรายการพิเศษคาดในส่วนกำไร FX และกำไรจากการขายสินทรัพย์ มองกำไรสุทธิสูง 627 ล้านบาท
    Valuation:   :    ซื้อขาย PER24F ปี 2024/25F ที่ 26.8 เท่า
    Catalyst:   :    มองจิตวิทยาบวกหุ้น Technology สหรัฐฯกลับมาฟื้นตัวนำตลาด ขณะที่ KCE ในทางพื้นฐานถือเป็นหุ้นที่กำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวเร็วที่สุดในกลุ่ม

    

 

OSP (TP24F-26): S: 24.3/23.7 R: 25.75/26 (Stop Loss: <23.3)
    

 

    Theme:                 Earnings  Plays
    Earnings outlook:         ยอดขายในเครื่องดืมชูกำลังเติบโต qoq ใน 2Q24 ซึ่ง imply ว่ามีมาร์เก็ตแชร์มากขึ้น และยอดขายในกลุ่ม functional drink อีกทั้ง personal care เติบโตต่อเนื่อง qoq
    Valuation:   :  ซื้อขาย PER24F ราว 29.6 เท่า
    Catalyst: :  คาดกำไร 2Q24F เด่นตามกลุ่ม ขณะที่ราคาน้ำตาลเช้าวันนี้ -2% ทำให้ MTD -9.9% เป็นบวกต่อแนวโน้มมาร์จิ้นและต้นทุน นอกจากนี้ ยังไม่รวมถึง จิตวิทยาบวกด้านต้นทุน นอกจากนี้ กรณี รมว. พลังงาน มีแนวทางคงค่าไฟ 4.18 บาทในรอบ ก.ย. - ธ.ค. มองบวกต่อแนวโน้มต้นทุนโรงงานและกำลังซื้อ


Koraphat Vorachet,AISA: Analyst Registration (No.043100)
Fundamental Investment Analyst on Capital Market and Technical
Koraphat.vorachet@krungsrisecurities.com 0-2081-2771
Artit Jansawang, AISA : Analyst Registration (No.016475)
Fundamental Investment Analyst on Securities
Artit.jansawang@krungsrisecurities.com
Suwat Wattanapornprom,AISA: Analyst Registration (No.044015)
Fundamental Investment Analyst on Securities
Suwat. Wattanapornprom @krungsrisecurities.com 02-081-2871
Takit Chardcherdsak,AISA: Analyst Registration (No.087636)
Fundamental Investment Analyst on Capital Market and Technical
Takit.Chardcherdsak@krungsrisecurities.com 02-081-2873
Thian Kanokpongsak
Assistant Analyst

 

ณภัค ภัทรสุปรีดิ์

: เรียบเรียง โทร : 02-276-5976 อีเมล์ : reporter@hooninside.com ที่มา : สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

วันขาย By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ขายเมื่อมีข่าวดี วันนี้ วันขาย ท่ามตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้น ตอบรับข่าวดี สหรัฐกับจีน ....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้