Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

654

 

"Earning Play"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "ลุ้นสร้างฐาน" ต้าน 1300/1306 จุด รับ 1281/1275 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯขึ้นต่อเนื่อง นำโดย Tesla รายงานยอดขายงวด 2Q24 +14.8%q-q ดีกว่าคาด ขณะที่ US Bond Yield 10ปี ลดลง -4 bps สู่ 4.43% หลังไม่มีแรงกดดันใหม่ๆ โดยถ้อยแถลงคุณ Powell ประธาน Fed ยังคงเดิม คือ ย้ำ Fed ยังไม่รีบลดดอกเบี้ยจนกว่าจะเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อจะลงสู่เป้าที่ 2% ปัจจัยต่างประเทศวันนี้เป็นบวกเล็กน้อย ส่วนภายในยังย่ำอยู่กับพัฒนาการด้านการเมือง วันนี้ติดตามการพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญในส่วนคดียุบพรรคก้าวไกล ขณะที่คดีคุณสมบัตินายกฯมีกำหนดการสัปดาห์หน้า (10 ก.ค.) แต่ด้วยภาพ SET ที่ถูกขายลดความเสี่ยงจนมีค่า Current และ Forward ERP (Equity Risk Premium) ที่ 3.73% และ 4.39% ใกล้ระดับ Avg – 1 S.D. ที่มักเป็นกรอบค่อยๆฟื้นตัวกรณีไม่มีวิกฤติรุนแรง น่าจะหนุนเม็ดเงินระยะกลาง-ยาวเข้ามา ขณะที่แม้ตลาดจะแกว่งลงวานนี้ แต่ห็นสัญญาณยอด Short คงค้างรายตัว ลดลงเร่งขึ้นถึง 272 บริษัท จากหุ้นที่มียอด Short คงค้างทั้งหมด 443บริษัท เหลือ 403บริษัท ทำให้ SET น่าจะเริ่มสร้างฐานได้ วันนี้แนะนำ : Earning Plays คือ BA, KCE, OSP

 

 

Daily outlook: "ลุ้นสร้างฐาน" ต้าน 1295/1300 จุด รับ 1281/1275 จุด

What happened around the world ?

•(*) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้นรับตัวเลขแรงงานออกมาดี และหนุนจากหุ้น Tesla อิง Dow Jones +0.41%, S&P500 +0.62% ทำ All Time High , Nasdaq +0.84% โดยดัชนี S&P Sector ที่ปรับขึ้นหลักคือกลุ่มConsumer Discretionary, Financials, ICT ฯลฯ โดย Sector ที่ปรับลงหลักๆ คือ กลุ่ม Healthcare จากประเด็น ประธานาธิบดี Biden เรียกร้องให้ลดราคายาลดน้ำหนักและเบาหวาน ฯลฯ โดยหุ้นที่ปรับขึ้น/ลงเด่นๆคือ Tesla +10% หลังรายงานยอดส่งมอบรถยนต์ 2Q24 ที่ 443,956 คัน สูงกว่า Consensus คาดไว้ที่ 4.39 แสนคัน +14.8%qoq บ่งชี้แนวโน้มยอดขายของ Tesla มีสัญญาณฟื้นตัวจากที่ชะลอตัวลงใน 1Q24 จิตวิทยาบวกต่อ KCE , กลุ่ม Semiconductor อาทิ AMD +4% ,ARM Holdings Plc +2% ฯลฯ มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกไทยวันนี้ เน้น KCE, HANA , Paramount Global +5% รับข่าว Barry Diller กำลังพิจารณาเสนอซื้อกิจการ และอยู่ระหว่างการเจรจาขายเครือข่าย Black Entertainment Television

• (+)EU Econ : เงินเฟ้อยุโรป(CPI) เดือน มิ.ย. ขยายตัว 2.5%y-y inline ตลาคคาด และพลิกลดลงอีกครั้งจากเดือนก่อนที่ 2.6% ส่วน Core CPI +2.9% สูงกว่าคาดที่ 2.8% ทำให้ ECB Meeting ครั้งถัดไป 18 ก.ค. น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25% MUFG คาด ECB จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในช่วง ก.ย. 24 โดยรวมดอกเบี้ยที่เป็นขาลงมองบวกเศรษฐกิจยุโรปและบวกต่อหุ้นทีมีรายได้ในยุโรป อาทิ XO(70%ของรายได้รวม), MINT(50%) SHR(40%), IVL (22%) CRC(6%)

• (+) US Labour: ตัวเลขแรงงานเปิดรับสมัครงาน (JOLTS) เดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น 2.21 แสนราย สู่ระดับ 8.14 ล้านราย เพิ่มขึ้นจาก 7.92 ล้านรายในเดือน เม.ย. และมากกว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ 7.96 ล้านราย สะท้อน Demand ในตลาดแรงงานยังสูง อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป็นตัวเลข Lagging Indicator KSS ประเมินตลาดแรงงานยังอยู่ในภาวะสมดุล

•(*) Fed Speaks : คุณ Powell ประธาน Fed กล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองซินตาประเทศโปรตุเกส ยังเน้นย้ำ Fed ยังไม่รีบลดดอกเบี้ยจนกว่าจะเชื่อมั่นได้ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐได้ลดลงสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% อย่างยั่งยืน สุนทรพจน์ดังกล่าวสอดคล้องกับการแสดงความเห็นของคณะกรรมการ Fed ส่วนใหญ่ที่ต้องการให้เงินเฟ้อลดลงสู่ระดับเป้าหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตลาดรับรู้แล้วเราจึงให้น้ำหนักเป็นกลางกับประเด็นนี้

• (*) North korea tension : เกาหลีใต้เปิดเผยได้กลับมาซ้อมรบด้วยกระสุนจริงใกล้กับชายแดนเกาหลีเหนืออีกครั้งเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี หลังจากที่ได้ระงับสนธิสัญญาทางการทหารทวิภาคีที่ลงนามร่วมกันเมื่อปี 2561 KSS มองเป็นจิตวิทยาลบต่อตลาดหุ้นระยะสั้น มองหนุนกระแสการย้ายฐานการผลิตในระยะกลางมายังประเทศที่ไม่มีความขัดแย้ง อาทิ ไทย บวกต่อกลุ่มนิมคม เน้น WHA

•(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 3 ก.ค. ยอดคำสั่งซื้อโรงงาน พ.ค. 24 ตลาดคาด +0.3%y-y 5 ก.ค. ติดตามการจ้างงานนอกภาคเกษตร มิ.ย. คาด +1.88 แสนราย vs prev. 2.72 แสนราย, อัตราการว่างงาน มิ.ย. คาด 4.0% ทรงจาก prev. Fed Minutes: 4 ก.ค. ติดตามรายงานการประชุม FOMC รอบ มิ.ย. CH 3 ก.ค. Caixin PMI ภาคบริการ มิ.ย.

• (*) US Bond Yields & Dollar : แนวระยะสั้นชะลอการขึ้นอายุ 2 ปี -3 bps ลงมาอยู่ที่ 4.74% ส่วนอายุ 10 ปี ปรับลงแรง -4 bps อยู่ที่ 4.43% ขณะที่ Dollar Index ระยะสั้นแนวโน้มแกว่งตัว 105.3+/- จุด

•(*/-) Oil : น้ำมันดิบชะลอการขึ้น Brent -0.42%d-d ปิดที่ US$ 86.24/barrel น้ำมันดิบ West Texas -0.68%d-d ปิดที่ US$ 82.81/barrel

 

 

What happened in Thailand ?

• (-) SET: SET Index แกว่งตัวซึมลงตลอดทั้งวันทำการ ก่อนปิดลบ -10.77 จุด หรือ -0.83% ปิดที่ 1288.58 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (CPF, CBG, SAPPE) กลุ่มแฟชั่น กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA, CCET) จิตวิทยาลบ US Bond Yield 10ปี เร่งขึ้นต่อเนื่อง กลุ่มขนส่ง (AOT) กดดันจากข่าวลบ ครม. รับทราบผลการศึกษายกเลิกพื้นที่ Duty Fee ขาเข้า

• (-) Flow : เงินทุนต่างประเทศไหลออก ขายหุ้น -76.6 ล้านเหรียญฯ เป็นการขาย 28 ใน 29 วันทำการต่อเนื่อง ขายพันธบัตร -79.2 ล้านเหรียญฯ TFEX Net Short -22,265 สัญญา เงินบาทอ่อนค่าสู่ 36.8 +/- บาท

•(*) TH Politic: วันนี้ (3 ก.ค.) การพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล คาดน่าจะมีโอกาสเห็นความชัดเจนวันวินิจฉัยคดี ขณะที่ส่วนคดีคุณสมบัตินายกฯ ศาลนัดพิจารณาอีกครั้ง 10 ก.ค. (สัปดาห์หน้า)

•(*) Cabinet: มติ ครม. / เรื่องสำคัญจากการประชุมวานนี้

ครม.รับทราบแนวทางยกเลิก duty fee ขาเข้า สนามบิน 8 แห่ง ตามข้อเสนอกระทรวงการคลัง หนุนแนวทางเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว และการใช้จ่าย มองเป็นลบต่อ AOT แต่สะท้อนในหุ้นที่ Underperform ตลาด เดือนที่ผ่านมาดิ่งลง –12.8% vs SET -10%
รับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 พ.ศ. .... และเห็นชอบข้อเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 พ.ศ. .... ซึ่งถือเป็นแหล่งเงินสำหรับ โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ตามนโยบายของรัฐบาล คาดเสนอ ครม. อนุมัติ 9 ก.ค. ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฏรในลำดับถัดไป มองจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มอิงกำลังซื้อภายใน อาทิ CPALL, CPAXT, BJC, DOHOME
อนุมัติแผนปรับปรุงการบริหารหนี้สาธารณะครั้งที่ 2 ปี 2024 (2567) ให้รัฐบาลก่อหนี้ใหม่อีก 2.75 แสนล้านบาท vs แผนเดิมที่อนุมัติไปเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 24 แบ่งเป็นการกู้มาใช้โดยตรงรัฐบาล 2.69 แสนล้านบาทให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2024 (2567) ที่เหลือ 3.4 พันล้านบาท สำหรับการให้รัฐบาลกู้และรัฐวิสาหกิจกู้ยืมต่อ ทั้งนี้ หลังปรับปรุง ณ สิ้นปีงบประมาณ หนี้สาธารณะต่อ GDP จะปรับขึ้นสู่ 65.05% จกเดิม 61.29% แต่มองประเด็นเดิมที่ตลาดรับรู้ตั้งแต่ช่วงรัฐบาลของบประมาณส่วนเพิ่มปี 2024 (2567)
นายกฯ เตรียมพิจารณาข้อเสนอกรณีผู้ประกอบการร้านอาหาร ขอให้แก้ไขกฎหมายที่ล้าหลัง เช่น ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารช่วง 14.00-17.00 น. ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2515 มองจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มที่จำหน่าย/บริการสินค้าเชื่อมโยง อาทิ BJC, CBG
• (*/+) Short Sales: หลังจากมาตรการ Uptick Rule มีผลวันที่ 2 วานนี้ในส่วนจำนวนหุ้นที่มียอด Short คงค้างลดลงเหลือจำนวน 403 บริษัท (vs วานนี้ 443 บริษัท) พบว่า ส่วนใหญ่ยอด Short ลดลงจากวันทำการก่อนหน้าที่ 272 บริษัท หุ้นที่ Short เพิ่มขึ้นมีเพียง 21 หุ้น ส่วนหุ้นที่ Short เท่าเดิมอยู่ที่ 110 บริษัท มองการ Short ส่วนใหญ่ที่ลดลง จะช่วยลดความผันผวนจากการ Short Sales เป็นลำดับ จิตวิทยาบวกต่อ SET

• (*/+) To Monitor: 1.) วันนี้ (3 ก.ค.) การพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล คาดน่าจะมีความชัดเจนวันวินิจฉัยคดี 2.) วันที่ 5 ก.ค. เงินเฟ้อ CPI มิ.ย. 24 ตลาดคาด 1.0%y-y vs prev. 1.54% และ 3.) การพิจารณานำกองทุนวายุภักษ์กลับมาเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือช่วยขับเคลื่อนตลาดหุ้น

 

Daily Strategy : BA, KCE, OSP เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "แกว่งในกรอบ" มองแรงหนุนต่างประเทศทางบวกอ่อนๆ US Bond Yield อายุ 10ปี สลับมาอ่อนลง -4 bps หุ้นเทคโนโลยีฟื้นตัวหนุน ส่วนภายในเป็นการรอความชัดเจนการเมือง วันนี้ติดตามกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล มองหุ้นนำวันนี้ 1) กลุ่มคาดรายงานกำไร 2Q24 ดี อาทิ KCE OSP GFPT ADVANC TRUE 2) หุ้น Defensive อาทิ สื่อสาร ร.พ. และ 3) หุ้น Yield ย่อลงหนุน อาทิ ชิ้นส่วน เน้น KCE, HANA โรงไฟฟ้า GULF

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด + เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหนุนอุตสาหกรรมทยอยเข้าสู่ Upgrade Cycle (HANA, SCGP)
กลุ่มภาคผลิตไทย PMI ภาคผลิตไทยอยู่ในระดับขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือนหนุน (GFPT, TU, CBG, SCGP, IVL, STA, NER)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการท่องเที่ยวชุดใหญ่ของรัฐฯ หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, ICHI, AOT, MINT, ERW)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, WARRIX, MTC, MOSHI, KLINIQ)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, GULF, WHA)
กลุ่มได้ประโยชน์เทศกาลฟุตบอลยูโร 2024 (CPALL ADVANC TRUE MINT BJC HMPRO OSP SAPPPE ICHI)

• JULY24 Best Picks: TRUE, CPAXT, GULF, KCE, WHA, MINT, OSP

• 3Q24Stock Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

Tactical & Investment Idea

Research Highlight

 

• Strategy Update : US Election (The first debate)

Debate รอบแรก Biden และ Trump ประเด็นที่หยิบยกขึ้นมา คือ ประเด็นการทำแท้ง, ผู้อพยพต่างชาติและผู้ก่อการร้าย และชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก US-Mexico Broader ฯลฯ ทั้งนี้ ประเด็นทางเศรษฐกิจสำคัญไม่ได้ลงรายละเอียดมาก Trump พูดเน้นเดินหน้าไปที่การลดการขาดดุลค้าและเน้นการขึ้นภาษีกับประเทศอื่นๆ ฯลฯ Biden เน้นประเด็นการขึ้นภาษีผู้ที่มีรายได้สูงและมหาเศรษฐี

กลยุทธ์ KSS ประเมินแนวโนบายคล้ายกับในอดีตยังไม่มีประเด็นใหม่ และยังเหลือระยะเวลาพอสมควรก่อนการ Debate รอบถัดไป 10 ก.ย. 24 รายละเอียดนโยบายต่างๆหรือนโยบายสร้างจุดเปลี่ยนจึงยังสามารถเกิดขึ้นได้เพิ่มเติม ทำให้ยังมีความไม่แน่นอนจากประเด็นการเลือกตั้งใหญ่สหรัฐฯ กอปรกับ เศรษฐกิจสหรัฐฯที่เริ่มอ่อนลง และ Valuation สหรัฐฯที่ตึงตัว ประเมินงวด 3Q24 ก่อนเลือกตั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯมีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบรอความชัดเจน

ส่วนกระแสเชิงบวกต่อหุ้นต่างๆ เราคาดตลาดให้น้ำหนัก ดังนี้ การเดินหน้าสงครามการค้าและเทคโนโลยีกับจีน ทำให้ยังคงมุมมองบวกกระแสในประเด็นดังกล่าวก่อนการเลือกตั้ง จะหนุนตลาดเก็งหุ้นกลุ่มนิคมในระยะกลาง – ยาว เน้น WHA กลุ่มส่งออกชิ้นส่วน เน้น KCE, HANA อาหาร เน้น CPF, GFPT ทั้งนี้ หาก Trump ชนะการเลือกตั้งมองหุ้นที่ได้ผลประโยชน์บวกจากเศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้น อาทิ จากมาตรการลด Corporate Tax บวกต่อ IVL PTTGC ระยะสั้นก่อนจะเห็นภาพว่าผู้สมัครจะมีโอกาสชนะเลือกตั้งสูง ยังให้เน้นกลุ่มที่เกาะกระแสนโยบายทั้งสองฝ่ายในส่วนสงครามการค้าและเทคโนโลยี เน้น WHA, KCE, HANA, CPF, GFPT

• Strategy Update : ThaiESG 2024 ต่อ SET Index

รัฐบาลมีแผนปรับเงื่อนไขสิทธิประโยชน์จากกองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG ใหม่ โดยปรับเงื่อนไขให้สิทธิซื้อเพิ่มลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้นทั้งเม็ดเงิน และสัดส่วนเทียบกับฐานรายได้ ผสาน ระยะเวลาลงทุนสั้นลง KSS คาดว่าฐานเม็ดเงินที่เข้าสู่กองทุน ThaiESG รอบนี้ จะสูงราว 7.8 หมื่นล้านบาทต่อปี ขณะที่ SET ณ ปัจจุบัน ยังอยู่ใน Value Zone น่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนเชิงบวกตลาดหุ้นไทยนับจากนี้.

เชิงกลยุทธ์ : โดยรวม KSS ประเมินเป็น "บวก" ต่อตลาดหุ้นไทยคล้ายสมัยมาตรการลดหย่อนภาษีผ่านกองทุน LTF ในอดีต เนื่องจากเป็นการเสริมสภาพคล่องของเงินลงทุนระยะยาวในประเทศให้กลับมาแข็งแรงขึ้น กลยุทธ์แนะลงทุนในหุ้นใน SETESG ที่มีคุณสมบัติราคาลงแรงกว่า SET -6.6%YTD ได้แก่ BTS SCC, CRC, IVL, PTTGC, CPN, BBL, HMPRO และกลุ่มที่มีน้ำหนัก (Weight) ใน ESG สูง ได้แก่ GULF AOT, MTC, CPALL, GPSC

• Strategy Update : Time to Invest

ทีมกลยุทธ์ออกรายงาน Strategy Update "Time to invest" มอง SET Index โซนปัจจุบันให้ Current ERP ที่ 3.6% เป็นโซนลงทุน และมองใกล้ระดับจุดกลับตัว มองหุ้นน่าลงทุน 1) กลุ่มให้ Dividend สูง 2) กลุ่มที่ Underperform และมีส่วนลดทางพื้นฐานสูง

Key Ideas:

• SET Index ในปี 2024 ยัง "Underperform" ตลาดหุ้นโลกต่อเนื่องจากปี 2023 โดย YTD ปรับตัวลดลง -8.6% โดยการปรับตัวลดลงเร่งขึ้นในระยะหลังจากปัญหาความไม่ชัดเจนการเมือง

• อิงกลไก Equity Risk Premium (ERP) คือ ส่วนต่างผลตอบแทนระหว่าง Earnings Yield และ Bond Yield อิงระดับ Current EPS ปัจจุบันที่ราว 83 บาทต่อหุ้น และ Forward EPS ที่ 92 บาท ที่ระดับ Index โซน 1350-1300 จุด ถือเป็นจุดน่าสนใจสำหรับการวางสถานะลงทุนระยะกลาง-ยาว อิงระดับดัชนีปัจจุบัน Current และ Forward ERP นั้นสูงในระดับ 3.6%-4.22% สูงกว่า Avg 3.09% ขณะที่หาก Current ERP สูงเกินกว่าระดับ + 1 S.D. (4.09%) vs ปัจจุบันอยู่ที่ 3.6% ใกล้ระดับ +1 S.D. ที่เป็นจุดกลับตัวของตลาด

• จากการศึกษา Back test ย้อนหลัง 20 ปี พบว่า Current ERP แตะระดับดังกล่าว 7 ครั้งในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา พบว่า SET จะกลับมาให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ยทุกครั้งในระยะกลาง กล่าวคือ จากนั้น 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน และ 1 ปี SET ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 0.7%, 4.4% 9.9% และ 20.6% ด้วยความน่าจะเป็น 57%, 43%, 72% และ 86% ตามลำดับ

• มุมมองเม็ดเงินลงทุนระยะสั้นนักลงทุนต่างชาติ รอบล่าสุดที่เข้ามาคือ เริ่มตั้งแต่ช่วง เม.ย. 21 ซึ่งซื้อสะสมรวมถึงจุดสูงสุดช่วงราว มี.ค. 23 ด้วยเม็ดเงินรวม 2.85 แสนล้านบาท ขณะที่หลังจากนั้นเป็นการขายต่อเนื่องถึงปัจจุบัน นับถึงวานนี้ พบว่า เม็ดเงินดังกล่าวไหลออกจาก SET ไปกว่า 3แสนล้านบาทแล้ว บ่งชี้แรงขาย ของนักลงทุนต่างชาติจากจุดนี้น่าจะลดลงเป็นลำดับ

• มาตรการ Uptick ใกล้มีผล เดือน กค 2024 น่าจะลดความผันผวนฝั่ง "Short Sell" ได้บ้าง

กลยุทธ์ คำแนะนำสำหรับผู้ลงทุนระยะกลาง-ยาว ทยอยสะสมหุ้นในจุดที่มี Margin of Safety สูง ใน 2 Theme เด่น

1.) Dividend Plays ที่ธุรกิจมีความมั่นคง ให้ผลตอบแทน Div. Yield มากกว่าปีละ 4% (vs Policy Rate 2.5%) ได้แก่ SCB AP ICHI PTT BBL INTUCH ADVANC HMPRO BJC WHA TU

2.) หุ้นในกลุ่มที่ Underperform กว่าตลาด (SET YTD ปรับตัวลดลง -8.6%) แต่พื้นฐานระยะกลาง-ยาวยังแข็งแกร่ง Valuation มีส่วนลด PBV24F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย >20% ได้แก่ BTS IVL LH HMPRO KCE PTTGC GPSC HANA GULF

 


•DOHOME (Buy, TP12.3): เราคาดกำไรสุทธิ 2Q24F ของ DOHOME ที่ 202 ลบ.(+412%y-y แต่ -17%q-q) โดย y-yโตแรงสุดในกลุ่มค้าปลีกที่เราศึกษาตามอัตรากำไรขั้นต้นที่จะปรับขึ้นเด่นเป็น 17.5% (vs 14.0% ใน2Q23) เกิดจากไม่มีระบายสต็อคสูงเหมือนปีก่อนและการบริหารและจัดการสินค้าที่ดีขึ้น ในขณะที่ SSSG คาดจะติดลบเหลือ -6% จาก -10%ใน 1Q24 ตามการฟื้นตัวคำสั่งซื้อขายงานหลังบ้าน ทั้งนี้ จากการเบิกจ่ายงบประมาณรัฐที่คาดจะเร่งขึ้นในช่วงที่เหลือ เราคาด SSSG 2H24F จะเป็นบวกอีกครั้งและยังคงคาดกำไรทั้งปี 24F ที่ 1.06 พันลบ. +98%y-y สูงสุดในกลุ่ม Home improvement จึงคงคำแนะนำ BUY

•SIRI (Buy, TP2.2): มุมมอง slightly positive ต่อ 2Q24F presale ที่ราว 10.5 พันลบ. (+5% y-y, +10% q-q) เพราะโตได้ y-y, q-q สวนทางกลุ่มฯ โดยส่วนสนับสนุนการโตส่วนหนึ่งมาจากการเปิดโครงการใหม่อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการขาย low-rise ใน segment บน ยังทำได้ดี ทั้งนี้ 1H24F presale คาดที่ 20.1 พันลบ. (+11% y-y) คิดเป็น 45% ของเป้า 2024F presale ที่ 45.0 พันลบ. (+20% y-y) ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ ทั้งนี้เราคาดผลประกอบการ 2Q24F ยังดี โดยคาด Norm. profit ที่ราว 1.1-1.2 พันลบ. ทรงตัว y-y, โตเล็กน้อย q-q สำหรับแผนธุรกิจใน 2H24F ที่ยัง aggressive ทำให้มีโอกาสสูงที่ประมาณการ Norm. profit ปี 2024F ของเราที่ 4.7 พันลบ. จะมี upside 5-10% ตามแนวโน้มการโอนที่ดีกว่าคาด และทำให้ Norm. profit ปี 2024F มีแนวโน้มใกล้เคียงปีก่อน (ที่ 5.1 พันลบ.) เราคง BUY ที่ TP24F ที่ 2.20 บาท มอง story ใน 2H24F ยังดีกว่าบริษัทอื่นในกลุ่มฯ รวมถึง business direction ปี 2H24F ที่ยังถือว่า aggressive กว่าคู่แข่ง ทำให้มีโอกาสเพิ่ม market share ได้ต่อเนื่อง

•TU (Trading Buy, TP17): มุมมอง "Neutral" ต่อประเด็นการจำหน่ายหุ้นซื้อคืนจำนวน 200 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.19% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด ภายใต้โครงการซื้อหุ้นคืนเมื่อปี 2023 เนื่องจาก i) ต้นทุน 14.88 บ. สูงกว่าราคาตลาด ii) ระยะเวลาการจำหน่ายสั้นเพียง 5 วันทำการ ตั้งแต่ 8-12 ก.ค.24 จึงมองว่ามีโอกาสที่บริษัทจะตัดหุ้นลดทุน เช่นเดียวกับที่เคยปฏิบัติกับโครงการก่อนหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ EPS และ TP เพิ่มขึ้นราว 4% ทั้งนี้ระยะเวลาการลดหุ้นมีเวลาไม่เกิน 3 ปี (ภายใน 26 พ.ค.26) สำหรับในเชิงปัจจัยพื้นฐานราคาทูน่าเดือน มิ.ย.24 อยู่ที่ 1,580เหรียญ/ตัน (+6.8%m-m) มองเป็นปัจจัยบวกใน 3Q24F เพราะมี Lag time รับอานิสงส์เชิงบวกต่อราคาขาย OEM ก่อนที่ จะรับรู้ราคาดังกล่าวเป็นต้นทุนในธุรกิจแบรนด์ในช่วงปลายปี จึงคงคำแนะนำ Trading buy TP24F 17.00 บ.

•Aviation (Neutral): เรามอง Slightly Positive ยอดนักท่องเที่ยวสัปดาห์ที่ 26/24 เริ่มกลับมาฟื้น w-w จากการเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวยุโรป และสัปดาห์ถัดไปคาดเพิ่ม w-w ต่อเนื่องจากปัจจัยบวกการท่องเที่ยวตามรอย MV ของลิซ่า เรายังคงน้ำหนัก Bullish กลุ่มการบิน คาดกำไรปี 24F ฟื้นเด่น และราคาหุ้นอยู่ในโซนไม่แพง ยังเลือก BA (Buy, TP 24.25) เป็นหุ้น Top pick กลุ่มฯ และเลือก AOT (Buy, TP 68) เป็นตัวรอง

 

3Q24F Equity Outlook : The strong get stronger, the weak get less weak

Stock Best Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA

Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ดันต่อ By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง วันนี้ หุ้นใหญ่ หน้าเดิม ดันSET ฝ่า 1,200 จุด ต่อ การสลับหน้าที่กันไป ห้วงระหว่างอยู่ ผลการ....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้