Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

581

 

"Peaking Yield Play"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "ฟื้นตัว" ต้าน 1332/1340 จุด รับ 1323/1320 จุด ดัชนี DJIA ขึ้นทำ All time high หุ้นอิงนโยบายคุณ Trump ที่ตลาดมองภาพโอกาสชนะเลือกตั้งเพิ่มขึ้นนำตลาด อาทิ พลังงาน หุ้นอิงกระแสคริปโต อีกด้านบวก คือ ความเห็นประธาน Fed ที่ล่าสุดออกมา Dovish ส่งสัญญาณดอกเบี้ยสามารถลดลงก่อนที่เงินเฟ้อจะลงสู่เป้าหมายที่ 2% ได้ ขณะที่ยังมองเศรษฐกิจสหรัฐ Soft Landing ขณะที่เราเห็นภาพ Flow Switching จากกลุ่ม Outperform มายังดัชนี Russell 2000 (หุ้น Mid small Cap) +1.8% ปัจจัยต่างประเทศเรามองเป็นบวก ส่วนภายในดัชนีวานนี้น่าจะสะท้อนกรณี EA แล้ว มองเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวตามภาพพื้นฐานภายในที่กำลังพัฒนาหลายด้าน นำโดยภาคท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นได้ดี นักท่องเที่ยว ก.ค. 24 คึกคักใกล้ช่วงฤดูกาล 1Q24 โดยที่มาตรการ ฟรี วีซ่ายังไม่มีผลเต็มที่ การกระตุ้นกำลังซื้อผ่าน Digital Wallet จะเริ่มกลไกนับจาก 1 ส.ค. รวมถึงการทยอยผลักดันมาตรการแก้หนี้รัฐฯ มอง SET วันนี้ฟื้นตัว หุ้นเด่น หุ้นอิงภาคบริการ (ท่องเที่ยว ค้าปลีก) , กลุ่ม Yield พีคหนุน (โรงไฟฟ้า สื่อสาร ชิ้นส่วน เช่าซื้อ) แนะ CPAXT, GULF, BBIK เด่น

 


Daily outlook: "พื้นตัว" ต้าน 1332/1340 จุด รับ 1323/1320 จุด

What happened around the world ?

•(*) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นต่อ Dow jones +0.53% (All time high), S&P500 +0.28%, Nasdaq 0.42% โดยดัชนี S&P Sector กลุ่มที่ปรับขึ้นหลักคือกลุ่ม Energy , Financials, Industrials ฯลฯ Sector ที่ปรับลงหลักๆคือ Utilities, Consumer Staples, Health Careฯลฯ โดยหุ้นที่ปรับขึ้น/ลงเด่นๆ คือ Microstrategy +15.28% บริษัทผู้ลงทุนคริปโตว่าเป็นบริษัทที่ทยอยสะสม Bitcoin มาต่อเนื่องหนุนจากราคา Bitcoin ปรับขึ้นแรง Trump Media & Technology Group +31% รับข่าวลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯทรัมป์ ทำให้โอกาสเป็นประธานาธิบดีเพิ่มขึ้น , Apple + 1.67% ฯลฯ

•(*/+) Fed Speaks : ประธาน Fed คุณ Powell ให้สัมภาษณ์ที่ Economic Club ให้สุนทรพจน์ในโทนDovish ประเมินอัตราเงินเฟ้อสหรัฐที่มีทิศทางลดลงสู่เป้าหมายที่ Fed วางไว้ 2% และตลาดแรงงานที่เริ่มเข้าสู่ภาวะสมดุลมากขึ้น อาจนำไปสู่การพิจารณาลดดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้

•(*) China Econ : 1.) GDP Growth จีน งวด 2Q24 ระดับ +4.7%y-y ต่ำกว่าคาดที่ 5.1%y-y prev. 5.3%y-y ส่งผลให้ครึ่งปีแรก GDP จีนเติบโต +5.0%y-y 2.) Industrial Production +5.3%y-y สูงกว่าคาดที่ 5.0%y-y prev. +5.6%. 3.) Retail Sale +2.0%y-y ต่ำกว่าตลาดคาด 3.4%y-y prev. 3.7%y-y 4.) Fixed Asset Ex Rural +3.9%y-y ytd ตามคาด prev.+4.0%y-y ytd 4.) Property Investment -10.1%y-y ytd สูงกว่าคาดที่ระดับ -10.5%y-y ytd KSS ประเมินเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวต่ำกว่าคาดส่งผลให้เราคาดหวังว่าจะเห็นแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากการประชุมคณะกรรมการ Politburo ของจีน ระหว่างวันที่ 15 – 18 ก.ค. นี้

• (+/-) China Interest rate :ธนาคารกลางจีนประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (MLF) 1 ปี ไว้ที่ระดับ 2.5% ตามเดิม เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้

•(*/+) Agri sector : ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์เตรียมความพร้อมรับมือโรคแห่งออสเตรเลีย (ACPD) เตือนว่า ออสเตรเลียกำลังเผชิญกับภัยคุกคามใหม่จากเชื้อไวรัสไข้หวัดนก 3 สายพันธุ์ส่งผลกระทบต่อฟาร์มสัตว์ปีกหลายแห่งในรัฐวิคตอเรียและรัฐนิวเซาท์เวลส์ ส่งผลให้มีการกำจัดไก่กว่า 5 แสนตัว KSS ประเมินเป็นโอกาสในการส่งออกไก่ไทยเพิ่มขึ้น มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อ GFPT, CPF

•(*/+) Smartphone sector ยอดจัดส่งสมาร์ตโฟนทั่วโลกเพิ่มขึ้น 6.5%y-y ในงวด 2Q24 ระดับ 285.4 ล้านเครื่อง. ซัมซุงครองแชมป์-แอปเปิ้ลฟื้นตัว.หนุนจากมหกรรมลดราคาในเทศกาลชอปปิงกลางปี 618 (618 Shopping Festival) ของจีน ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นอิเล็กทรอนิกส์เน้น HANA

• (*) To monitor : ฝั่งจีน 15-18 ก.ค. ติดตามการประชุม Politburo ลุ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ฝั่งยุโรป 18 ก.ค. ติดตามการประชุม ECB คาดยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิม ฝั่งสหรัฐ 16 ก.ค. ยอดค้าปลีก มิ.ย. ตลาดคาด -0.2%m-m vs prev. +0.1%m-m, 17 ก.ค. ยอดผลผลิตภาคอุตสาหกรรม มิ.ย. ตลาดคาด +0.3%m-m vs prev. +0.9%m-m

• (*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐปรับลงและทำ new low อิง อายุ 2 ปี ปรับลงแรงราว -1 bps ที่ 4.45% (ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน) และอายุ 10 ปี -2 bps ปิด 4.22% (มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า เน้น GULF กลุ่มการเงิน MTC, กลุ่ม ICT เน้น TRUE กลุ่มหนี้สูง CPALL, CPAXT ส่วน Dollar Index ระยะสั้นอ่อนค่าแรง ล่าสุดบริเวณ 104.2+/- จุด

•(*) Oil : น้ำมันดิบ Brent น้ำมันดิบ Brent -0.21%d-d ปิดที่ US$ 84.85/barrel น้ำมันดิบ West Texas -0.36%d-d ปิดที่ US$ 81.91/barrel

•(*/+) Gas ก๊าซธรรมชาติ NYMEX -7.34%d-d ปิดที่ US$2.158/MMBtu (ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน) ถูกดดันจาก Supply ที่เพิ่มขึ้น จาก 48 รัฐตอนล่างของสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 102.4 bcfd ในเดือน ก.ค. จาก 99.5 bcfd เดือน พ.ค. (ต่ำสุดในรอบ 17 เดือน) สาเหตุหลักมาจากการปิดระบบ Freeport ที่เกิดจากพายุเฮอริเคนเบริล มองเป็นจิตยาบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า เน้น GULF

• (*/+) Sector Allocation : ภาพการการลงทุนในสหรัฐยังคงเห็นสลับกลุ่มจากหุ้น Megacap / Big cap/กลุ่มเทคโนโลยีที่ Outperform ระยะสั้นสลับมาลงทุนกลุ่มที่ยัง Laggard และหุ้นขนาดกลาง-เล็ก (ดัชนี Russell 2000 +1.8%ทำ New High) ประเมินไทยจะสอดคล้องในทางเดียวกัน ประเมินหุ้น Mid-small / Small Cap ที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพการสร้างเติบโตที่สูง+Model ทางธุรกิจแข็งแกร่ง อาทิ BBIK, TNP, INSET, MASTER, MOSHI มีโอกาสเริ่ม Outperform

 

What happened in Thailand ?

• (*/+) SET: SET Index ผันผวนบริเวณแนวรับ 1325/1320 จุด ก่อนปิด -4.61 จุด หรือ -0.35% ปิดที่ 1327.4 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มการแพทย์ (BDMS, BH) มองฟื้นตัวในฐานะกลุ่ม Defensive ช่วงตลาผันผวน กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE) มองเด่นในฐานะหุ้น Defensive Growth ในช่วงตลาดผันผวน กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มธนาคาร (SCB, KBANK, BBL) ตลาดกังวลผลกระทบเกี่ยวเนื่องจากกรณี ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้บริหาร EA ทำให้เกิดความเสี่ยงการคืนหนี้ และนำไปสู่การตั้งสำรองหนี้สินเงินกู้ธนาคารในท้ายที่สุด ขณะที่อีกกลุ่มถ่วง คือ กลุ่มพลังงาน (PTTEP, BANPU)

• (*) Flow : เงินทุนต่างประเทศไหลออก ขายหุ้น -12.2 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -120 ล้านเหรียญฯ TFEX Net Short -2,450 สัญญา เงินบาทแข็งค่าทรงตัว 36.1 +/- บาท

• (+) TH Tourism: ยอดผู้ใช้บริการสนามบิน AOT เดินทาง ต่างประเทศ (ชี้นำนักท่องเที่ยวต่างชาติ) เป็นบวก สัปดาห์ล่าสุด 7-15 ก.ค. เร่งขึ้นสู่ 93.5% จาก 1-6 ก.ค. ที่ 92.3% ของ Pre-COVID vs นักท่องเที่ยวต่างชาติ 1H24 ที่ 88.4% ขณะที่คาดโมเมนตัมเดินหน้าต่อเนื่องนับจากกลาง ก.ค. 24 มาตรการฟรี วีซ่ากำลังมีผลช่วยต่อยอด คาดนักท่องเที่ยว ก.ค. 24 ไม่ต่ำกว่าที่ 3.1 ล้านคน ฟื้นตัว 13.3%m-m และเท่ากับค่าเฉลี่ยนักท่องเที่ยวรายเดือนช่วงฤดูกาล 1Q24 ทีมกลยุทธ์ KSS คงมุมมองนักท่องเที่ยวทั้งปี 2024F ไม่ต่ำกว่ากรอบ Consensus ประเมิน 35.5-36 ล้านคน เชิงกลยุทธ์เรามองบวกต่อทิศทางภาคท่องเที่ยวไทย และเชื่อว่ามีโอกาสเป็นกลุ่มแรกๆที่ฟื้นตัวจากภาวะตลาดผันผวนในวันนี้ ท่องเที่ยว เน้น AOT, ERW, MINT ภาคบริการ เน้น CPALL, CPAXT

• (*/+) Bond: ความกังวลการผิดนัดชำระหนี้ในตลาดหุ้นกู้มีแนวโน้มผ่อนคลายบางส่วน หลัง ANAN ชำระคืนหุ้นกู้ครบกำหนด 15 ก.ค. 24 มูลค่า 3.2 พันล้านบาทแล้ว

• (*/+) Econ Cabinet: เรื่องหลักๆ จากการประชุม ครม. เศรษฐกิจวานนี้ ได้แก่

1.) ความคืบหน้านโยบาย Digital Wallet

i.) นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก และ X ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยยืนยันว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต พร้อมเปิดลงทะเบียน 1 ส.ค.นี้ กรอบเวลาโครงการดังกล่าวที่ค่อยๆชัดเจนมากขึ้น มองบวกต่อหุ้นอิงภายใน ค้าปลีก เน้น CPALL, CPAXT, DOHOME เครื่องดื่ม OSP สื่อสาร ADVANC

ii.) รัฐฯเปิดเผยผู้ชนะการเสนอราคาโครงการพัฒนา Digital Platform เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน ส่วนที่ 1 คือ Digital Pleatform สำหรับอำนวยความสะดวกประชาชน (Government Super App) มี BBIK เป็นผู้ชนะ ส่วนที่ 2 คือ ส่วนที่พัฒนาเพื่อใช้ลงทะเบียนร้านค้า มี บ.เด็พธเฟิร์สท เป็นผู้ชนะ แม้โครงการดังกล่าวขนาดไม่ใหญ่ ส่วนที่ 1 มูลค่า 27.3 ล้านบาท (vs รายได้ 2024F ของ BBIK ที่ 1.6 พันล้านบาท +22%y-y) ส่วนที่ 2 มูลค่า 4.7 ล้านบาท เรามองจิตวิทยาบวกโดยเฉพาะ BBIK ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยรับงานภาครัฐ ขณะที่การได้งานระบบกลางน่าจะมีโอกาสต่อยอดกับระบบเชื่อมต่อเข้ามาในอนาคตเป็น Upside ทางพื้นฐาน นอกจากนี้ สัญญาณงานที่ออกมา

2.) แนวทางการแก้ไขปัญหาหนั้ครัวเรือน

i.) เตรียมนำเสนอ BOT ลดการจ่ายเงินขั้นต่ำบัตรเครดิตเหลือ 5% จาก 8% ช่วยเหลือลูกหนี้ช่วงเศรษฐกิจไม่ดี มองจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มผู้ประกอบการบัครเครดิต KTC, AEONTS ที่คุณภาพสินทรัพย์ระยะหลังอ่อนแอลง หลังเริ่มปรับเพิ่มอัตราจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำตั้งแต่ต้นปี 2024 และกลุ่มอิงกำลังซื้อภายใน CPALL, CPAXT

ii.) ขยายระยะเวลาผ่อนบ้านสำหรับกลุ่มที่จ่ายหนี้บ้านต่อไม่ไหว 80,000 ราย ได้สูงสุด 80-85 ปี

• (*) SET50/100 (EA impact): จากสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ผู้บริหาร EA เดิม ถูกกล่าวโทษ จนถูกขึ้นเครื่องหมายห้ามซื้อขาย ("H") และตลท.ขอให้ชี้แจงข้อมูล แต่ยังไม่ได้รับการชี้แจงจากบริษัท จนนำมาซึ่งการขึ้นเครื่องหมายห้ามซื้อขายในกรณีบริษัทจดทะเบียนฝ่าฝืน/ละเลยไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ ("SP") อ้างอิงจากเกณฑ์ของตลาดฯ หากถูกขึ้นเครื่องหมาย SP ติดต่อกันเกิน 20 วันทำการ ตลาดฯ จะพิจารณานำหลักทรัพย์ออกจากดัชนี (พิจารณาทุกสิ้นเดือน) ดังนั้นมีโอกาสที่หาก EA ไม่สามารถปลด SP ได้ภายในเดือนส.ค. จะถูกปลดออกจากดัชนี SET50 และ SET100 ในเดือนก.ย. หรือหากมีกรณีอื่นๆ เข้ามาแทรก เช่น บริษัทผิดนัดชำระหนี้แล้ว, หรือหน่วยงานกำกับดูแลต่างๆ สั่งให้ตรวจสอบงบการเงินเป็นกรณีพิเศษ อาจทำให้ถูกออกจากดัชนีเร็วกว่านั้น ดังนั้นจากสถานการณ์ปัจจุบัน EA เริ่มมีความเสี่ยงที่จะหลุดจากดัชนี SET50 และ SET100 บ้างแล้ว

• SET50 : หุ้น KCE และ SAWAD ตัวใดตัวหนึ่งจะได้เข้าดัชนี SET50 แทน โดยดูจาก Outlook ธุรกิจปัจจุบันที่จะหนุนราคาหุ้น Outperform ในเชิงเปรียบเที่ยบ เราคาดว่า KCE มีโอกาสมากกว่า

• SET100 : COCOCO มีโอกาสได้เข้าดัชนี SET100

• (*/+) Short Sales: หลังจากมาตรการ Uptick Rule ตั้งแต่ 1 ก.ค. วานนี้ในส่วนจำนวนหุ้นที่มียอด Short คงค้างอยู่ที่ 402 บริษัท (vs วานนี้ 403 บริษัท) แม้พบว่าส่วนใหญ่ยอด Short เท่าเดิม แต่สัดส่วนกลุ่มถูก Short ลดลงเริ่มค่อยๆเพิ่มขึ้น รายละเอียด ดังนี้ โดยหุ้นที่ Short เท่าเดิมอยู่ที่ 217 บริษัท (วานนี้ 258 บริษัท) กลุ่มที่ลดลงจากวันทำการก่อนหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 135 บริษัท (วานนี้ 99 บริษัท) ส่วนหุ้นที่ Short เพิ่มขึ้นมี 50 บริษัท (วานนี้ 46 บริษัท) มองจิตวิทยาบวกต่อ SET

• (*) To Monitor: 1.) 16 ก.ค. กระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม. พิจารณากองทุน ThaiESG หลักเกณฑ์ใหม่และกระทรวงคมนาคมเสนอ ครม. พิจารณาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ทั้งนี้ หากอิงกระแสข่าวล่าสุดกรณี รมว. คลัง คาดอาจะต้องพิจารณาเกณฑ์หุ้นในดัชนี ThaiESG ใหม่ คาดมีโอกาสเลื่อนเข้า ครม. ได้ รวมถึงกรณีรถไฟฟ้าสายสีส้มที่กระทรวงคมนาคมยังไม่เสนอเรื่อง

2.) 17 ก.ค. ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล

3.) 15-19 ก.ค. กำไรงวด 2Q24 กลุ่มธนาคาร มองบ่งชี้ทิศทางแนวโน้มกำไรตลาดช่วง 2Q24 นอกจากนี้ แนะนำติดตามแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางกลุ่มเช่าซื้อที่กำลังกังวลต่อประเด็นดังกล่าวชัดเจนขึ้น

4.) การทยอย Preview กำไรงวด 2Q24F กลุ่ม Real Sector จะออกมาเพิ่มขึ้น มองกลุ่มกำไรเด่น y-y, q-q อาทิ สื่อสาร (ADVANC, TRUE) ค้าปลีก (CPALL, CPAXT) เครื่องดื่ม (ICHI, OSP, SAPPE) ชิ้นส่วน (KCE) เกษตร (GFPT, CPF) ท่องเที่ยว (MINT) โรงไฟฟ้า (CKP, GULF, GPSC) ความงาม (MASTER, KLINIQ)

 

 

Daily Strategy : CPAXT, GULF, BBIK เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "ฟื้นตัว" มองตลาดวานนี้สะท้อนประเด็นลบกรณี EA ไปบ้างแล้ว ส่วนวันนี้มองบรรยากาศทางบวก ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี DJIA ขึ้นทำ All time high ขับเคลื่อนจากหุ้นในกลุ่มที่ยัง Laggard เกาะกระแสนโยบายคุณ Trump ที่มีโอกาสชนะเลือกตั้งมากขึ้น อาทิ กลุ่มพลังงาน กลุ่มอิงกระแสคริปโต ขณะที่ภาวะ Search for Yield ที่เดินหน้าต่อ (คุณ Powell มีท่าที Dovish) เริ่มภาพในส่วนดัชนี Russell 2000 (Mid-small cap) ที่ Outperform ขึ้น ขณะที่ภายในสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้นเห็นในหลายส่วน อาทิ ท่องเที่ยว รวมถึงกำลังซื้อภายในที่มีแรงขับเคลื่อนการเดินหน้า Digital Wallet และ ครม. ที่กำลังหาแนวทางเร่งแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน มองหุ้นนำ 1) กลุ่ม Yield ผ่านพีคหนุน อาทิ โรงไฟฟ้า (ราคาก๊าซสหรัฐฯวานนี้ดิ่งลง -7.3%) เช่าซื้อ (รัฐฯเริ่มหามาตรการแก้หนี้) ชิ้นส่วนฯ หุ้น Mid-small ที่ศักยภาพสูง 2) หุ้นอิงภาคบริการ อาทิ ค้าปลีก ท่องเที่ยว

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด + เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหนุนอุตสาหกรรมทยอยเข้าสู่ Upgrade Cycle (HANA, KCE)
กลุ่มภาคผลิตไทย PMI ภาคผลิตไทยอยู่ในระดับขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือนหนุน (GFPT, TU, CBG, OSP, ICHI, SAPPE IVL, STA, NER)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการท่องเที่ยวชุดใหญ่ของรัฐฯ หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, ICHI, AOT, MINT, ERW)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, WARRIX, MTC, MOSHI, KLINIQ)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, GULF, WHA)

• JULY24 Best Picks: TRUE, CPAXT, GULF, KCE, WHA, MINT, OSP

• 3Q24Stock Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : US Election (The first debate)

Debate รอบแรก Biden และ Trump ประเด็นที่หยิบยกขึ้นมา คือ ประเด็นการทำแท้ง, ผู้อพยพต่างชาติและผู้ก่อการร้าย และชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก US-Mexico Broader ฯลฯ ทั้งนี้ ประเด็นทางเศรษฐกิจสำคัญไม่ได้ลงรายละเอียดมาก Trump พูดเน้นเดินหน้าไปที่การลดการขาดดุลค้าและเน้นการขึ้นภาษีกับประเทศอื่นๆ ฯลฯ Biden เน้นประเด็นการขึ้นภาษีผู้ที่มีรายได้สูงและมหาเศรษฐี

กลยุทธ์ KSS ประเมินแนวโนบายคล้ายกับในอดีตยังไม่มีประเด็นใหม่ และยังเหลือระยะเวลาพอสมควรก่อนการ Debate รอบถัดไป 10 ก.ย. 24 รายละเอียดนโยบายต่างๆหรือนโยบายสร้างจุดเปลี่ยนจึงยังสามารถเกิดขึ้นได้เพิ่มเติม ทำให้ยังมีความไม่แน่นอนจากประเด็นการเลือกตั้งใหญ่สหรัฐฯ กอปรกับ เศรษฐกิจสหรัฐฯที่เริ่มอ่อนลง และ Valuation สหรัฐฯที่ตึงตัว ประเมินงวด 3Q24 ก่อนเลือกตั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯมีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบรอความชัดเจน

ส่วนกระแสเชิงบวกต่อหุ้นต่างๆ เราคาดตลาดให้น้ำหนัก ดังนี้ การเดินหน้าสงครามการค้าและเทคโนโลยีกับจีน ทำให้ยังคงมุมมองบวกกระแสในประเด็นดังกล่าวก่อนการเลือกตั้ง จะหนุนตลาดเก็งหุ้นกลุ่มนิคมในระยะกลาง – ยาว เน้น WHA กลุ่มส่งออกชิ้นส่วน เน้น KCE, HANA อาหาร เน้น CPF, GFPT ทั้งนี้ หาก Trump ชนะการเลือกตั้งมองหุ้นที่ได้ผลประโยชน์บวกจากเศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้น อาทิ จากมาตรการลด Corporate Tax บวกต่อ IVL PTTGC ระยะสั้นก่อนจะเห็นภาพว่าผู้สมัครจะมีโอกาสชนะเลือกตั้งสูง ยังให้เน้นกลุ่มที่เกาะกระแสนโยบายทั้งสองฝ่ายในส่วนสงครามการค้าและเทคโนโลยี เน้น WHA, KCE, HANA, CPF, GFPT

• Strategy Update : ThaiESG 2024 ต่อ SET Index

รัฐบาลมีแผนปรับเงื่อนไขสิทธิประโยชน์จากกองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG ใหม่ โดยปรับเงื่อนไขให้สิทธิซื้อเพิ่มลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้นทั้งเม็ดเงิน และสัดส่วนเทียบกับฐานรายได้ ผสาน ระยะเวลาลงทุนสั้นลง KSS คาดว่าฐานเม็ดเงินที่เข้าสู่กองทุน ThaiESG รอบนี้ จะสูงราว 7.8 หมื่นล้านบาทต่อปี ขณะที่ SET ณ ปัจจุบัน ยังอยู่ใน Value Zone น่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนเชิงบวกตลาดหุ้นไทยนับจากนี้.

เชิงกลยุทธ์ : โดยรวม KSS ประเมินเป็น "บวก" ต่อตลาดหุ้นไทยคล้ายสมัยมาตรการลดหย่อนภาษีผ่านกองทุน LTF ในอดีต เนื่องจากเป็นการเสริมสภาพคล่องของเงินลงทุนระยะยาวในประเทศให้กลับมาแข็งแรงขึ้น กลยุทธ์แนะลงทุนในหุ้นใน SETESG ที่มีคุณสมบัติราคาลงแรงกว่า SET -6.6%YTD ได้แก่ BTS SCC, CRC, IVL, PTTGC, CPN, BBL, HMPRO และกลุ่มที่มีน้ำหนัก (Weight) ใน ESG สูง ได้แก่ GULF AOT, MTC, CPALL, GPSC

• Strategy Update : Time to Invest

ทีมกลยุทธ์ออกรายงาน Strategy Update "Time to invest" มอง SET Index โซนปัจจุบันให้ Current ERP ที่ 3.6% เป็นโซนลงทุน และมองใกล้ระดับจุดกลับตัว มองหุ้นน่าลงทุน 1) กลุ่มให้ Dividend สูง 2) กลุ่มที่ Underperform และมีส่วนลดทางพื้นฐานสูง

Key Ideas:

• SET Index ในปี 2024 ยัง "Underperform" ตลาดหุ้นโลกต่อเนื่องจากปี 2023 โดย YTD ปรับตัวลดลง -8.6% โดยการปรับตัวลดลงเร่งขึ้นในระยะหลังจากปัญหาความไม่ชัดเจนการเมือง

• อิงกลไก Equity Risk Premium (ERP) คือ ส่วนต่างผลตอบแทนระหว่าง Earnings Yield และ Bond Yield อิงระดับ Current EPS ปัจจุบันที่ราว 83 บาทต่อหุ้น และ Forward EPS ที่ 92 บาท ที่ระดับ Index โซน 1350-1300 จุด ถือเป็นจุดน่าสนใจสำหรับการวางสถานะลงทุนระยะกลาง-ยาว อิงระดับดัชนีปัจจุบัน Current และ Forward ERP นั้นสูงในระดับ 3.6%-4.22% สูงกว่า Avg 3.09% ขณะที่หาก Current ERP สูงเกินกว่าระดับ + 1 S.D. (4.09%) vs ปัจจุบันอยู่ที่ 3.6% ใกล้ระดับ +1 S.D. ที่เป็นจุดกลับตัวของตลาด

• จากการศึกษา Back test ย้อนหลัง 20 ปี พบว่า Current ERP แตะระดับดังกล่าว 7 ครั้งในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา พบว่า SET จะกลับมาให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ยทุกครั้งในระยะกลาง กล่าวคือ จากนั้น 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน และ 1 ปี SET ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 0.7%, 4.4% 9.9% และ 20.6% ด้วยความน่าจะเป็น 57%, 43%, 72% และ 86% ตามลำดับ

• มุมมองเม็ดเงินลงทุนระยะสั้นนักลงทุนต่างชาติ รอบล่าสุดที่เข้ามาคือ เริ่มตั้งแต่ช่วง เม.ย. 21 ซึ่งซื้อสะสมรวมถึงจุดสูงสุดช่วงราว มี.ค. 23 ด้วยเม็ดเงินรวม 2.85 แสนล้านบาท ขณะที่หลังจากนั้นเป็นการขายต่อเนื่องถึงปัจจุบัน นับถึงวานนี้ พบว่า เม็ดเงินดังกล่าวไหลออกจาก SET ไปกว่า 3แสนล้านบาทแล้ว บ่งชี้แรงขาย ของนักลงทุนต่างชาติจากจุดนี้น่าจะลดลงเป็นลำดับ

• มาตรการ Uptick ใกล้มีผล เดือน กค 2024 น่าจะลดความผันผวนฝั่ง "Short Sell" ได้บ้าง

กลยุทธ์ คำแนะนำสำหรับผู้ลงทุนระยะกลาง-ยาว ทยอยสะสมหุ้นในจุดที่มี Margin of Safety สูง ใน 2 Theme เด่น

1.) Dividend Plays ที่ธุรกิจมีความมั่นคง ให้ผลตอบแทน Div. Yield มากกว่าปีละ 4% (vs Policy Rate 2.5%) ได้แก่ SCB AP ICHI PTT BBL INTUCH ADVANC HMPRO BJC WHA TU

2.) หุ้นในกลุ่มที่ Underperform กว่าตลาด (SET YTD ปรับตัวลดลง -8.6%) แต่พื้นฐานระยะกลาง-ยาวยังแข็งแกร่ง Valuation มีส่วนลด PBV24F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย >20% ได้แก่ BTS IVL LH HMPRO KCE PTTGC GPSC HANA GULF

 

 

• BEM (Trading Buy, TP9.5): BEM is our top Buy for the sector with TP Bt9.5. Earnings are set to hit the record at Bt3.8b in 2024, up 11% yoy, driven by rail business. Our 2Q24 prelim earnings estimate at Bt960-980m, up 9% yoy and 16% qoq, seem confirm our estimate. Short-term catalyst for the share price would be the cabinet approval, permitting BEM to officially sign contract on orange line with MRTA today.

• BBIK (Buy, TP46): BBIK has win the bidding for develop the application for Digital wallet from the government. This could be the first step entering the government projects market. Moreover, the company mentioned that there is a recovery sign on its backlog going forward. This could be the turnaround sign of BBIK. We upgrade our recommendation from NEUTRAL to BUY with the same TP of Bt46.

• ANAN (Reduce, TP0.75): มุมมอง slighyly negative ต่อ 2Q24 presale ที่ 3.65 พันลบ. (-17% y-y, -30% q-q) เพราะยังลดลงทั้ง low-rise และ condo จากกำลังซื้อที่ชะลอตัวลง รวมถึง stock condo กลุ่มที่อัตราการขายดีทยอยหมดลง ทำให้การระบาย stock condo ทำได้ช้าลง สำหรับ 1H24 presale อยู่ที่ 8.9 พันลบ. (-9% y-y) คิดเป็น 39% ของเป้าปี 2024F ที่ 23.0 พันลบ. (+18% y-y) โดยโอกาส downside สูง ทั้งนี้เราคาด presale 2024F น่าจะใกล้เคียงปี 2023 ที่ราว 19.0-20.0 พันลบ. แนวโน้มผลประกอบการ 2Q24F เบื้องต้นในด้าน core operation คาดรายงานเป็นขาดทุน เพราะการระบาย stock ทำได้ลดลง อย่างไรก็ตามไตรมาสนี้มีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขาย service apartment ซึ่งคาดบันทึกเข้ามาราว 470 ลบ. (หลังภาษี) จึงทำให้คาดรายงานเป็นกำไรสุทธิได้ เราคง TP24F ที่ 0.75 บาท คง Reduce มองภาพรวมแผนธุรกิจใน 2H24F ยังเป็นเพียงการประคับประคองตัวและรักษาสภาพคล่อง เพื่อวางแผนแผนการคืน bond ชุดถัดไปใน Jan-25 ที่ 2,988 ลบ. โดยประเด็น Ashton Asoke ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป น่าจะยังเป็นแรงกดดันด้านสภาพคล่องต่อเนื่องในอนาคต

 

3Q24F Equity Outlook : The strong get stronger, the weak get less weak

Stock Best Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA

Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

อ่อนตัว By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ พรุ่งนี้ ประเทศไทย เข้าสู่ฤดูฝน ตอนนี้แถว รัชดาฯฝนตก อากาศเย็นสบาย นั่งมองหุ้นหลาย....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้