Market Wrap-Up
- SET วันที่ 11 ก.ค.67 ปิด +6.09 จุด อยู่ที่ 1,329.37 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,298 ลบ.ต่างชาติขาย 584 ลบ.สถาบันขาย 880 ลบ.รายย่อยซื้อ 1,689 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิรวม 271 ลบ. โดยมียอดซื้อสุทธิในหุ้น EA,DELTA,IVL,BGRIM,LH และมียอดขายสุทธิ PTTEP,ADVANC,KBANK,TOP,PTT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,563 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ HKCE01,PSH-R,TCAP-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 19,566 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 9,840 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 1,535 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.08%, S&P500 -0.88%, Nasdaq -1.95% กลุ่มเทคโนโลยี -2.7%,บริการสื่อสาร -2.5% ถูกแรงขายทำกำไร แต่ได้แรงหนุนจากกลุ่มอสังหา +2.6%, สาธารณูปโภค +1.8% หลัง US CPI มิ.ย. ลดลงส่งผลให้เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยใน ก.ย. ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.6% ได้แรงหนุนจากกลุ่มอสังหา, สาธารณูปโภค หลัง CPI เยอรมัน มิ.ย. ลดลง และ DNB ธ.ใหญ่นอร์เวย์ +5.8% รับกำไร Q2/67 ดีกว่าคาด
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ S&P500, Nasdaq ปรับลดลงจากแรงขาย Sell on Fact ในกลุ่มเทคโนโลยี หลังรายงาน US CPI มิ.ย.ลดลงอยู่ที่ 3.0% & คาด 1% & พ.ค. 3.3% YoY ซึ่งเป็นตามคาดการณ์และมีโอกาส 84.6% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยใน ก.ย. และคาดจะลด 2 ครั้งในปีนี้ โดยเม็ดเงินได้ไหลเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่ม Small Cap ที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง เช่น อสังหา, สาธารณูปโภค ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวันนี้ติดตาม US PPI มิ.ย.คาดทรงตัวที่ 2.2% YoY และรายงานกำไร Q2/67 กลุ่มธนาคารเช่น JP.Morgan, Citi Group, Wells Fargo ซึ่ง LSEG คาดกำไร บจ.ใน S&P500 Q2/67 +10.1% YoY, +4.4% QoQ
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับขึนได้แรงหนุนจากกลุ่มอสังหา ฯ, สาธารณูปโภค หลังรายงาน CPI เยอรมัน มิ.ย. ลดลงอยู่ที่ 2.2% & พ.ค. 2.4% YoY เพื่อบ่งชี้โอกาสที่ ECB จะลดลงดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งปีนี้ใน ก.ย., ธ.ค. ส่วนรายงาน GDP อังกฤษ พ.ค ขยายตัวดีที่ 0.4% & คาด 0.2% & เม.ย. 0% MoM ลดโอกาสที่ BOE จะลดดอกเบี้ยใน ส.ค.
- ตลาดหุ้นเอเชียเหนือวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี หลังเจอโรม พาวเวล เผยจะไม่รอให้เงินเฟ้อลงสู่ระดับ 2 % ก่อนตัดสินใจลดดอกเบี้ย เนื่องจากกังวลตลาดแรงงานสหรัฐอาจชะลอตัวจากการตรึงดอกเบี้ยสูงนานเกินไป ขณะที่เช้านี้ดัชนีนิเกอิ -1.4% เป็นผลจากค่าเงินเยนแข็งค่า ซึ่งเป็นผลลบต่อหุ้นกลุ่มส่งออกญี่ปุ่น ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจเช้านี้ติดตามตัวเลขส่งออกจีน มิ.ย. คาด 8.0% & พ.ค. 7.6% YoY, นำเข้าจีน มิ.ย. คาด 2.9% & พ.ค. 1.8% YoY
- SET วานนี้ปิด +0.46% ปริมาณการซื้อขาย 0 หมื่น ลบ รายย่อยซื้อ 1,689 ลบ. ขณะที่ต่างชาติขาย 584 ลบ. สถาบันขาย 880 ลบ. และพอร์ตโบรกขาย 225 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ +4.3% นำโดย DELTA +4.9% ปรับขึ้นตามกลุ่มเทค ฯ เอเชีย หลังตลาดคาดเฟดมีโอกาสสูงที่จะลดดอกเบี้ยใน ก.ย. เช่นเดี่ยวกับกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ได้ประโยชน์จาก US Bond Yield 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.22% กอปรได้ปัจจัยหนุนจากการเตรียมปรับขึ้นค่า FT รอบใหม่ในงวด ก.ย. – ธ.ค. นี้ราว 20 – 40 สตางค์ ส่วนกลุ่มไอซีที +0.52% ยัง Outperform ตลาดจากคาดการณ์กำไร Q2/67 ของ ADVANC, TRUE อยู่ในแนวโน้มบวก และกลุ่มงานวางระบบโครงข่าย IT ยังได้ปัจจัยหนุนจากการขยายงาน Data Center เพื่อรับรองระบบ Cloud โดยภาพรวม Downside Risk ของดัชนี SET ลดลงหลังการใช้ ม. Uptick – Rule ช่ยลดความผันผวนของธุกรรมด้าน Short Sell และหุ้นกลาง – เล็กที่มีปัญหาการวางหุ้นค่ำประกันบัญชีมาร์จิ้นก็ถูก Force Sell เรียบร้อย ขณะที่ปัจจัยบวกที่รออยู่ความคืบหน้าโครงการดิจิทัล วอลเล็ตที่จะแถลงรายละเอียดในวันที่ 15 , 24 ก.ค. รวมถึงเม็ดเงินใหม่จากกองทุน Thai ESG ประเด็นสำคัญวันนี้ติดตาม TISCO จะรายงานกำไร Q2/67 BB.คาดที่ 1.71 พัน ลบ. -1.1% QoQ, -7.6% YoY
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,315 – 1,320 โดยมีแนวต้าน 1,340 ได้ปัจจัยหนุนจากคาดกาณ์เฟดจะลดดอกเบี้ยใน ก.ย. และความคืบหน้า ม.ดิจิทัล วอลเล็ต แนะนำซื้อกลุ่มค้าปลีก CPALL,CPAXT,TNP / กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF,GPSC,BGRIM จาก กกพ.เตรียมปรับขึ้นค่า FT งวด ก.ย. – ธ.ค. 67/ เก็งกำไรกลุ่มที่ Downside ด้านราคาต่ำ เช่น SCC,IVL,AWC,DIF
- กลุ่มโรงไฟฟ้า เก็งกำไรหุ้นโรงไฟฟ้า SPP มีปัจจัยบวกจากมติ กกพ.เสนอปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.67 ขึ้น 2-0.4 บาทต่อหน่วย จากค่าไฟงวดปัจจุบันที่ 4.18 บาทต่อหน่อย นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่สำคัญจากการปรับปรุงสูตรราคาก๊าซฯ เป็น Single Pool Gas หากเริ่มใช้จะส่งผลดีต่อต้นทุนโรงไฟฟ้าลดลง ซึ่งจะทำให้มี margin กว้างขึ้น โดยหุ้นโรงไฟฟ้า SPP อย่าง BGRIM* และ GPSC* จะได้รับประโยชน์มากสุด ขณะที่หุ้นที่รับผลกระทบเชิงลบและควรหลีกเลี่ยงไปก่อน คือ PTT เพราะต้นทุนของโรงแยกก๊าซฯ จะสูงขึ้น และทำให้กำไรหายไปปีละ 1-1.2 หมื่นล้านบาท คิดเป็นประมาณ 10% ซึ่งถือว่าค่อนข้างเยอะ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะต้องจ่ายค่า Shortfall รอบ 2 อีกประมาณ 4.7 พันล้านบาท เพิ่มนำเงินมาช่วยเหลือค่าไฟฟ้างวด ก.ย.-ธ.ค.67 ในกรณีที่รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงเพื่อตึงค่าไฟฟ้า ส่วน PTTGC จะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกันจากต้นทุนก๊าซที่ออกมาจากโรงแยกก๊าซฯ จะแพงขึ้น
- AU* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 11.67 บาท) กำไรสุทธิ 1Q67 +YoY +QoQ ตามรายได้สินค้าขนมเครื่องดื่ม, การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ, Gap การฟื้นตัวPost Covid-19 ด้านการดำเนินงาน 2Q67 คาดยังมีแนวโน้มดี YoY QoQ หนุนจากสภาพอากาศร้อนเป็นบวกต่อกลุ่มเครื่องดื่ม และการออกเมนูใหม่ๆ เช่น ขนมเนยโสดน้ำตาลโตนด ส่วนภาพรวมทั้งปียังมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจาก 1.การขยายสาขา โดยคาดเปิด After You อีกราว 10 สาขาในไทย และเริ่มเปิดสาขาแรกในกัมพูชาการเสริมแบรนด์/สินค้าใหม่ๆ เช่น “ลูกก๊อ” เน้นสินค้าจากผลไม้ไทย ปัจจุบันมีราว 10 สาขา และคาดจะเปิดเพิ่มปีนี้อีก 5 สาขา/“มิกก้า” ร้านกาแฟที่เน้นเฟรนไชน์เป็นหลัก ทั้งนี้ ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี67 และ68 กำไรสุทธิของ AU* จะอยู่ที่ระดับ 225 ลบ.(+25%YoY) และ 264 ลบ.(+19%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ส.ค. +$0.52 อยู่ที่ $82.62 / บาร์เรล, Brent ก.ย. +$0.32 อยู่ที่ $85.40/บาร์เรล ได้แรงหนุนหลัง EIA รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 3.4 ล.บาร์เรล จากคาดลด 1.3 ล.บาร์เรล และได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่าช่วยหนุนสัญญาน้ำมัน
Gold Update(+) Comex Gold ส.ค.+$42.20 อยู่ที่ $2,421.90/ออนซ์ ได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -0.58% อยู่ที่ 104.441 เป็นปัจจัยหนุนสัญญาทองคำ หลังรายงาน US CPI มิ.ย. ชะลอตัวกว่าคาด
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +22.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -16.10 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +37.19 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +1.17 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 36.143 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.222 %
(+) ดัชนี BDI ปิด +8 จุด อยู่ที่ 1,947
(-) BitCoinเช้านี้ -1.65% อยู่ที่ 56,675 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
11 ก.ค. หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย
ต่างประเทศ
12 ก.ค. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เดือนต่อเดือน) (มิ.ย.)
15 ก.ค. CN ดัชนีจีดีพี (GDP) ของจีน (ปีต่อปี) (ไตรมาส 2)
16 ก.ค. US ดัชนียอดขายปลีก (มิ.ย.)
17 ก.ค. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (มิ.ย.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
18 ก.ค. EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ( ก.ค.)
EU การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของธนาคารกลางแห่งยุโรป
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL*
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE*
(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*
(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio July 2024: GFPT*, SAPPE*, ITC*, BTG*, KLINIQ
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th