Today’s NEWS FEED

News Feed

เปิดมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย

520



สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(10 กรกฎาคม 2567)--------Key Findings:


รายงานฉบับนี้เป็นการศึกษาเชิงเปรียบเทียบข้อมูลการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นปี 2566 และ ณ 20 มิถุนายน 2567 สรุปผลการศึกษาพอสังเขป ดังนี้


• นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทยรวม 4.73 ล้านล้านบาท ลดลง 7.4% จากสิ้นปีก่อน ซึ่งเป็นการลดลงในทิศทางเดียวกันกับภาพรวมของตลาด โดย SET Index ลดลง 8.3% และจากการที่มูลค่าการถือครองหุ้นลดลงในสัดส่วนที่น้อยกว่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ลดลง ส่งผลให้สัดส่วนมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาจาก 29.43% ณ สิ้นปี 2566 เป็น 29.62% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม

• ณ 20 มิถุนายน 2567 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทยรวม 847 หลักทรัพย์ เพิ่มขึ้นสุทธิ 24 หลักทรัพย์ จากสิ้นปี 2566 จากการถือครองหุ้นของหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนเข้าซื้อขายใหม่ในช่วงที่ศึกษา 17 หลักทรัพย์ และจากการซื้อและถือครองหลักทรัพย์จดทะเบียนซื้อขายก่อนปี 2567 จำนวน 13 หลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเดียวกัน มูลค่าการถือครองหุ้นหายไป 6 หลักทรัพย์ จาก 1) หลักทรัพย์ที่ถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน 2 หลักทรัพย์ และ 2) นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นออกไป 4 หลักทรัพย์

• เมื่อพิจารณาจากเปลี่ยนแปลงของมูลค่าการถือครองหุ้น ณ สิ้นปี 2566 และ ณ 20 มิถุนายน 2567 โดยจำแนกหลักทรัพย์ออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ 1) หลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองทั้ง 2 จุดเวลา 2) หลักทรัพย์ที่ถูกเพิกถอนระหว่างช่วงเวลาที่ทำศึกษา 3) หลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นออกระหว่างช่วงที่ทำการศึกษา 4) หลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นเพิ่มขึ้นจากหลักทรัพย์จดทะเบียนเข้าซื้อขายใหม่ และ 5) หลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองเพิ่มจากซื้อเพื่อถือครอง พบว่า มูลค่าการถือครองหุ้นที่เปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่มาจากหลักทรัพย์กลุ่มแรกที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหลักทรัพย์นั้นๆ ต่อเนื่องทั้ง 2 จุดเวลาที่ศึกษา ซึ่งหลักทรัพย์กลุ่มนี้มีมูลค่าถือครองหุ้นลดลง 387 พันล้านบาทจากสิ้นปี 2566

• หากพิจารณาผลกระทบของราคาหุ้น (Price Effect) และจำนวนหุ้น (Volume Effect) ต่อ มูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ (Foreign Holding Value) พบว่า 80% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น และอีก 20% เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้นในการถือครอง อันเกิดจากกิจกรรมอื่นๆ อาทิ การเข้าจดทะเบียนซื้อขายของหลักทรัพย์ใหม่, กิจกรรมซื้อขายหลักทรัพย์, กิจกรรม Corporate Actions และการระดมทุนในตลาดรอง ตลอดจนการเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เป็นต้น


รายงานฉบับนี้เป็นรายงานต่อเนื่องจากฉบับที่ผ่านมา (SET Note 7/2567) ที่ได้อธิบายชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับมูลค่าการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศและมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (ตลาดหุ้นไทย) และรายงานฉบับนี้เป็นการศึกษาเชิงเปรียบเทียบการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นปี 2566 และ ณ 20 มิถุนายน 2567 ทั้งในด้านจำนวนหลักทรัพย์ที่ถือครอง มูลค่าการถือครอง ตลอดจนกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย โดยสรุปผลการศึกษาพอสังเขป ดังนี้

*******************
นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทยรวม 4.73 ล้านล้านบาท ลดลง 7.4% จากสิ้นปีก่อน ลดลงในทิศทางเดียวกันกับภาพรวมของตลาดโดย SET Index ลดลง 8.3%
********************
ณ 20 มิถุนายน 2567 มูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทยมีมูลค่ารวม 4.73 ล้านล้านบาท ลดลง 0.38 ล้านล้านบาทจากสิ้นปี 2566 ที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทยรวม 5.11 ล้านล้านบาท หรือลดลง 7.4% จากสิ้นปี 2566 (ภาพที่ 1) ซึ่งลดลงนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับภาพรวมของตลาด กล่าวคือ ในช่วงเวลาเดียวกันมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของทั้งตลาดลดลง 7.7% (ภาพที่ 2) และ SET Index ลดลง 8.3% และจากการที่มูลค่าการถือครองหุ้นลดลงในสัดส่วนที่น้อยกว่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ลดลง ส่งผลให้สัดส่วนมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศต่อมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด เพิ่มขึ้นจาก 29.43% ณ สิ้นปี 2566 มาอยู่ที่ 29.62% ณ 20 มิถุนายน 2567


มูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ ส่วนใหญ่เป็นหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ สังเกตได้จากมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศประมาณ 80.6% เป็นการถือครองหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบดัชนี SET50 (ภาพที่ 3) ดังนั้น มูลค่าการ ถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทยจึงเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับดัชนี SET50 ที่ในช่วงเวลาที่ทำการศึกษาปรับลดลง 7.8% ตามแสดงในตารางที่ 1


ณ 20 มิถุนายน 2567 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทยรวม 847 หลักทรัพย์ เพิ่มขึ้นจาก 823 หลักทรัพย์ หรือเพิ่มขึ้นสุทธิ 24 หลักทรัพย์จากสิ้นปี 2566 โดยส่วนใหญ่ (817 หลักทรัพย์) เป็นหลักทรัพย์เดิมที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองต่อเนื่องทั้ง 2 จุดเวลา (Still Holds) ที่ทำการศึกษา โดยการเปลี่ยนแปลงด้านจำนวนหลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศถือครอง สามารถสรุปได้ตามตารางที่ 2 ดังนี้

1) การถือครองหุ้นที่หายไปจากกลุ่มหลักทรัพย์ที่ถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน (Delist) จำนวน 2 หลักทรัพย์
2) การถือครองหุ้นหายไปจากกลุ่มหลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นออกไป (Sold off) จำนวน 4 หลักทรัพย์
3) การถือครองหุ้นเพิ่มขึ้นในกลุ่มหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนเข้าซื้อขายใหม่ จำนวน 17 หลักทรัพย์ และ
4) การถือครองหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มหลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศเข้าไปซื้อหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนก่อนปี 2567 (New Holds) และถือครองจนถึงวันที่ 20 มิถุนายน 2567 อีก 13 หลักทรัพย์
จากกิจกรรมต่างๆ ข้างต้น ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นเพิ่มขึ้นสุทธิ 24 หลักทรัพย์
***********
มูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศที่ลดลงเป็นผลของการเปลี่ยนแปลงราคาเป็นสำคัญ และการขายสุทธิเป็นส่วนหนึ่งที่กระทบต่อมูลค่าการถือครองหุ้น
***************

ณ 20 มิถุนายน 2567 มูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย อยู่ที่ 4,725.63 พันล้านบาท ลดลง 380.47 พันล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากมูลค่าการถือครองหุ้นของกลุ่มหลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองต่อเนื่องทั้ง 2 จุดเวลา (Still Holds) ที่ทำการศึกษา โดยหลักทรัพย์กลุ่มนี้มีมูลค่าการถือครองหุ้นลดลง 387.57 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม สามารถแยกพิจารณาการเปลี่ยนแปลงมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศตามกลุ่มหลักทรัพย์ต่างๆ

กลุ่มที่ 1 หลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองทั้ง 2 จุดเวลา (Still Holds)
ณ สิ้นปี 2566 นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นในหลักทรัพย์กลุ่มนี้ 817 หลักทรัพย์ รวม 5,101.89 พันล้านบาท โดยตลอดช่วงเวลาที่ทำการศึกษา นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในหลักทรัพย์กลุ่มนี้ 115.22 พันล้านบาท (ประมาณ 2.3% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ) ดังนั้น มูลค่าการถือครองหุ้นควรอยู่ที่ 4,986.67 พันล้านบาท แต่กลับพบว่า


ณ 20 มิถุนายน 2567 มูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศกลับลดลงไปอยู่ที่ 4,714.32 พันล้านบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่ามูลค่าการถือครองหุ้นที่ลดลงนั้น (387.57 พันล้านบาท) มีมูลค่ามากกว่าการขายสุทธิ (115.22 พันล้านบาท) แสดงให้เห็นชัดเจนว่า นอกจากผลกระทบจากการขายสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศแล้ว มูลค่าการถือครองหุ้นยังได้รับผลกระทบจากกิจกรรมอื่นด้วย ซึ่งจะนำเสนอในส่วนต่อไป
กลุ่มที่ 2 หลักทรัพย์ที่ถูกเพิกถอนระหว่างช่วงที่ศึกษา (Delist)
ณ สิ้นปี 2566 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นของ 2 หลักทรัพย์แต่ในช่วงเวลาที่ทำการศึกษา พบว่า หลักทรัพย์ดังกล่าวถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ทั้งนี้ หลักทรัพย์กลุ่มนี้มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 4.19 พันล้านบาท และก่อนเพิกถอนฯ นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิในหลักทรัพย์กลุ่มนี้ 0.01 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม ณ 20 มิถุนายน 2567 จึงไม่มีข้อมูลการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในหลักทรัพย์กลุ่มนี้
กลุ่มที่ 3 หลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นออก (Sold off)
ณ สิ้นปี 2566 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นของ 4 หลักทรัพย์ด้วยมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 0.02 พันล้านบาท และในช่วงเวลาที่ทำการศึกษาหลักทรัพย์ดังกล่าว นักลงทุนต่างประเทศขายหลักทรัพย์กลุ่มนี้ออกไปด้วยมูลค่าขายสุทธิ 0.02 พันล้านบาท ดังนั้น ณ 20 มิถุนายน 2567 จึงไม่มีข้อมูลการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในหลักทรัพย์กลุ่มนี้
กลุ่มที่ 4 หลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองเพิ่มขึ้นจากหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนเข้าซื้อขายใหม่
ในช่วงวันที่ 1 มกราคม 2567 ถึง 20 มิถุนายน 2567 มีหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนเข้าซื้อขายใหม่ในตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ จำนวน 17 หลักทรัพย์ และ ณ วันแรกที่หลักทรัพย์เหล่านี้ซื้อขายในตลาด (first trading day) นักลงทุนต่างประเทศได้เข้าถือครองหลักทรัพย์เหล่านี้ทุกหลักทรัพย์ ด้วยมูลค่าการถือครองรวม 10.99 พันล้านบาท และตลอดช่วงเวลาที่ทำการศึกษานักลงทุนต่างประเทศมีการซื้อสุทธิ 0.29 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม ณ 20 มิถุนายน 2567 นักลงทุนต่างประเทศยังคงมีมูลค่าการถือครองหุ้นในหลักทรัพย์กลุ่มนี้ 10.99 พันล้านบาท
กลุ่มที่ 5 หลักทรัพย์ที่ถือครองเพิ่มจากซื้อเพื่อถือครอง (New Holds) จำนวน 13 หลักทรัพย์
เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ ณ 2 จุดเวลาที่ทำการศึกษา พบว่า ณ 20 มิถุนายน 2567 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นเพิ่มเติม 13 หลักทรัพย์ (หลักทรัพย์เหล่านี้มีการซื้อขายอยู่ในตลาดก่อนปี 2567 แต่นักลงทุนต่างประเทศมีการซื้อและถือครองจนถึง 20 มิถุนายน 2567) และตลอดช่วงเวลาที่ทำการศึกษา นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิในหลักทรัพย์กลุ่มนี้ด้วยมูลค่า 0.06 พันล้านบาท ซึ่ง ณ 20 มิถุนายน 2567 นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นในหลักทรัพย์กลุ่มนี้รวม 0.31 พันล้านบาท แสดงให้เห็นว่านอกจากจะได้รับผลกระทบจากการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศแล้ว หลักทรัพย์กลุ่มนี้ยังได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงราคาและกิจกรรม Corporate Actions อื่นๆ ด้วย
หมายเหตุ: ตลอดช่วงเวลาที่ทำการศึกษา พบว่า 115 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยได้ระดมทุนเพิ่มเติมใน ตลาดรองรวม 235 กิจกรรม ซึ่งทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นจากการระดมทุนในตลาดรอง 104,213.61 ล้านหุ้น และมีมูลค่าระดมทุนรวม 30,396 ล้านบาท ดังนั้น การระดมทุนในตลาดรองนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทั้งนักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างประเทศมีจำนวนหุ้นในการถือครองหุ้นเพิ่มขึ้น

*******************

หากพิจารณาผลกระทบของราคาหุ้นและจำนวนหุ้นต่อมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทยในช่วงเวลาที่ทำการศึกษา พบว่า 80% ของมูลค่าการถือครองหุ้นที่เปลี่ยนแปลงเป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น
**************************
เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบภาพรวมตามภาพที่ 4 ตามแนวนอน พบว่า 446 หลักทรัพย์ถือครองด้วยจำนวนหุ้นลดลงส่งผลให้มูลค่าการถือครองหุ้นลดลง 470,144 ล้านบาท และอีก 355 หลักทรัพย์ถือครองด้วยจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มูลค่าการถือครองหุ้นเพิ่มขึ้น 82,605 ล้านบาท ขณะที่อีก 16 หลักทรัพย์ถือครองด้วยจำนวนหุ้นเท่าเดิมแต่มีมูลค่าการถือครองหุ้นเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจากการเปลี่ยนแปลงราคา
และในการศึกษาเชิงลึก (In-depth study) เพื่อพิจารณาผลกระทบจากราคา (Price Effect) และผลกระทบจากจำนวนหุ้น (Volume Effect) ในแต่ละหลักทรัพย์ (ตามหมายเหตุท้ายการศึกษานี้) ต่อมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศที่เปลี่ยนแปลง จึงพิจารณาเฉพาะกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นเพิ่มขึ้นและกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นลดลงเท่านั้น


จากภาพรวมของเปลี่ยนแปลงของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ (Still Holds) ตามภาพที่ 5 พบว่า ณ 20 มิถุนายน 2567 มูลค่าการถือครองหุ้นลดลงรวม 387,568 ล้านบาท จากสิ้นปี 2566 โดยเป็นผลจาก 1) การเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นที่มีมูลค่ารวมการถือครองหุ้นรวมลดลง 309,015 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 80% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศที่เปลี่ยนแปลง และ 2) 20% เป็นผลของการเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้น ที่มีมูลค่ารวมการถือครองหุ้นรวมลดลง 78,554 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 20% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศที่เปลี่ยนแปลง

หากพิจารณาเฉพาะกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นลดลง พบว่า หลักทรัพย์กลุ่มนี้มีมูลค่าการถือครองหุ้นลดลง 562,167 ล้านบาท พบว่า มูลค่าการถือครองหุ้นส่วนใหญ่ที่ลดลง (487,219 ล้านบาท) เป็นผลจากทั้งจำนวนหุ้นในการถือครองที่ลดลงและราคาที่ลดลง ซึ่งมีสาเหตุสำคัญจากราคาหุ้นของหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ปรับตัวลงมาก การขายสุทธิเพื่อปรับพอร์ต ทั้งจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นกลยุทธ์ การปรับโครงสร้างบริษัทในเครือ การเปลี่ยนแปลงตามการปรับองค์ประกอบใน International Benchmarking Index เป็นต้น

โดยสรุปอาจกล่าวได้ว่า ณ 20 มิถุนายน 2567 นักลงทุนต่างประเทศมีการถือครองหุ้นในจำนวนหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นแต่มูลค่าการถือครองหุ้นลดลง โดยนักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทยรวม 4.73 ล้านล้านบาท ลดลง 7.4% จากสิ้นปีก่อน ลดลงในทิศทางเดียวกันกับภาพรวมของตลาดที่ SET Index ลดลง 8.3% และพบว่า 80% ของมูลค่าการถือครองหุ้นที่เปลี่ยนแปลงเป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงราคา (Price Effect) ขณะที่อีก 20% เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้นจากกิจกรรมอื่นๆ อาทิ การเข้าจดทะเบียนซื้อขายของหลักทรัพย์ใหม่, กิจกรรมซื้อขายหลักทรัพย์, กิจกรรม Corporate Actions และการระดมทุนในตลาดรอง ตลอดจนการเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เป็นต้น

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ดันต่อ By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง วันนี้ หุ้นใหญ่ หน้าเดิม ดันSET ฝ่า 1,200 จุด ต่อ การสลับหน้าที่กันไป ห้วงระหว่างอยู่ ผลการ....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้