Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

538



"Selective Play"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Rebound" ต้าน 1305/1310 จุด รับ 1295/1290 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัว นำโดยหุ้นฝั่งสินค้าฟุ่มเฟือยและเทคโนโลยี PMI ภาคผลิต (ISM) มิ.ย. 24 อ่อนตัวลงต่อเนื่อง 4 เดือนติด นำโดยดัชนีราคาที่ชะลอ บ่งชี้เงินเฟ้อคาดอ่อนลง ขณะที่ ราคาน้ำมันกลับมาดีดตัวเฉียด 2% มองปัจจัยต่างประเทศเป็นบวกอ่อนๆ ต่อไทย (หุ้นพลังงานต้นน้ำ 10-11% ของมูลค่าตลาด) ภายในสัญญาณการฟื้นตัว GDP ตั้งแต่ 2Q24 ชัดเจนขึ้น 1) PMI ภาคผลิต อยู่ในระดับขยายตัว 2 เดือนติด พ.ค. 24 อยู่ที่ 51.7 จุด 2) การเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐฯ สิ้นสุด มิ.ย. เบิกจ่ายได้แล้ว 36.7% vs เม.ย. ที่งบมีผล 14.6% เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเดือนละ 11% มองสิ้นปีงบประมาณจะแตะระดับเป้าหมายรัฐฯที่ใกล้ๆ 70% ได้ ขณะที่การเริ่มใช้มาตรการ Uptick วันแรก พบว่า จำนวนหุ้นที่มีสถานะ Short Sales ล่าสุด 448 หุ้น ส่วนใหญ่ 419 หุ้นไม่มีการ Short เพิ่ม สะท้อนความผันผวนจากการ Short ลดลง มอง SET วันนี้ Rebound หุ้นนำ คือ กลุ่มพลังงานต้นน้ำ, กลุ่มเกาะองค์ประกอบเศรษฐกิจภายในที่ดูเด่นขึ้นชัดเจนใน 2Q24 (ภาคผลิต, งบรัฐ) กลุ่มราคาก๊าซโลกลดลงหนุน (ไฟฟ้า) วันนี้แนะนำ : GULF, TOP, KCE


Daily outlook: "Rebound" ต้าน 1305/1310 จุด รับ 1295/1290 จุด

What happened around the world ?

•(*) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัวเล็กน้อย Dow jones 0.13% S&P500 0.27%, Nasdaq 0.81% โดยดัชนี S&P Sector ที่ปรับขึ้นหลักคือกลุ่ม IT, Consumer discretionary, Financials, ICT ฯลฯ โดย Sector ที่ปรับลงหลักๆ คือ Materials, Industrials, Realestate ฯลฯ โดยหุ้นที่ปรับขึ้น/ลงเด่นๆคือ Tesla +6%, Apple +2.9%, Boeing +2.58%

•(*/-) US Econ : ตัวเลข PMI ภาคการผลิตยังให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกัน โดย PMI ภาคการผลิตจาก S&P Global ปรับขึ้นสู่ระดับ 51.6 จาก 51.3 ในเดือน พ.ค. บ่งชี้กิจกรรมการผลิตของสหรัฐขยายตัวต่อเนื่องแต่ตัวเลข PMI ภาคผลิต(ISM)เดือน มิ.ย. ลดลงติดต่อกัน 3 เดือนติดอยู่ที่ 48.5 จุด ต่ำสุดในรอบ 3 เดือนและต่ำกว่า ตลาดคาด 49.2 จุด (คิดเป็นค่าเฉลี่ยของ S&P กับ ISM = 50 พอดีสะท้อนภาพรวมของกิจกรรมเศรษฐกิจสหรัฐยังขยายตัว)

• (+) ASIA PMI : PMI ประเทศในเอเชียออกมาดีในทางเดียวกัน และเหนือ 50 จุด อาทิ ไต้หวัน PMI ภาคการผลิตขยายตัวสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี เดือน มิ.ย. อยู่ที่ 53.2 จุด , เกาหลีใต้ PMI การผลิต เดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นสูงที่สุดตั้งแต่ เม.ย. 2023 อยู่ที่ 52.0 จุด ,เวียดนาม ภาคการผลิตปรับตัวขึ้นมากที่สุดตั้งแต่ พ.ย.2018, จีน Caixin Manufacturing PMI เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 ที่ 51.8 จุด สูงสุดในรอบ 3 ปี มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นอิงภาคผลิต อาทิ กลุ่ม กระดาษและผลิตภัณฑ์ เน้น SCGP กลุ่มอาหาร เน้น GFPT กลุ่มเครื่องดื่มเน้น OSP, ICHI กลุ่มเคมีภัณฑ์ IVL, PTTGC

• (+) S. Korea Export : ยอดส่งออกเกาหลีใต้ เดือน มิ.ย. บวกเดือนที่ 9 ติดต่อกัน โดยหมวด การส่งออก Semiconductors มูลค่า $13.42 Billion ทำ All Time High +50.9%y-y ส่งออกจอแสดงผลและคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้น +26.1% และ +58.8% KSS ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่ม Semiconductor และกลุ่มชิ้นส่วนไทย เน้น KCE, HANA

•(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 3 ก.ค. ยอดคำสั่งซื้อโรงงาน พ.ค. 24 ตลาดคาด +0.3%y-y 5 ก.ค. ติดตามการจ้างงานนอกภาคเกษตร มิ.ย. คาด +1.88 แสนราย vs prev. 2.72 แสนราย, อัตราการว่างงาน มิ.ย. คาด 4.0% ทรงจาก prev. Fed Minutes: 4 ก.ค. ติดตามรายงานการประชุม FOMC รอบ มิ.ย. CH 3 ก.ค. Caixin PMI ภาคบริการ มิ.ย.

• (*) US Bond Yields & Dollar : แนว ระยะสั้นแกว่งตัวในทิศทางขาขึ้นอายุ 2 ปี +2 bps ลงมาอยู่ที่ 4.76% ส่วนอายุ 10 ปี ปรับขึ้นแรง +6 bps อยู่ที่ 4.47% สูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ตลาดคาดทรัมป์มีโอกาสชนะการเลือกตั้งและมีความเป็นไปได้ที่จะครองเสียงข้างมากได้ทั้ง 2 สภา กดดันให้มีการใช้งบประมาณขาดดุลจำนวนมาก รวมถึงผลกระทบการใช้นโยบายกีดกันการค้าต่อเงินเฟ้อ ขณะที่ Dollar Index ระยะสั้นแนวโน้มแกว่งตัว 105.4+/- จุด

•(+) Oil : น้ำมันดิบ Brent +1.88%d-d ปิดที่ US$ 86.6/barrel น้ำมันดิบ West Texas +2.26%d-d ปิดที่ US$ 83.38/barrel แรงหนุนมาจาก 1.) ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง 2.) ช่วงฤดูพายุเฮอริเคนทำให้เกิดความเสี่ยงต่อ supply น้ำมันในอ่าว Mexico มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อ SET index และบวกต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP

•(+) BDI : ดัชนีค่าระวางเรือ BDI +5.27%d-d ปิดที่ 2158 จุด มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหถ้นเรือเทกอง อาทิ TTA, PSL

(+) Gas : ราคาก๊าซธรรมชาติเมื่อวานปรับลงแรง NYMEX -4.7%d-d ปิดที่ US$2.48/MMBtu เช่นเดียวกับราคาก๊าซในฝั่งยุโรป อิง (Netherland TTF) -2.8%d-d ล่าสุดอยู่ที่ 33.4 ยูโรต่อเมกะวัตต์ หลักๆมาจาก ล่าสุด พายุโซนร้อนในอ่าวเม็กซิโก และหน้าร้อนในฝั่งยุโรปทำให้คาดการณ์ Demand ลดลง KSS มองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นในวันนี้คือ 1.)หุ้นที่ธุรกิจเชื่อมโยงในยุโรป อาทิ XO SHR MINT IVL CRC 2.)หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนจากก๊าซ อาทิ GULF, BGRIM, GPSC

 

What happened in Thailand ?

• (*/+) SET: SET Index วานนี้เคลื่อนไหวในกรอบ ก่อนปิดปรับตัวลดลง -1.61 จุด หรือ -0.12% ปิดที่ 1299.35 จุด สวนทางตลาดหุ้นเอเชียเหนือที่ปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ กลุ่มหนุน คือ กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE) มองโมเมนตัมมุมมองเชิงบวกตลาดต่อภาพ Upcycle อุตสาหกรรมหนุนต่อเนื่องตามที่นักวิเคราะห์พื้นฐาน KSS ประเมิน กลุ่มพลังงาน (EA, TOP) EA มาจากการแถลงข่าวให้ความชัดเจนประเด็นต่างๆ ของผู้บริหาร ส่วน TOP มองขับเคลื่อนจากค่าการกลั่นที่มีแรงหนุน Driving Season กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มขนส่ง (AOT) ยังเผชิญแรงกดดันต่อเนื่อง จากผลกระทบพื้นที่เชิงพาณิชย์ลดลง ทั้งจากการปรับปรุงพื้นที่เพิ่มคุณภาพบริการและแผนที่รัฐฯตัดพื้นที่ Duty Fee ขาเข้า กลุ่มการแพทย์ (BDMS, BH) มองเริ่มมีความกังวลผลประกอบการช่วง 2Q24 อ่อนตัวตามฤดูกาล

• (*/-) Flow : เงินทุนต่างประเทศไหลออก ขายหุ้น +9.2 ล้านเหรียญฯ เป็นการซื้อครั้งแรกในรอบ 28 วันทำการต่อเนื่อง ขายพันธบัตร -114 ล้านเหรียญฯ TFEX Net Long 1,984 สัญญา เงินบาททรงตัว 36.7 +/- บาท

• (*) TH PMI: ดัชนี PMI ภาคผลิต มิ.ย. 24 ปรับตัวขึ้นสู่ 51.7 จุด เป็นการขยายตัว 3 เดือนติด และเป็นระดับสูงสุด นับจาก ก.ค. 23 เป็นสัญญาณบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่ทุกฝ่ายคาดว่าจะเห็นการเร่งตัวขึ้นของ GDP ตั้งแต่ 2Q24 และหุ้นในกลุ่มอิงภาคผลิต อาทิ SCGP, GFPT, KCE, HANA, OSP

• (*/+) TH Tourism: อิงข้อมูลสำนักตรวจคนเข้าเมือง นักท่องเที่ยวระหว่างเดินทางเข้าไทยวันที่ 1 ม.ค. -30 มิ.ย. ปัจจุบันสูงราว 17.5 ล้านคน คิดเป็น 88.3% ของนักท่องเที่ยวช่วง Pre COVID ช่วง 1H19 ผสาน ตั้งแต่ 1 ก.ค. มาตรการฟรี วีซ่าจะมีผลครอบคลุมราว 40% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด รวมถึงช่วงครึ่งปีหลังมักจะเห็นยอดนักท่องเที่ยวสูงกว่าครึ่งปีแรก นักท่องเที่ยว อิงข้อมูลปี 2019 งวด 2H19 มีสัดส่วนราว 50.4% ของนักท่องเที่ยวทั้งปี ผสาน กระแสการกระตุ้นช่วงนอกฤดูกาล อาทิ คุณลิซ่าถ่ายทำ MV เพลง Rockstar ที่ ถ.เยาวราช (ล่าสุด 57 ล้านวิวทาง Youtube) กระแสรัฐฯเตรียมใช้ Mascot ไทยที่ได้รับความนิยมสูง อาทิ ลาบูบู้ (สวมชุดไทย) หมีเนย (Butterbear) ช่วยดึงดูด เชื่อว่านักท่องเที่ยวปี 2024F ยังไม่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายที่ตลาดมองปัจจุบันที่ 35.5-36 ล้านคน ยังมองเป็นโอกาสสะสม เน้น AOT, ERW, MINT

•(*/-) TH Politic: ประธานศาลรัฐธรรมนูญ คาดคดียุบพรรคก้าวไกล และ คุณสมบัตินายกฯ น่าจะมีการพิจารณาแล้วเสร็จก่อน ก.ย. 24 เรามองเป็นจิตวิทยาลบอ่อนๆ ต่อตลาดที่กำลังรอความชัดเจนในประเด็นดังกล่าว ซึ่งอาจใช้เวลาลากยาวออกไป ทั้งนี้ ระยะสั้นติดตามกำหนดการพิจารณาคดีพรรคก้าวไกล 3 ก.ค. ส่วนคุณสมบัตินายกฯ 10 ก.ค. นี้

•(*/-) TH Annual Budget Disbursement: ยอดเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2024 (2567) วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท อัพเดทถึง 30 มิ.ย. 24 เบิกจ่ายแล้วทั้งสิ้น 2.42 ล้านล้านบาท คิดเป็น 69.5% vs สิ้นสุด 30 เม.ย. ที่งบประมาณประกาศลงราชกิจจานุเบกษาที่ 48.1% แบ่งเป็น

ส่วนงบรายจ่ายประจำวงเงิน 2.75 ล้านล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 2.15 ล้านล้านบาท เบิกจ่าย 78.1% vs สิ้นสุด 30 เม.ย. ที่งบประมาณประกาศลงราชกิจจานุเบกษาที่ 57.9%
ส่วนของงบลงทุน วงเงิน 7.23 แสนล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 2.65 แสนล้านบาท คิดเป็น 36.7% vs สิ้นสุด 30 เม.ย. ที่งบประมาณประกาศลงราชกิจจานุเบกษาที่ 14.6%
KSS มองมีโอกาสที่งบประจำจะเบิกจ่ายได้ครบ งบลงทุนคาดจะภาพเร่งในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีงบเฉลี่ยเดือนละ 10-12% (vs 6 เดือนแรกของปีงบประมาณที่เบิกจ่ายงบลงทุนได้เพียง 14.6%) คาดเป็นส่วนสำคัญหนุนการฟื้นตัว GDP ไทยช่วงที่เหลือของปี มองบวกต่อหุ้นอิงงบประมาณรัฐฯ อาทิ กลุ่มรับเหมา เน้น STEC กลุ่มจำหน่ายสินค้าก่อสร้าง เน้น DOHOME กลุ่ม Digital Tech ที่สถานการณ์แย่งงานจะดีขึ้นเป็นลำดับ

• (*/+) Short Sales: หลังจากมาตรการ Uptick Rule มีผลวันแรก วานนี้ในส่วนจำนวนหุ้นที่มียอด Short คงค้างจำนวน 443 บริษัท พบว่า ส่วนใหญ่ยอด Short ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันทำการก่อนหน้าที่ 419 บริษัท หุ้นที่ Short เพิ่มขึ้นมีเพียง 24 หุ้น ส่วนหุ้นที่ Short ลดลงไม่เปลี่ยนแปลง สะท้อนตลาดมีการทยอยปรับสถานะตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้ว ขณะที่การ Short เพิ่มที่เหลือน้อย มองช่วยลดความผันผวนจากการ Short Sales เป็นลำดับ จิตวิทยาบวกต่อ SET

• (*/+) To Monitor: 1.) ต้นสัปดาห์ ติดตามความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะสั้นมองเน้นไปที่ การท่องเที่ยว (AOT) บริโภค (CPALL, DOHOME) อสังหา (AP, SIRI) คาดมีโอกาสรัฐบาลจะกล่าวถึงในช่วงประชุม ครม. นอกจากนี้ ติดตามการพิจารณาอนุมัติมาตรการ Digital Wallet 2.) 3 ก.ค. การพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล คาดน่าจะมีความชัดเจนวันวินิจฉัยคดี 5 ก.ค. เงินเฟ้อ CPI มิ.ย. 24 ตลาดคาด 1.0%y-y vs prev. 1.54% และ 3.) การพิจารณานำกองทุนวายุภักษ์กลับมาเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือช่วยขับเคลื่อนตลาดหุ้น

 

Daily Strategy : TOP, GULF, KCE เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Rebound" มองแรงหนุนต่างประเทศทางบวกอ่อนๆ สัญญาณเงินเฟ้อสหรัฐฯอ่อนลง PMI ภาคผลิต (ISM) ลดลงอยู่ในระดับหดตัว 2 เดือนติด โดยมีดัชนีราคาอ่อนลงเป็นส่วนประกอบที่นำลง ผสาน ราคาน้ำมันวานนี้ +2% ส่วนภายในสัญญาณการฟื้นตัว GDP งวด 2Q24F ชัดเจนขึ้นในฝั่งภาคผลิตและงบลงทุนรัฐฯที่ดูเร่งขึ้น มองหุ้นนำวันนี้ 1) หุ้นพลังงานต้นน้ำ เน้น TOP, SPRC 2) หุ้นเกาะองค์ประกอบเศรษฐกิจภายในฟื้นตัวดูเร่งขึ้น ภาคผลิต KCE, HANA, GFPT, CPF, TU, OSP 3) หุ้นที่ได้ประโยชน์ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวลดลงต่อเนื่อง อาทิ GULF

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด + เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหนุนอุตสาหกรรมทยอยเข้าสู่ Upgrade Cycle (HANA, SCGP)
กลุ่มภาคผลิตไทย PMI ภาคผลิตไทยอยู่ในระดับขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือนหนุน (GFPT, TU, CBG, SCGP, IVL, STA, NER)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการท่องเที่ยวชุดใหญ่ของรัฐฯ หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, ICHI, AOT, MINT, ERW)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, WARRIX, MTC, MOSHI, KLINIQ)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, GULF, WHA)
กลุ่มได้ประโยชน์เทศกาลฟุตบอลยูโร 2024 (CPALL ADVANC TRUE MINT BJC HMPRO OSP SAPPPE ICHI)

• JULY24 Best Picks: TRUE, CPAXT, GULF, KCE, WHA, MINT, OSP

• 3Q24Stock Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

Tactical & Investment Idea /Research Highlight


• Strategy Update : US Election (The first debate)

Debate รอบแรก Biden และ Trump ประเด็นที่หยิบยกขึ้นมา คือ ประเด็นการทำแท้ง, ผู้อพยพต่างชาติและผู้ก่อการร้าย และชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก US-Mexico Broader ฯลฯ ทั้งนี้ ประเด็นทางเศรษฐกิจสำคัญไม่ได้ลงรายละเอียดมาก Trump พูดเน้นเดินหน้าไปที่การลดการขาดดุลค้าและเน้นการขึ้นภาษีกับประเทศอื่นๆ ฯลฯ Biden เน้นประเด็นการขึ้นภาษีผู้ที่มีรายได้สูงและมหาเศรษฐี

กลยุทธ์ KSS ประเมินแนวโนบายคล้ายกับในอดีตยังไม่มีประเด็นใหม่ และยังเหลือระยะเวลาพอสมควรก่อนการ Debate รอบถัดไป 10 ก.ย. 24 รายละเอียดนโยบายต่างๆหรือนโยบายสร้างจุดเปลี่ยนจึงยังสามารถเกิดขึ้นได้เพิ่มเติม ทำให้ยังมีความไม่แน่นอนจากประเด็นการเลือกตั้งใหญ่สหรัฐฯ กอปรกับ เศรษฐกิจสหรัฐฯที่เริ่มอ่อนลง และ Valuation สหรัฐฯที่ตึงตัว ประเมินงวด 3Q24 ก่อนเลือกตั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯมีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบรอความชัดเจน

ส่วนกระแสเชิงบวกต่อหุ้นต่างๆ เราคาดตลาดให้น้ำหนัก ดังนี้ การเดินหน้าสงครามการค้าและเทคโนโลยีกับจีน ทำให้ยังคงมุมมองบวกกระแสในประเด็นดังกล่าวก่อนการเลือกตั้ง จะหนุนตลาดเก็งหุ้นกลุ่มนิคมในระยะกลาง – ยาว เน้น WHA กลุ่มส่งออกชิ้นส่วน เน้น KCE, HANA อาหาร เน้น CPF, GFPT ทั้งนี้ หาก Trump ชนะการเลือกตั้งมองหุ้นที่ได้ผลประโยชน์บวกจากเศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้น อาทิ จากมาตรการลด Corporate Tax บวกต่อ IVL PTTGC ระยะสั้นก่อนจะเห็นภาพว่าผู้สมัครจะมีโอกาสชนะเลือกตั้งสูง ยังให้เน้นกลุ่มที่เกาะกระแสนโยบายทั้งสองฝ่ายในส่วนสงครามการค้าและเทคโนโลยี เน้น WHA, KCE, HANA, CPF, GFPT

• Strategy Update : ThaiESG 2024 ต่อ SET Index

รัฐบาลมีแผนปรับเงื่อนไขสิทธิประโยชน์จากกองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG ใหม่ โดยปรับเงื่อนไขให้สิทธิซื้อเพิ่มลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้นทั้งเม็ดเงิน และสัดส่วนเทียบกับฐานรายได้ ผสาน ระยะเวลาลงทุนสั้นลง KSS คาดว่าฐานเม็ดเงินที่เข้าสู่กองทุน ThaiESG รอบนี้ จะสูงราว 7.8 หมื่นล้านบาทต่อปี ขณะที่ SET ณ ปัจจุบัน ยังอยู่ใน Value Zone น่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนเชิงบวกตลาดหุ้นไทยนับจากนี้.

เชิงกลยุทธ์ : โดยรวม KSS ประเมินเป็น "บวก" ต่อตลาดหุ้นไทยคล้ายสมัยมาตรการลดหย่อนภาษีผ่านกองทุน LTF ในอดีต เนื่องจากเป็นการเสริมสภาพคล่องของเงินลงทุนระยะยาวในประเทศให้กลับมาแข็งแรงขึ้น กลยุทธ์แนะลงทุนในหุ้นใน SETESG ที่มีคุณสมบัติราคาลงแรงกว่า SET -6.6%YTD ได้แก่ BTS SCC, CRC, IVL, PTTGC, CPN, BBL, HMPRO และกลุ่มที่มีน้ำหนัก (Weight) ใน ESG สูง ได้แก่ GULF AOT, MTC, CPALL, GPSC

• Strategy Update : Time to Invest

ทีมกลยุทธ์ออกรายงาน Strategy Update "Time to invest" มอง SET Index โซนปัจจุบันให้ Current ERP ที่ 3.6% เป็นโซนลงทุน และมองใกล้ระดับจุดกลับตัว มองหุ้นน่าลงทุน 1) กลุ่มให้ Dividend สูง 2) กลุ่มที่ Underperform และมีส่วนลดทางพื้นฐานสูง

Key Ideas:

• SET Index ในปี 2024 ยัง "Underperform" ตลาดหุ้นโลกต่อเนื่องจากปี 2023 โดย YTD ปรับตัวลดลง -8.6% โดยการปรับตัวลดลงเร่งขึ้นในระยะหลังจากปัญหาความไม่ชัดเจนการเมือง

• อิงกลไก Equity Risk Premium (ERP) คือ ส่วนต่างผลตอบแทนระหว่าง Earnings Yield และ Bond Yield อิงระดับ Current EPS ปัจจุบันที่ราว 83 บาทต่อหุ้น และ Forward EPS ที่ 92 บาท ที่ระดับ Index โซน 1350-1300 จุด ถือเป็นจุดน่าสนใจสำหรับการวางสถานะลงทุนระยะกลาง-ยาว อิงระดับดัชนีปัจจุบัน Current และ Forward ERP นั้นสูงในระดับ 3.6%-4.22% สูงกว่า Avg 3.09% ขณะที่หาก Current ERP สูงเกินกว่าระดับ + 1 S.D. (4.09%) vs ปัจจุบันอยู่ที่ 3.6% ใกล้ระดับ +1 S.D. ที่เป็นจุดกลับตัวของตลาด

• จากการศึกษา Back test ย้อนหลัง 20 ปี พบว่า Current ERP แตะระดับดังกล่าว 7 ครั้งในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา พบว่า SET จะกลับมาให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ยทุกครั้งในระยะกลาง กล่าวคือ จากนั้น 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน และ 1 ปี SET ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 0.7%, 4.4% 9.9% และ 20.6% ด้วยความน่าจะเป็น 57%, 43%, 72% และ 86% ตามลำดับ

• มุมมองเม็ดเงินลงทุนระยะสั้นนักลงทุนต่างชาติ รอบล่าสุดที่เข้ามาคือ เริ่มตั้งแต่ช่วง เม.ย. 21 ซึ่งซื้อสะสมรวมถึงจุดสูงสุดช่วงราว มี.ค. 23 ด้วยเม็ดเงินรวม 2.85 แสนล้านบาท ขณะที่หลังจากนั้นเป็นการขายต่อเนื่องถึงปัจจุบัน นับถึงวานนี้ พบว่า เม็ดเงินดังกล่าวไหลออกจาก SET ไปกว่า 3แสนล้านบาทแล้ว บ่งชี้แรงขาย ของนักลงทุนต่างชาติจากจุดนี้น่าจะลดลงเป็นลำดับ

• มาตรการ Uptick ใกล้มีผล เดือน กค 2024 น่าจะลดความผันผวนฝั่ง "Short Sell" ได้บ้าง

กลยุทธ์ คำแนะนำสำหรับผู้ลงทุนระยะกลาง-ยาว ทยอยสะสมหุ้นในจุดที่มี Margin of Safety สูง ใน 2 Theme เด่น

1.) Dividend Plays ที่ธุรกิจมีความมั่นคง ให้ผลตอบแทน Div. Yield มากกว่าปีละ 4% (vs Policy Rate 2.5%) ได้แก่ SCB AP ICHI PTT BBL INTUCH ADVANC HMPRO BJC WHA TU

2.) หุ้นในกลุ่มที่ Underperform กว่าตลาด (SET YTD ปรับตัวลดลง -8.6%) แต่พื้นฐานระยะกลาง-ยาวยังแข็งแกร่ง Valuation มีส่วนลด PBV24F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย >20% ได้แก่ BTS IVL LH HMPRO KCE PTTGC GPSC HANA GULF

 


•BDMS (Buy, TP37): เรามองบวกต่อกลยุทธ์เครือข่าย รพ. ของ BDMS จากการเข้าชมกิจการเครือข่าย รพ. 2 แห่ง ในจังหวัดชลบุรี เนื่องจากทำให้เกิด Synergy ร่วมกัน รวมทั้งสามารถบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความได้เปรียบในการแข่งขัน เห็นได้จากระดับ EBITDA margin ที่สูงกว่า 25% ของเครือข่าย รพ.ในจังหวัดชลบุรี นอกจากนี้มองว่า Catalyst บวกระยะยาวของ BDMS จะมาจาก 1) การขยายตลาดลูกค้าใหม่กลุ่มระดับกลางขึ้นไป 2) การขยายศักยภาพรักษาโรคยากซับซ้อนของ รพ.ต่างจังหวัด และ 3) การบริหารต้นทุนจากการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพของเครือข่าย รพ. แต่ภาค ซึ่งจะสะท้อนสู่ EBITDA margin มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง คงคำแนะนำ Buy สำหรับ BDMS (TP 37 บาท) เลือกเป็นหุ้นเด่นร่วมกับ CHG (TP 3.70 บาท)

•MALEE (Unrated): The tone at the analyst meeting was slightly negative from: 1) higher raw material costs in 2H24 and 2) less revenues from contract management customers (OEM) from 2Q24 onwards as two customers buy less due to challenging economic conditions. As a result, we believe the company may not achieve the double-digit sales growth for 2024, targeted at the beginning of the year. We do NOT rate the stock and there is no broker rating the stock.

•Energy(Neutral): ฝั่งต้นน้ำ (น้ำมันดิบ) +1% w-w ปัจจัยบวกความกังวลความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ชดเชยกับความกังวลเศรษฐกิจ U.S. และ จีน คงมุมมองเดือน มิ.ย. 24 ราคาน้ำมันดิบ ลดลง m-m และลดลงต่อใน ก.ค. 24 หลัง supply non-OPEC ออกมาเพิ่มขึ้น

ฝั่งโรงกลั่น ค่าการกลั่นสิงคโปร์ +6% w-w ตาม gasoline spread +7% w-w โรงกลั่นไต้หวันยังปิดซ่อมนอกแผน คงมุมมองค่าการกลั่น มิ.ย. 24 ฟื้น m-m และคาดฟื้นต่อใน ก.ค. 24 ปัจจัยหนุนยังเป็น supply ที่ตึงตัวขึ้น ตามการลด run ของโรงกลั่นในภูมิภาค และ U.S. driving season

ฝั่งปิโตรเคมี ส่วนใหญ่ลด w-w ราคา feedstock ที่ขึ้นเร็วกว่าเป็นตัวกดดัน i) สายโอเลฟินส์ PE/PP spread -3-6% w-w ii) สายอะโรเมติกส์ -2-3% w-w โรงผลิตทยอยออกจากปิดซ่อม iii) สายโพลีเอสเตอร์ (PET) -6% w-w คงมุมมองเดือน มิ.ย. 24 spread ผลิตภัณฑ์ ทรง-ลง m-m จาก supply ใหม่ยังเข้ามาต่อเนื่อง และโรงผลิตบางส่วนออกจากปิดซ่อม ส่วน ก.ค. 24 คาดฟื้น m-m หลังราคา feedstock ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบ

ภาพสัปดาห์ โรงกลั่นเด่นสุด เลือก SPRC ภาพ 2Q-3Q24F คงมุมมองกลุ่มโรงกลั่นราคาหุ้นลดลงรับกำไรที่ชะลอใน 2Q24F ไปมากแล้ว และคาดฟื้นตัวได้ใน 3Q24F ตามค่าการกลั่น หลัง supply ตึงตัวมากขึ้น (U.S. driving season + cut run) มอง SPRC (Buy; TP11) ได้ประโยชน์ทั้ง gasoline และปัจจัยเฉพาะตัวการกลับมาเปิดใช้ SPM (ลดค่า ship-to-ship 1.5 $/bbl) ต้น 2H24F เด่น


3Q24F Equity Outlook : The strong get stronger, the weak get less weak

Stock Best Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA

Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้