หวังว่าแรงกดดันจะค่อยๆ ลดน้ำหนักลง
ความผันผวนของ SET INDEX วานนี้ตีความว่าน่าจะเป็นการตอบสนองต่อความกังวลกรณีของ EA ซึ่งตามธรรมชาติของตลาดหุ้นแล้ว มักจะตอบสนองกับข่าวลบในวันแรกที่รุนแรง หลังจากนั้นหากสถานการณ์ไม่ได้แย่กว่าที่คาด ก็จ่ะทำให้สถานการณ์ของตลาดหุ้นค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งเราก็เชื่อว่าผลกระทบต่อ SET INDEX วันนี้จะลดน้ำหนักลง ส่วนปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานเช้านี้ น้ำหนักค่อนไปทางบวก ในต่างประเทศความชัดเจนเรื่องการลดดอกเบี้ยนโยบายของ FED มีมากขึ้นโดยมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยในปี 2567 รวม 2 ครั้ง ส่วนในบ้านเรา ครม.เศรษฐกิจวานนี้มีแนวทางที่จะออกมาตรการแก้หนี้สินภาคครัวเรือน ไม่ว่าจะเป็นการลดการผ่อนชำระค่าใช้จ่ายบัตรเครดิตจาก ขั้นต่ำ 8% มาเป็น5% และขยายระยะเวลาการผ่อนบ้านให้นานขึ้นSET INDEX วานนี้ผันผวน แต่ราคาปิดปรับลดไม่มาก ทำให้สัญญาณทาง TECHNICAL ยังไม่เปลี่ยน วันนี้ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1320–1335 จุด หุ้น TOP PICK เลือก BEM, BDMS และ PLANB

ปัจจัยแวดล้อมต่างประเทศดูยังไม่กดดันสินทรัพย์เสี่ยง
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขยับขึ้นต่อเนื่องราว 0.3% -0.5% สะท้อนเม็ดเงินยังมีแนวโน้มไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง หลังประธาน FED แถลงล่าสุดที่ ECONOMIC CLUB OFWASHINGTON, D.C โดยค่อนข้างพอใจกับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่าคาดการณ์ พร้อมกับย้ำว่าอาจจะไม่รอให้เงินเฟ้อเข้าสู่กรอบเป้าหมาย 2% ก่อนถึงจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลให้ความมั่นใจที่จะเห็น FED ลดดอกเบี้ยในปีนี้ มีเพิ่มมากขึ้นและหาก FED เริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงิน เชื่อว่าจะช่วยหนุนให้เม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะในแถบประเทศเอเชีย มองเป็นบวกต่อการแข็งค่าของเงินบาทในระยะถัดไป

นอกจากนี้ทิศทางการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. 67 เริ่มแอนเอียงไปทางพรรคREPUBLICAN มากขึ้น หลังอดีต ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกลอบยิง โดยล่าสุดอ้างอิงจาก THE ECONOMIST ให้ความเห็นว่าพรรค REPUBLICAN ได้คะแนนความนิยม46 นำพรรค DEMOCRATIC ที่ได้ 43 คะแนนซึ่งหุ้นไทยที่คาดได้ SENTIMENT เชิงบวกจากประเด็นดังกล่าว คือ TTA PSL RCLAMATA WHA PTTEP BANPU BDMS เป็นต้น ส่วนที่คาดว่าได้ SENTIMENT เชิงลบ คือ กลุ่มส่งออก และชิ้นส่วนฯ

สรุป เงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเข้าสู่ระดับที่สามารถควบคุมได้ ทำให้ความมั่นใจที่จะเห็น FEDปรับลดดอกเบี้ยมีมากขึ้น ช่วยหนุนให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่ทิศทางการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. 67 เริ่มแอนเอียงไปทางพรรค REPUBLICANมากขึ้น

ความคืบหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมีอะไรบ้าง
วานนี้ที่ประชุมบอร์ดใหญ่โครงการ DIGITAL WALLET เห็นชอบโครงสร้างแหล่งเงินใหม่ ไม่ใช้เงินธ.ก.ส.-ไม่ลดขนาดโครงการ กล่าวคือ คาดใช้เม็ดเงิน 4.5 แสนล้านบาท(คาดคนลงทะเบียน 80%-90%) โดยใช้เงินงบประมาณปี 2567 1.22แสนล้านบาท งบบริหารจัดการ 0.43 แสนล้านบาท และงบประมาณปี 2568 2.85 แสนล้านบาท ซึ่งกระบวนการถัดไป คือ เสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) ให้อนุมัติในวันที่ 30 ก.ค.67ตามลำดับ ส่วนวันลงทะเบียนสำหรับประชาชน คือ 1 ส.ค.67

ส่วนรายการสินค้า NEGATIVE LIST(ซื้อไม่ได้) มีการเปลี่ยนแปลง โดยก่อนหน้านี้สินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์-เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์สื่อสาร ถือเป็นรายการสินค้าNEGATIVE LIST แต่ล่าสุดที่ประชุมบอร์ดใหญ่มอบให้กระทรวงพาณิชย์กำหนดประเภทสินค้า NEGATIVE LIST (เพิ่มเติม/ปรับลด) และต้องเสนอที่ประชุมอนุกรรมกำกับโครงการ DIGITAL WALLET อีกครั้งในวันถัดๆไป

ส่วนโครงการอื่นๆจะมากระตุ้น / พยุงเศรษฐกิจ คือ มาตรการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ(ซอฟต์โลน) วงเงิน 100,000 ล้านบาท ของธนาคารออมสินปล่อยกู้ให้ ธ.พ. ปล่อยกู้SMES เสริมสภาพคล่อง และ หวยเกษียณหนุนการออมในกลุ่มอาชีพอิสระ ซึ่งกระทรวงการคลังจะเสนอเข้า ครม.วันนี้ ซึ่งต้องติดตามว่าผลลัพธ์จะออกมาดังที่ตลาดคาดไว้หรือไม่

ขณะที่กองทุน THAIESG เงื่อนไขใหม่ยังไม่ได้ถูกนำเข้า ครม.วันนี้ เนื่องจาก รมว.คลังแนะ ก.ล.ต.ทบทวนเกณฑ์ให้เรทติ้งหุ้น THAIESG ก่อน หลังเกิดปัญหา EA ขึ้น โดยกองทุนรวม THAIESG ลงในหุ้น EA เพียง 0.35% ของ NAV หรือแค่ 24 ล้านบาท

สรุป โครงการ DIGITAL WALLET มีสัญญาณที่ดีให้เดินหน้าต่อไปได้ โดยจะให้ประชาชนลงทะเบียน 1 ส.ค.67 ส่วนมาตรการอื่นๆที่จะมาพยุงเศรษฐกิจ คือ
มาตรการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) วงเงิน 100,000 ล้านบาท ของธนาคารออมสิน และ หวยเกษียณหนุนการออมในกลุ่มอาชีพอิสระ ซึ่งจะเข้า ครม.วันนี้ โดยมาตรการต่างๆ คาดหนุนให้ GDP GROWTH ไทยยังเติบโตเป็นขั้นบันไดดังที่ตลาดหวังไว้ได้

มอง EA ผ่าน งบการเงิน
หากพิจารณาสถานะทางการเงินปัจจุบันของ EA ณ สิ้นงวด 1Q67 พบว่ามี เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ราว 2.2 พันล้านบาท อัตราส่วน D/E 1.6 เท่า NET IBD/Eที่ 1.4เท่า ซึ่ง EA มีต้องดำรงอัตราส่วนดังกล่าวไว้ที่ไม่เกิน 3.5เท่า หรือมีความสามารถกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพิ่มได้ราว 9.0 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้EA มีสินทรัพย์รวม ราว1.1 แสนล้านบาท โดยสัดส่วนหลักอยู่ที่รายการที่ดิน อาคารและอุปกรณ์สุทธิ ราว 5.8หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 58% ของสินทรัพย์รวม รองลงมาเป็นสินทรัพย์หมุนเวียนสุทธิ 2.5 หมื่นล้านบาท หรือราว 22% ของสินทรัพย์รวม

ขณะที่หนี้สินรวมอยู่ที่ราว 7.0 หมื่นล้านบาท โดยหลักเป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน3.1 หมื่นล้านบาท หรือราว 44.5% ของหนี้สินรวม และหุ้นกู้อีกราว 3.1 หมื่นล้านบาทหรือราว 44.6% ของหนีสิ้นรวม โดย ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2567 มีหนี้สินเงินต้นที่จะครบกำหนดภายในปี 2567 ราว 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งระหว่างงวด เม.ย. – มิ.ย. 2567 ได้มีการชำระเงินไปบางส่วน

โดยภายหลังเดือนมีนาคม 2567 ถึง ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังไม่มีการก่อภาระหนี้สินระยะยาวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ แผนการบริหารเงินเพื่อนำมาชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกําหนดในปี 2567 คาดว่าจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน โดย งวด 1Q67 EA มีกระแสเงินสดจากการดําเนินกิจการ 1.9 พันล้านบาท รวมถึงเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และการเตรียมออกหุ้นกู้ชุดใหม่มูลค่า 2.0 หมื่นล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม หาก EA ไม่สามารถเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ได้ตามเป้าหมาย หรือหากสถาบันการเงินไม่ปล่อยกู้ให้แก่ทาง EA คาดว่าการพิจารณาสินทรัพย์มาแปลงเป็นเงินสดอาจอยู่ในทางเลือกหนึ่งของบริษัทสำหรับดำเนินการชำระหนี้ได้เช่นกัน

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์