TISCO Financial Group (TISCO TB)
มุ่งเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อชดเชย credit cost ที่สูงขึ้น
แนะนำ "ถือ" รับเงินปันผลดี ชอบ TTB มากกว่า
เราชอบ TISCO เนื่องจากมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีและ ROE ที่สูง อย่างไรก็ตาม ต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (credit cost) ในปีงบ 67 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น YoY เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่อ่อนแอ เราคาดว่า TISCO จะควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพื่อชดเชยกับ credit cost ที่สูงขึ้นในครึ่งหลังของปี 67 และปี 68 เราคาดการณ์อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจะอยู่ที่ประมาณ 8% เนื่องจากธนาคารคงรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงไว้ แนะนำ "ถือ" และปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 104 บาท (P/BV 1.9 เท่า, ROE 16.9%) จาก 108 บาทหลังปรับลดประมาณการกำไรเพื่อสะท้อนเป้าหมาย credit cost ใหม่ ทั้งนี้ TTB (ราคาปัจจุบัน 1.81 บาท, แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 2.10 บาท) ยังคงเป็นหุ้นเด่นของเราเนื่องจากแนวโน้มกำไรเติบโตชัดเจนและ ROE ที่เพิ่มขึ้น
กำไรไตรมาส 2/67 ตามคาด คุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอลง QoQ
กำไรสุทธิไตรมาส 2/67 ลดลง 6% YoY มาอยู่ที่ 1.75 พันล้านบาท เนื่องจาก NIM ที่อ่อนแอและ credit cost ที่สูงขึ้น สินเชื่อลดลง 1% QoQ ในขณะที่ NIM เพิ่มขึ้น 6bps QoQ จากอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่สูงขึ้น รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-nii) เพิ่มขึ้น 17% YoY และ 19% QoQ จากค่าธรรมเนียม IB และกำไรจากการประเมินราคาตลาดของการลงทุน (mark to market) อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลง 50bps QoQ มาอยู่ที่ 47.6% ในไตรมาส 2/67 ธนาคารบันทึกตั้งสำรองจำนวน 409 ล้านบาท หรือ 70bps ของ credit cost ในไตรมาส 2/67 เทียบกับ 47bps ในไตรมาส 1/67 ขณะที่อัตราส่วน NPL เพิ่มขึ้น 17bps QoQ มาอยู่ที่ 2.44% ส่วน NPL coverage ลดลงมาอยู่ที่ 163% ในไตรมาส 2/67 จาก 178% ในไตรมาส 1/67
เพิ่มเป้าหมาย credit cost และยังคงระมัดระวังในการขยายสินเชื่อ
TISCO ยังคงระมัดระวังในการขยายสินเชื่อและคุณภาพสินทรัพย์เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยธนาคารจะเพิ่มทีมติดตามหนี้ก่อนที่จะขยายพอร์ตสินเชื่อ ทั้งนี้ CFO ได้ปรับเพิ่มเป้าหมาย credit cost ขึ้นเป็น 50-70bps จาก 50bps ในปีงบ 67 ขณะที่ credit cost มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 80-100bps จากสัดส่วนสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่เพิ่มขึ้นในปี 68-69 อย่างไรก็ตาม ธนาคารจะควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพื่อชดเชย credit cost ที่สูงขึ้น ต้นทุนเงินทุนมีแนวโน้มสูงสุดในไตรมาส 3/67 และลดลงในปี 68 จากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ลดประมาณการกำไรเพื่อสะท้อน credit cost ที่สูงขึ้นในปี 67- 68
เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปีงบ 67- 68 ลง 4-7% เพื่อสะท้อนการเติบโตของสินเชื่อที่ช้าลงและ credit cost ที่สูงขึ้น (ดูรูปที่ 2) เราปรับเพิ่มประมาณการ credit cost ปีงบ 67/68 เป็น 62/90bps จาก 45/60bps เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่อ่อนแอ คาดว่า credit cost จะกลับสู่ระดับปกติที่ 100bps ในปีงบ 69 หากธนาคารใช้สำรองส่วนเกินในการล้างหนี้เสียในปีงบ 67- 68 ส่วนประเด็นบวก NIM มีแนวโน้มถึงจุดต่ำสุดในไตรมาส 3/67 และดีขึ้นในปี 68 จากต้นทุนเงินทุนที่ลดลงเนื่องจากได้อานิสงส์จากการลดอัตราดอกเบี้ย
Jesada Techahusdin, CFA
jesada.t@maybank.com
(66) 2658 5000 ext 1395