Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

503

 

 


"Selective Play"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways/Up" ต้าน 1328/1330 จุด รับ 1315/1310 จุด ดัชนี Dow Jones ทำ All Time High +0.59% แต่ Nasdaq -2.77% จากสัญญาณของ Biden ที่จะเข้มงวดบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี หากยังคงอนุญาตให้บริษัทจีนเข้าถึงเทคโนโลยีสหรัฐ ซึ่งถือเป็นปัจจัยลบกลุ่มเทคฯ แต่ภาพ US Bond Yield 10ปี 4.15% ที่ลดต่ำสุดใน 4 เดือน ตอบรับทิศทางเงินเฟ้อคลายตัว ทำให้การลงทุนยังเป็น Sector Rotation จากกลุ่ม Tech มายังกลุ่มหุ้นวัฏจักรเร่งขึ้น ประเด็นนี้กดดันกลุ่มชิ้นส่วนไทยระยะสั้น แต่ดัชนี SETETRON YTD ที่ปรับขึ้น +6.9% vs NASDAQ +20% ผสานอุตสาหกรรมกลางปลายเริ่มฟื้นตัว ทำให้ผลกระทบน่าจะจำกัดกว่า ขณะที่ทิศทาง Fund Flow เข้าไทยเริ่มมีสัญญาณบวก วานนี้ต่างชาติซื้อทั้งหุ้นและพันธบัตร ผสาน Net Long TFEX อีกทั้งงบประมาณส่วนเพิ่มปี 2024 ผ่านพิจารณาวาระที่ 1 เพื่อรองรับ Digital Wallet เป็นปัตตัยบวก คาดกลุ่มเด่นวันนี้ กลุ่มพลังงาน (น้ำมัน +2%) โรงไฟฟ้า (ก๊าซสหรัฐฯลงเร่ง -7%) ค้าปลีก (Digital Wallet คืบหน้า) สื่อสาร (งบ 2Q24F เด่น) กลุ่มนิคม และท่องเที่ยว วันนี้แนะ GULF, CPALL, WHA

 

 

Daily outlook: Sideways/Up" ต้าน 1328/1330 จุด รับ 1315/1310 จุด

What happened around the world ?

• (*/-) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ Dow Jones +0.59%d-dทำ All Time High (หนุนจาก Johnson & Johnson และ United Health รายงานงบ 2Q24 ดีกว่าคาด ), แต่ S&P500 -1.39%, Nasdaq -2.76% หลักๆลงจากลุ่ม Tech หลัง ประธานาธิบดีโจ ไบเดนกำลังพิจารณาบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดกับบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี หากบริษัทเหล่านี้ยังคงอนุญาตให้บริษัทจีนเข้าถึงเทคโนโลยีสหรัฐ โดยดัชนี S&P Sector กลุ่มที่ปรับขึ้นหลักคือกลุ่มConsumer Staples, Energy (ตามราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นแรง และหนุนจาก Chevron +2.2%, Exxon +1.4%) ฯลฯ Sector ที่ปรับลงหลักๆคือ IT, ICT ฯลฯ โดยหุ้นที่เคลื่อนไหวเด่น อาทิ AMD -10.2%, NVDIA -6.6%, Tesla -3.1% มองเป็นจิตวิทยาลบต่อกลุ่มอิเล็กทรอนิกสฺไทย

•(*/+) US Econ : 1.) MBA Mort gage rate 30 ปี ปรับลงอยู่ที่ 6.87% (ต่ำสุดในรอบ 2 เดือนและชะลอจากสัปดาห์ก่อนที่ 7.02%) โดยรวมสะท้อนอัตราดอกเบี้ยภาคอสังหาอ่อนตัวลง ย้ำมุมมองภาพเงินเฟ้อฝั่ง Shelterที่มีความหนืด (Sticky)สูงระยะถัดไปลดลง ย้ำภาพดอกเบี้ยสหรัฐเป็นขาลง2.)ยอดผลผลิตภาคอุตสาหกรรม มิ.ย. +0.6%m-m ดีกว่าตลาดคาด +0.3%m-m vs prev. +0.9%m-m โดยรวมย้ำภาพเศรษฐกิจสหรัฐเป็น Soft landing

•(*/+) US GDP Now : Fed Atlanta ปรับคาด GDP 2Q24 ขึ้นเป็น +2.73%q-q จาก +2.02% หลักๆมาจากปรับขึ้น ภาคการบริโภคสหรัฐ (C) + 45 bps หลังจากวันก่อนรายงาน Retail Sales ดีกว่าคาดและ และInventories 22 bps หลังจาก Industrial Production ดีกว่าคาด

• (+)EU Econ : เงินเฟ้อยุโรป(CPI) เดือน มิ.ย. ขยายตัว 2.5%y-y inline ตลาคคาด และลดลงจากเดือนก่อนที่ 2.6% ส่วน Core CPI +2.9% สูงกว่าคาดที่ 2.8% ทำให้ ECB Meeting ครั้งถัดไป 18 ก.ค. น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25% MUFG คาด ECB จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในช่วง ก.ย. 24 โดยรวมดอกเบี้ยที่เป็นขาลงมองบวกเศรษฐกิจยุโรปและบวกต่อหุ้นทีมีรายได้ในยุโรป อาทิ XO(70%ของรายได้รวม), MINT(50%) SHR(40%), IVL (22%) CRC(6%) • (+) US Tension : โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ (ตัวเต็งประธานาธิบดี) เผย ไต้หวันกวาดเอาธุรกิจชิปของสหรัฐไปเกือบ 100% ผมคิดว่าไต้หวันควรจ่ายค่าป้องกันดินแดนให้กับเรา"ไต้หวันควรจ่ายเงินให้สหรัฐเป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันดินแดน กดดันตลาดหุ้นไต้หวันเมื่อวาน – 0.95% และหุ้นกลุ่ม Semiconductor ไต้หวันอาทิ TSMC ผู้ผลิตชิป –2.37% KSS ประเมินเพียงจิตวิทยาลบระยะสั้นต่อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ไทย ยังคงมองบวกระยะกลาว - ยาว จากภาพอุตสาหกรรมที่เป็นขาขึ้นหนุนจากกระแส AI หนุน Demand ชิป เน้น KCE, HANA

• (*) To monitor : ฝั่งยุโรป 18 ก.ค. ติดตามการประชุม ECB คาดยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิม

• (*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐปรับลง อิง อายุ 2 ปี แกว่งตัว ที่ 4.44% และอายุ 10 ปี -1 bps ปิด 4.15%ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน (มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า เน้น GULF กลุ่มการเงิน MTC, กลุ่ม ICT เน้น TRUE กลุ่มหนี้สูง CPALL, CPAXT ส่วน Dollar Index ระยะสั้นแกว่งตัวอ่อนค่า 103.4 จุด

•(+) Oil : น้ำมันดิบพลิกขึ้น Brent +1.61%d-d ปิดที่ US$ 85.08/barrel น้ำมันดิบ West Texas +2.59%d-d ปิดที่ US$ 82.85/barre lแรงหนุนมาจาก EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบลดลง 4.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าตลาดคาดจะลด 9 แสนบาร์เรล ผสานกับ Dollar Index ระยะสั้นอ่อนค่า มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ PTT, PTTEP และกลุ่มโรงกลั่น TOP, SPRC

 

 

What happened in Thailand ?

• (*/-) SET: SET Index ปรับขึ้นช่วงเช้า ก่อนช่วงบ่ายปิดแกว่งลง มาปรับตัวลดลงช่วงบ่ายมาปิด -1.52 จุดที่ 1319.75 จุด โดยช่วงบ่ายแรงกดหลักมาจากจิตวิทยาลบคุณ Trump ู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเผย ไต้หวันกวาดเอาธุรกิจชิปของสหรัฐไปเกือบ 100% ผมคิดว่าไต้หวันควรจ่ายค่าป้องกันดินแดนให้กับเรา"ไต้หวันควรจ่ายเงินให้สหรัฐเป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันดินแดน กลุ่มหนุน คือ กลุ่มพลังงาน (GULF, PTT) แรงขับเคลื่อนหลัก คือ GULF จากตลาดมีมุมมองเชิงบวก หลังประกาศควบรวม INTUCH เป็นบริษัทใหม่ที่จะมีความครบวงจรด้านโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มมากขึ้น กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, INTUCH) INTUCH บนเหตุผลเดียวกับ GULF ส่วน ADVANC จะอยู่บนโครงสร้างใหม่ที่ซับซ้อนน้อยลงของ GULF+INTUCH กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มขนส่ง (AOT) จิตวิทยาลบกรณีมีนักท่องเที่ยวเวียดนาม 6 รายเสียชีวิตที่โรงแรมย่านกลางเมือง กลุ่มธนาคาร (BBL, CREDIT) BBL มอง Sell on Fact จากกรณีเป็นที่ปรึกษาการเงินดีล GULF ควบรวม INTUCH

• (*/+) Flow : เงินทุนต่างประเทศไหลเข้า ซื้อหุ้น +18.4 ล้านเหรียญฯ ซื้อพันธบัตร +216.2 ล้านเหรียญฯ TFEX Net Long 17,968 สัญญา เงินบาทแข็งค่า 35.9 +/- บาท

• (*/+) TH Tourism: ความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุนักท่องเที่ยวเวียดนาม 6 รายถูกวางยาเสียชีวิตโรงแรมดัง ราชประสงค์ ล่าสุดทางตำรวจมีข้อสรุปสาเหตุเบื้องต้นแล้ว คือ มาจากปัญหาเรื่องหนี้สิน ซึ่งถือเป็นเหตุเฉพาะตัว ทำให้เรามองจิตวิทยาลบระยะสั้นกลุ่มท่องเที่ยวจะค่อยๆคลายตัวลง และหุ้นมีโอกาสเริ่มตอบรับทางบวกต่อนักท่องเที่ยว ก.ค. 24 ที่โดดเด่น ใกล้เคียงช่วงฤดูกาล 1Q24 คงมุมมองนักท่องเที่ยวทั้งปี 2024F ไม่ต่ำกว่ากรอบ Consensus ประเมิน 35.5-36 ล้านคน เชิงกลยุทธ์เรามองบวกต่อทิศทางภาคท่องเที่ยวไทยระยะกลาง แนะนำสะสมหุ้นท่องเที่ยวที่ปรับลงจากจิตวิทยาลบไปแล้ว เน้น AOT, ERW, MINT ภาคบริการ เน้น CPALL, CPAXT

• (*/+) COVID/Influenza: กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ห่วง ป่วยไข้หวัดใหญ่-ไข้เลือดออกเพิ่มช่วงเข้าพรรษา บ่งชี้ภาพการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลกลุ่ม ร.พ. มองตลาดเริ่มมีโอกาสให้น้ำหนักกับภาพบวกดังกล่าว หลังหุ้นสะท้อนภาพลบช่วงนอกฤดูกาลไตรมาสแล้ว ทั้งนี้ ระยะสั้นยังให้เน้นฝั่ง รพ. ใหญ่ คือ BDMS (ทยอยตั้งรับ) เนื่องจาก ร.พ. ประกันสังคมยังมี Overhang เรื่องค่ารักษาจากประกันสังคม

• (*/+) TH Politic: ความคืบหน้าการเมืองภายในวานนี้ มี 2 ส่วน คือ 1.) ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล 7 ส.ค. เรามองจิตวิทยาบวกอ่อนๆ ต่อ SET เนื่องจากความชัดเจนเกิดขึ้นเร็วกว่าที่ตลาดมอง ภายใน ก.ย. 24 ตามความเห็นประธานศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ความเห็นช่วง 2-3 สัปดาห์ก่อน

• (*/+) Digital Wallet: งบประมาณส่วนเพิ่มปี 2024 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท ซี่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอเพื่อใช้ในโครงการเติมเงินหมื่นบาท ผ่านนโยบาย Digital Wallet ผ่านการพิจารณาวาระที่ 1 จาก ส.ส. แล้ว วาระที่ 2 และ 3 จะพิจารณาวันที่ 31 ก.ค. และ 1 ส.ค. ก่อนเสนอ ส.ว. พิจารณา 6 ส.ค. คาดประกาศใช้ 13 ส.ค. หากงบประมาณผ่านการพิจารณาสภา เรามอง Digital Wallet เดินหน้า จะเป็น Upside ต่อ GDP ไทย และกำไรตลาดหุ้นกลุ่ม Domestic อาทิ ค้าปลีก เครื่องดื่ม เช่าซื้อ ธนาคาร สื่อสาร มองหุ้นน่าสนใจ CPALL, CPAXT, OSP, MTC, TTB, ADVANC, TRUE

• (*/+) Short Sales: หลังจากมาตรการ Uptick Rule ตั้งแต่ 1 ก.ค. วานนี้ในส่วนจำนวนหุ้นที่มียอด Short คงค้างอยู่ที่ 403 บริษัท (vs วานนี้ 403 บริษัท) แม้พบว่าส่วนใหญ่ยอด Short เท่าเดิม +สัดส่วนกลุ่มถูก Short ลดลง มีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้ โดยหุ้นที่ Short เท่าเดิมอยู่ที่ 282 บริษัท (วานนี้ 247 บริษัท) กลุ่มที่ลดลงจากวันทำการก่อนหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 64 บริษัท (วานนี้ 98 บริษัท) ส่วนหุ้นที่ Short เพิ่มขึ้นมี 57 บริษัท (วานนี้ 58 บริษัท) มองจิตวิทยาบวกต่อ SET

• (*) To Monitor: 1.) 15-19 ก.ค. กำไรงวด 2Q24 กลุ่มธนาคาร มองบ่งชี้ทิศทางแนวโน้มกำไรตลาดช่วง 2Q24 นอกจากนี้ แนะนำติดตามแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางกลุ่มเช่าซื้อที่กำลังกังวลต่อประเด็นดังกล่าวชัดเจนขึ้น และ 2.) การทยอย Preview กำไรงวด 2Q24F กลุ่ม Real Sector จะออกมาเพิ่มขึ้น มองกลุ่มกำไรเด่น y-y, q-q อาทิ สื่อสาร (ADVANC, TRUE) ค้าปลีก (CPALL, CPAXT) เครื่องดื่ม (ICHI, OSP, SAPPE) ชิ้นส่วน (KCE) เกษตร (GFPT, CPF) ท่องเที่ยว (MINT) โรงไฟฟ้า (CKP, GULF, GPSC) ความงาม (MASTER, KLINIQ)

 

 

Daily Strategy : GULF, CPALL, WHA เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways/Up" ภาพต่างประเทศเป็นบวกอ่อนๆ ภาวะการณ์ Search for Yield ยังชัดเจน แต่เป็นลักษณะ Rotation จากกลุ่ม Tech ไปยังกลุ่มที่ยัง Laggard มองหุ้นนำ 1) หุ้นพลังงาน (น้ำมัน +2%) 2) โรงไฟฟ้า (ก๊าซสหรัฐฯลงเร่ง -7%) 3) ค้าปลีก (Digital Wallet คืบหน้า) 4) กลุ่ม Defensive อาทิ สื่อสาร (งบ 2Q24F เด่น) และ ร.พ. (ฤดูกาล) 5) กลุ่มนิคม (กระแสความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์) และ 6) ท่องเที่ยวที่คาดฟื้นจากประเด็นนักท่องเที่ยวเวียดนาม 6 คนเสียชีวิตคลี่คลายได้เร็ว

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด + เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหนุนอุตสาหกรรมทยอยเข้าสู่ Upgrade Cycle (HANA, KCE)
กลุ่มภาคผลิตไทย PMI ภาคผลิตไทยอยู่ในระดับขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือนหนุน (GFPT, TU, CBG, OSP, ICHI, SAPPE IVL, STA, NER)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการท่องเที่ยวชุดใหญ่ของรัฐฯ หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, ICHI, AOT, MINT, ERW)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, WARRIX, MTC, MOSHI, KLINIQ)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, GULF, WHA)

• JULY24 Best Picks: TRUE, CPAXT, GULF, KCE, WHA, MINT, OSP

• 3Q24Stock Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : US Election (The first debate)

Debate รอบแรก Biden และ Trump ประเด็นที่หยิบยกขึ้นมา คือ ประเด็นการทำแท้ง, ผู้อพยพต่างชาติและผู้ก่อการร้าย และชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก US-Mexico Broader ฯลฯ ทั้งนี้ ประเด็นทางเศรษฐกิจสำคัญไม่ได้ลงรายละเอียดมาก Trump พูดเน้นเดินหน้าไปที่การลดการขาดดุลค้าและเน้นการขึ้นภาษีกับประเทศอื่นๆ ฯลฯ Biden เน้นประเด็นการขึ้นภาษีผู้ที่มีรายได้สูงและมหาเศรษฐี

กลยุทธ์ KSS ประเมินแนวโนบายคล้ายกับในอดีตยังไม่มีประเด็นใหม่ และยังเหลือระยะเวลาพอสมควรก่อนการ Debate รอบถัดไป 10 ก.ย. 24 รายละเอียดนโยบายต่างๆหรือนโยบายสร้างจุดเปลี่ยนจึงยังสามารถเกิดขึ้นได้เพิ่มเติม ทำให้ยังมีความไม่แน่นอนจากประเด็นการเลือกตั้งใหญ่สหรัฐฯ กอปรกับ เศรษฐกิจสหรัฐฯที่เริ่มอ่อนลง และ Valuation สหรัฐฯที่ตึงตัว ประเมินงวด 3Q24 ก่อนเลือกตั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯมีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบรอความชัดเจน

ส่วนกระแสเชิงบวกต่อหุ้นต่างๆ เราคาดตลาดให้น้ำหนัก ดังนี้ การเดินหน้าสงครามการค้าและเทคโนโลยีกับจีน ทำให้ยังคงมุมมองบวกกระแสในประเด็นดังกล่าวก่อนการเลือกตั้ง จะหนุนตลาดเก็งหุ้นกลุ่มนิคมในระยะกลาง – ยาว เน้น WHA กลุ่มส่งออกชิ้นส่วน เน้น KCE, HANA อาหาร เน้น CPF, GFPT ทั้งนี้ หาก Trump ชนะการเลือกตั้งมองหุ้นที่ได้ผลประโยชน์บวกจากเศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้น อาทิ จากมาตรการลด Corporate Tax บวกต่อ IVL PTTGC ระยะสั้นก่อนจะเห็นภาพว่าผู้สมัครจะมีโอกาสชนะเลือกตั้งสูง ยังให้เน้นกลุ่มที่เกาะกระแสนโยบายทั้งสองฝ่ายในส่วนสงครามการค้าและเทคโนโลยี เน้น WHA, KCE, HANA, CPF, GFPT

• Strategy Update : ThaiESG 2024 ต่อ SET Index

รัฐบาลมีแผนปรับเงื่อนไขสิทธิประโยชน์จากกองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG ใหม่ โดยปรับเงื่อนไขให้สิทธิซื้อเพิ่มลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้นทั้งเม็ดเงิน และสัดส่วนเทียบกับฐานรายได้ ผสาน ระยะเวลาลงทุนสั้นลง KSS คาดว่าฐานเม็ดเงินที่เข้าสู่กองทุน ThaiESG รอบนี้ จะสูงราว 7.8 หมื่นล้านบาทต่อปี ขณะที่ SET ณ ปัจจุบัน ยังอยู่ใน Value Zone น่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนเชิงบวกตลาดหุ้นไทยนับจากนี้.

เชิงกลยุทธ์ : โดยรวม KSS ประเมินเป็น "บวก" ต่อตลาดหุ้นไทยคล้ายสมัยมาตรการลดหย่อนภาษีผ่านกองทุน LTF ในอดีต เนื่องจากเป็นการเสริมสภาพคล่องของเงินลงทุนระยะยาวในประเทศให้กลับมาแข็งแรงขึ้น กลยุทธ์แนะลงทุนในหุ้นใน SETESG ที่มีคุณสมบัติราคาลงแรงกว่า SET -6.6%YTD ได้แก่ BTS SCC, CRC, IVL, PTTGC, CPN, BBL, HMPRO และกลุ่มที่มีน้ำหนัก (Weight) ใน ESG สูง ได้แก่ GULF AOT, MTC, CPALL, GPSC

• Strategy Update : Time to Invest

ทีมกลยุทธ์ออกรายงาน Strategy Update "Time to invest" มอง SET Index โซนปัจจุบันให้ Current ERP ที่ 3.6% เป็นโซนลงทุน และมองใกล้ระดับจุดกลับตัว มองหุ้นน่าลงทุน 1) กลุ่มให้ Dividend สูง 2) กลุ่มที่ Underperform และมีส่วนลดทางพื้นฐานสูง

Key Ideas:

• SET Index ในปี 2024 ยัง "Underperform" ตลาดหุ้นโลกต่อเนื่องจากปี 2023 โดย YTD ปรับตัวลดลง -8.6% โดยการปรับตัวลดลงเร่งขึ้นในระยะหลังจากปัญหาความไม่ชัดเจนการเมือง

• อิงกลไก Equity Risk Premium (ERP) คือ ส่วนต่างผลตอบแทนระหว่าง Earnings Yield และ Bond Yield อิงระดับ Current EPS ปัจจุบันที่ราว 83 บาทต่อหุ้น และ Forward EPS ที่ 92 บาท ที่ระดับ Index โซน 1350-1300 จุด ถือเป็นจุดน่าสนใจสำหรับการวางสถานะลงทุนระยะกลาง-ยาว อิงระดับดัชนีปัจจุบัน Current และ Forward ERP นั้นสูงในระดับ 3.6%-4.22% สูงกว่า Avg 3.09% ขณะที่หาก Current ERP สูงเกินกว่าระดับ + 1 S.D. (4.09%) vs ปัจจุบันอยู่ที่ 3.6% ใกล้ระดับ +1 S.D. ที่เป็นจุดกลับตัวของตลาด

• จากการศึกษา Back test ย้อนหลัง 20 ปี พบว่า Current ERP แตะระดับดังกล่าว 7 ครั้งในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา พบว่า SET จะกลับมาให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ยทุกครั้งในระยะกลาง กล่าวคือ จากนั้น 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน และ 1 ปี SET ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 0.7%, 4.4% 9.9% และ 20.6% ด้วยความน่าจะเป็น 57%, 43%, 72% และ 86% ตามลำดับ

• มุมมองเม็ดเงินลงทุนระยะสั้นนักลงทุนต่างชาติ รอบล่าสุดที่เข้ามาคือ เริ่มตั้งแต่ช่วง เม.ย. 21 ซึ่งซื้อสะสมรวมถึงจุดสูงสุดช่วงราว มี.ค. 23 ด้วยเม็ดเงินรวม 2.85 แสนล้านบาท ขณะที่หลังจากนั้นเป็นการขายต่อเนื่องถึงปัจจุบัน นับถึงวานนี้ พบว่า เม็ดเงินดังกล่าวไหลออกจาก SET ไปกว่า 3แสนล้านบาทแล้ว บ่งชี้แรงขาย ของนักลงทุนต่างชาติจากจุดนี้น่าจะลดลงเป็นลำดับ

• มาตรการ Uptick ใกล้มีผล เดือน กค 2024 น่าจะลดความผันผวนฝั่ง "Short Sell" ได้บ้าง

กลยุทธ์ คำแนะนำสำหรับผู้ลงทุนระยะกลาง-ยาว ทยอยสะสมหุ้นในจุดที่มี Margin of Safety สูง ใน 2 Theme เด่น

1.) Dividend Plays ที่ธุรกิจมีความมั่นคง ให้ผลตอบแทน Div. Yield มากกว่าปีละ 4% (vs Policy Rate 2.5%) ได้แก่ SCB AP ICHI PTT BBL INTUCH ADVANC HMPRO BJC WHA TU

2.) หุ้นในกลุ่มที่ Underperform กว่าตลาด (SET YTD ปรับตัวลดลง -8.6%) แต่พื้นฐานระยะกลาง-ยาวยังแข็งแกร่ง Valuation มีส่วนลด PBV24F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย >20% ได้แก่ BTS IVL LH HMPRO KCE PTTGC GPSC HANA GULF

 

 

• ERW (Buy, TP6.4): We maintain our BUY rating for ERW based on: (i) Expect 2Q24F core profit growth of 10% yoy but a qoq contraction. The latter is expected to be less pronounced than historical norms, buoyed by Thailand's tourism recovery facilitating upward room rate adjustments; (ii) Expect a yoy growth in 2H24F as tourist arrivals are expected to bottom out in 2Q; and (iii) ERW's stock has recently underperformed both the SET and its sector by 4%, due to the low season concerns and overhang on lease renewal. However, we believe these concerns are already reflected in the current share price.

• SPRC (Buy, TP11): มอง slightly negative ต่อกำไรสุทธิ 2Q24F ของ SPRC ราว 116 ลบ. พลิกกำไร y-y, -97% q-q ต่ำกว่าที่เคยประเมินจาก u-rate และค่าการกลั่นที่ต่ำกว่าคาด คิดเป็น downside ราว -0.3 บาท/หุ้น โดยการพลิกกำไร y-y เพราะ ไม่มี stock loss มาฉุดเหมือน 2Q23 ที่ราคาน้ำมันดิบผันผวน ส่วนการลด q-q เพราะ ค่าการกลั่นที่ -71% q-q จาก supply ใหม่ที่เข้ามากสุดในปี ฉุด product spread คาด 3Q24F กำไรปกติกลับมาฟื้นสูง q-q ตามค่าการกลั่น และ เริ่มเปิดใช้ SPM ลดค่า ship-to-ship ทั้งนี้เราคงคำแนะนำ Buy ที่ TP24F = 11.0 มองมีปัจจัยบวก ค่าการกลั่นฟื้นเด่นกว่ากลุ่มใน 3Q24F และกำไรปีฟื้น y-y เด่นกว่ากลุ่ม

• PLANB (Buy, TP10.2): เรามอง Neutral ต่อแนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q24F ของ PLANB ที่ 255 ลบ. เติบโตแข็งแกร่งตามคาด +12% y-y และ +41% q-q ตามการฟื้นตัวของสื่อโฆษณานอกบ้านหลัง COVID-19 คลี่คลาย และมีรายได้เพิ่มจากการบริหารสิทธิ์กีฬา Olympic และคาด 2H24F กำไรเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องตามฤดูกาล และรับรู้รายได้การบริหารสิทธิ์ Olympic เพิ่ม เรายังเลือก PLANB เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่ม Media คงคำแนะนำ Buy (TP 10.20 บาท)

• SISB (Neutral, TP35): เรามอง Neutral ต่อแนวโน้ม 2Q24F คาดกำไรสุทธิ 210 ลบ. (+35%y-y -1%q-q) เติบโต y-y ตามทิศทางรายได้จากจำนวนนักเรียนและค่าเทอมเพิ่มขึ้น ส่วนกำไรสุทธิคาดลดลงเล็ก น้อย q-q เป็นไปตามภาคเรียนที่ 3 มีกิจกรรมเรียนพิเศษน้อย ทิศทาง 3Q24F คาดกำไรสุทธิเติบโตสูง y-y จากฐานต่ำ และกลับมาเติบโต q-q ตามจำนวนนักเรียนและค่าเทอมเพิ่มขึ้นจากเปิดภาคเรียนปีการศึกษาใหม่ เราคงกำไรสุทธิปี 24F (+37%y-y) เติบโตต่อเนื่องตามจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น ปรับคำแนะนำเป็น Neutral (เดิม Reduce) สำหรับ SISB (TP24F 35 บาท) จากราคาปัจจุบันซื้อขายเทียบเท่า Forward PE 2024F ที่ -1.0SD และมีกลับมามี upside 5%


3Q24F Equity Outlook : The strong get stronger, the weak get less weak

Stock Best Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA

Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ยืน 1200 จุด By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ในท้องทุ่งสีเขียว หุ้นไทยบวกยืน 1200 จุดได้อีกครั้ง ...

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้