AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ไม่กลัว Sell on Fact
กลยุทธ์เลือกหุ้น GPSC และ TTB
Market Strategy
SET Index แกว่งขึ้นตามกรอบ 1320-1340 จุด การรายงานเงินเฟ้อทั่วไป/พื้นฐานสหรัฐฯเดือน มิ.ย. ขยายตัว 3%/3.3%YoYต่ำกว่าตลาดคาด 3.1%/3.4%YoY และชะลอลงจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 3.3%/3.4%YoY ทำให้ตลาดเพิ่มโอกาส FED ปรับลดดอกเบี้ยฯ สะท้อนจาก FEDWATCH Tool คาดจะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง โดยเป็นการปรับลดในเดือน ก.ย. ด้วยความน่าจะเป็น 85 % แต่หุ้นกลุ่ม เทคโดน Sell on Fact กดดัน NASDAQ -2% S&P500 -0.9% สวนทาง Dow Jones +0.1% ด้าน Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ ปรับลง -10 bps และ Dollar Index อ่อนค่า -0.5% สัญญาณข้างต้นเรามองเป็นบวกมากกว่าลบที่ทิศทาง Fund Flow มีแนวโน้มไหลเข้ามาในตลาดหุ้นภูมิภาคและบ้านเราได้ง่ายขึ้น
ประเด็นในประเทศจากนี้เชื่อว่าตลาดให้ความสนใจกับการเก็งกำไรกับผลประกอบการ 2Q67 ที่จะเริ่มจากกลุ่มธนาคาร โดย 7 ธนาคารที่เราศึกษาทำกำไรสุทธิรวมกัน 5.17 หมื่นล้านบาท หดตัว -6%QoQ จาก NIM ที่ชะลอลงและ OPEX ที่เร่งตัวขึ้นและทรงตัว YoY จาก Credit Cost ที่ลดลง โดยธนาคารที่ขยายตัวดีกว่ากลุ่มฯ ทั้ง QoQ และ YoY คือ TTB และ KKP ส่วนวันนี้ตามรายงานงบ TISCO คาดกำไรสุทธิ 1.74 พันล้านบาท หดตัว -6%YoY และทรงตัว QoQ
สำหรับประเด็นอื่นๆที่ติดตามวันนี้ กกพ. เตรีบมแถลงแนวทางการปรับขึ้นค่าไฟเดือน ก.ย.-ธ.ค. ซึ่งเชื่อว่าจะเห็นกรอบการปรับขึ้นในช่วง 20-40 สตางค์จาก 4.18 บาทในปัจจุบันและกรอบเวลาในการเปิด รับฟังความคิดเห็น โดยหากปรับขึ้นได้จริงทุกๆ 10 สตางค์จะหนุนต่อกำไรปี 67 ของ GPSC ที่ 3% และ BGRIM ที่ 4% ตามลำดับ กลยุทธ์วันนี้เลือก TTB และ GPSC

Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 6.09 จุด กลุ่มที่ Outperform หลักมาจากกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ใกล้เข้าสู่ช่วงขาลง หนุนกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ DELTA +4.9% KCE +1.6% กลุ่มโรงไฟฟ้า GPSC +3.1% BGRIM +5.1% หนุนจากประเด็น กกพ เสนอปรับขึ้นค่าไฟเดือน ก.ย.-ธ.ค. ส่วนกลุ่มที่ Underperform กลุ่มไฟแนนซ์ TIDLOR -4.4% กังวลต่อการตั้งสำรองที่เร่งตัวขึ้นในงบ 2Q67

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ GPSC TTB

TTB กำไร 2Q67 โตดีกว่ากลุ่ม
ผสานปันผลสูงระดับ >7%
กำไร 2Q67E คาดว่าจะรายงานการเติบโตของกำไรสูงสุดในกลุ่มฯ โดยอยู่ที่ +1%QoQ และ 17% YoY (ดีกว่ากลุ่มธนาคารที่เราคาด -6%QoQ และ -1%YoY) แรงหนุนหลักมาจาก NIM ที่สูงขึ้นและสิทธิประโยชน์ทางภาษี
ด้านกำไรต่อหุ้นในปี 67 คาดเติบโต 16%YoY มากกว่ากลุ่มฯที่คาดกำไรขยายตัว 6%YoY ช่วยหนุนต่อการจ่ายเงินปันผลของที่สามารถจ่ายอัตราที่สูงถึง 7.4% ต่อปี เทียบกับกลุ่มที่จ่ายปันผล 7.1% โดยเราคาด TTB จะแบ่งจ่ายปันผลในช่วง 1H67 ที่ +/-3.5%
ระยะสั้นได้ Sentiment บวกจากคลังเตรียมจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ที่แนวทางจะใช้กองทุนเดิม ซึ่งเราคาดว่า TTB จะเป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ เพราะพบว่ากองทุนวายุภักษ์ปัจจุบันมีการถือ TTB ในสัดส่วน 5.19%ของ NAV (เป็นอันดับ 3)
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 2.10 บาท

GPSC มี 3 ปัจจัยบวกหนุน
มีปัจจัยบวก 3 ประการหนุนราคาหุ้นดังนี้
1) วันนี้ กกพ. เตรียมแถลงแนวทางการปรับขึ้นค่าไฟในเดือน ก.ย.-ธ.ค. พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็น คาดจะได้ข้อสรุปภายในเดือนนี้ เชื่อว่าจะเสนอการปรับขึ้น ค่าไฟในช่วง 20-40 สตางค์ จาก 4.18 บาทต่อหน่วยในปัจจุบัน หากปรับขึ้นจริงเป็นบวกต่อประมาณการกำไร GPSC ที่ ทุกๆ10 สตางค์ที่ค่าไฟปรับขึ้นเป็น Upside ต่อกำไรปี 67 เพิ่มขึ้น 3%
2) แนวโน้ม U.S. Bond Yield กำลังเข้าสู่ ขาลงตามทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯที่ตลาดคาดจะปรับลดดอกเบี้ยฯในเดือน ก.ย. หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือนมิ.ย. ชะลอลง
3) ผลประกอบการกำไร 2Q67 คาดเติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากส่วนแบ่งก๊าซ LNG การดำเนินการมาตรการ Single Pool Price ซึ่งช่วยลดต้นทุนก๊าซลงอีก ด้านกำไรปี 2567/68E คาดขยายตัว 61%/53% ในปี 2567/68 เติบโตดีสุดในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่เราศึกษา
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 57.00 บาท

KEY FACTOR
เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน มิ.ย. +3.0% YoY และ -0.1% MoM ต่ำกว่าที่ Consensus คาด +3.1% YoY และ +0.1% MoM โดยค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลดลง -2.0% MoM ส่วน Core CPI +3.3% YoY และ +0.1% MoM ต่ำกว่าที่ Consensus คาด +3.4% YoY และ +0.2% MoM เช่นกัน ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ที่พัก, ประกันภัยรถยนต์, เฟอร์นิเจอร์และการดำเนินงานในครัวเรือน, การดูแลสุขภาพ ในขณะส่วนที่ลดลง มาจากค่าโดยสารขนส่ง, รถยนต์และรถบรรทุกมือสอง และการสื่อสาร สะท้อนแรงกดดันจากเงินเฟ้อภาคบริการที่ผ่อนคลายลง
เงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงและต่ำกว่าที่ตลาดคาด รวมทั้งการลดลง MoM เป็นครั้งแรกตั้งแต่ มิ.ย.2563 ผลที่สะท้อนในตลาดการเงินโลก 1) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เกิดแรง sell on fact ดัชนี Nasdaq -1.95% 2) ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวลงแระระดับ 4.2% 3) มุมมองตลาดให้น้ำหนัก Fed ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้งในปีนี้ โอกาสการปรับลดครั้งแรกในเดือน ก.ย. อยู่ที่ 85% ตามด้วยอีก 2ครั้งในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. ซึ่งคาดว่าจะเป็น sentiment เชิงบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น

Eyes on
12 ก.ค. PPI สหรัฐฯ เดือน มิ.ย.

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ