สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(19 กรกฎาคม 2567)----------บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) BCP เปิดเผยว่า ใน Q2/2567 ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงในเดือนเม.ย. จากความชัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง และความชัดแย้งระหว่างรัสเซีย - ยูเครน มีแนวโน้มตึงเครียดมากขึ้น ภายหลังเหตุการณ์ที่ยูเครนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันและโครงสร้างพื้นฐานในรัสเชียอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงสนับสนุนจากการที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบ(OPEC+) มีแนวโน้มขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิตไปถึง Q3/2567 อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซล - ดูไบ (GO-DB) และส่วนต่างราคาน้ำมันเจ็ท (เคโรชีน) - ดูไบ (KDB) ปรับลดลงเมื่อเทียบกับ Q1/2567 โดยมีปัจจัยกดดันมาจากความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวลงจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกอบกับปริมาณสำรองผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นขั้นกลาง (Middle Dstilate Products) คงคลังของสิงคโปร์ที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากความไม่คุ้มค่าในการส่งออกน้ำมันดีเซลไปยังตะวันตกจากส่วนต่างราคาที่ปรับลดลง ส่งผลให้มีอุปทานคงค้างในตลาดเอเชียเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน 95 - ดูไบ (UNL95-DB) ปรับลดลงไปในทิศทางเดียวกัน จากการกลับมาดำเนินการของโรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งภายหลังการเสร็จสิ้นการซ่อมบำรุง ท่ามกลางความต้องการใช้น้ำมันเบนชินในภูมิภาคที่อ่อนแอ โดยใน 02/2567 โรงกลั่นพระโขนง มีการปิดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นตามวาระ(Turnaround Maintenance) เป็นระยะเวลา 27 วัน ระหว่าง 7 พ.ค.2567-2 มิ.ย.2567 ทำให้กำลังการผลิตเฉลี่ยปรับลดลงจากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 76.2 พันบาร์เรลต่อวัน และมีอัตรากำลังการผลิตที่ 63% ขณะที่โรงกลั่นศรีราชาชามารถกลั่นได้สูงสุดเป็นสถิติใหม่ยู่ยู่ที่ที่154.2 พันบาร์เรลต่อวัน และมีอัตรากำลังการผลิตสูงถึงถึง 89% ซึ่งสามารถชดเชยกำลังการผลิตที่ลดลงของโรงกลั่นพระโขนงในช่วงปิดซ่อมบำรุงได้บางส่วน โดยใน Q2/2567 กลุ่มบางจากมีกำลังการผลิตเฉลี่ยที่ 230.4 พันบาร์เรลต่อวัน ด้วยอัตรากำลังการผลิตที่ 78%
ใน Q2/2567 ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันรวมของกลุ่มบางจากปรับลดลง โดยมีสาเหตุหลักมาจากความต้องการใช้น้ำมันที่อ่อนตัวลงจากการเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูฝน ขณะที่ปริมาณจำหน่ายน้ำมันผ่านตลาดอุตสาหกรรมที่ปรับลดลง โดยหลักมามาจากการจำหน่ายน้ำมันเครื่องบินอ่อนตัวลงตามปัจจัยด้านฤดูกาล
กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด ใน Q2/2567 มีการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยหลักมาจากปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในประเทศ สปป. ลาว ตามปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้น และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น จากความเข้มแสงที่เพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล
บริษัทฯ รับรู้บริมาณการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าชธธธรรมชาติในประเทศสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น โดยหลักมาจากโรงไฟฟ้า CamollCounty Energy (CCE) ซึ่งมีกำลังการผลิตตามสัดส่วน 341 เมกะวัตต์ ได้กลับมาดำเนินการตามปกติ ภายหลังจากการปิดซ่อมบำรุงใน Q1/2567
นอกจากนี้ ใน Q2/2567 ธุรกิจคลังน้ำมันและท่าเทียบเรือ มีบริมาณการใช้ถังเก็บน้ำมันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ Q1/2567 ขณะที่มีปริมาณการใช้ท่อลดลงจากการใช้บริการขนถ่ายน้ำมันของลูกค้าที่ลดลง
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จำหน่ายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นที่มีอยู่ทั้งหมด 9 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตตามสัญญารวม 89.7 เมกะวัตต์แล้วเสร็จ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567
กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ใน Q2/2567 มีปริมาณการจำหน่ายผลิตภัตภัณฑ์เอทานอลปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามแผนบริหารการขายของบริษัท ในขณะที่มีปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์โบโอดีเซล (B100) ปรับตัวลดลงเล็กน้อย ตามความต้องการในการบริโภคที่อ่อนตัวลงในช่วงวันหยุดยาว สำหรับราคาเฉลี่ยโบโอดีเซลและเอทานอลอ้างอิงไตรมาสนี้อ่อนตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากผลผลิตปาล์มน้ำมันออกมาสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง และปริมาณสต๊อกเอทานอลของประเทศอยู่ในระดับสูง ตามลำดับ
กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ ใน Q2/2567 มีปริมาณการผลิตและปริมาณการจำหน่ายรวมลดลงจากไตรมาสก่อน โดยหลักมาจากปริมาณการจำหน่ายน้อยกว่าว่ากำลังผลิตตามสัญญา (Underlift) ประกอบกับการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของแหล่งผลิต Statford Aเป็นระยะเวลา 60 วัน อย่างไรก็ตาม ราคาเฉลี่ยก๊าซธรรมชาติปรับเพิ่มขึ้นจากสัญญาซื้อขายที่มีกำหนตราคราค่าล่วงหน้าไว้บางส่วนและปรับเพิ่มตามตลาดโลก จากสถานการณ์อุปทานตึงตัวอันเนื่องมาจากแหล่งผลิตก๊าชธรรมชาติขนาดใหญ่ในประเทศนอร์เวย์หยุดให้บริการเพื่อซ่อมบำรุง ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเล็กน้อย ทั้งนี้ OKEA ได้ประกาศผลการดำเนินงานของ 02/2567 แล้วโดยสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ผ่านทาง www.okea.no/investor/reports/