Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

634

 


ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ
อัปเดตตลาดหุ้นสหรัฐ
แม้ว่า Dot Plot ล่าสุดชี้ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในปีนี้เพียงครั้งเดียว แต่เจอโรม พาวเวลล์ ก็กำชับว่า เฟดจะไม่ตัดสินใจล่วงหน้าจนกว่าจะถึงการประชุมครั้งถัดไป กล่าวคือ มติดอกเบี้ยของเฟดจะพิจารณาเป็นครั้งๆ ขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจเป็นสำคัญ โดยจะพิจารณาจากตัวเลขหลายๆด้าน ไม่ได้จำกัดแต่เพียงเงินเฟ้อเพียงอย่างเดียว เช่น จะพิจารณาตัวเลขของภาคแรงงานและการบาลานซ์ความเสี่ยงด้านอื่นๆด้วย นั่นจึงเป็นการส่งสัญญาณว่า เฟดก็ระมัดระวังเรื่องการ overtighten อยู่เช่นเดียวกัน จึงทำให้ดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสปรับตัวลงไม่ช้า ก็เร็ว
เรามองว่าการที่ตลาดโฟกัสไปที่ Dot Plot ในช่วงที่เป็น policy transition อาจไม่เป็นประโยชน์มากนัก เพราะเฟดเองก็ไม่ทราบล่วงหน้าว่าจะลดดอกเบี้ยกี่ครั้ง สังเกตจากการที่ประธานเฟดมักกล่าวตอนให้สัมภาษณ์ว่า คณะกรรมการนโยบายทางการเงินจะตัดสินใจนโยบายเป็นครั้งๆไปขึ้นอยู่กับว่าภาวะเศรษฐกิจเป็นสำคัญ
เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นจะย้อนกลับไปเปรียบเทียบระหว่าง Dot Plot กับ rate cut cycle ก่อนการลดดอกเบี้ยในปี 2019 ดังนี้
1) การประชุมเดือน ธ.ค. 2018 — Dot Plot มองขึ้นดอกเบี้ยสองครั้งในปี 2019 2) การประชุมเดือน มี.ค. 2019 — Dot Plot มองคงดอกเบี้ยตลอดทั้งปี 2019 และ 3) การประชุมเดือน มิ.ย. — Dot Plot มองคงดอกเบี้ยเช่นเดิม อย่างไรก็ตามในการประชุมเดือน ส.ค. เฟดได้เริ่มลดดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรก ผิดไปจาก Dot Plot ครั้งก่อนหน้าทั้งสามครั้ง

สำหรับสาเหตุที่ทำให้ในช่วงปลายวัฏจักรเศรษฐกิจ (late cycle) การคาดการณ์นโยบายดอกเบี้ยล่วงหน้าทำได้ยากขึ้นเป็นเพราะ
1 ความขัดแย้งของสัญญาณทางเศรษฐกิจ: ในช่วงปลายวัฏจักรเศรษฐกิจ สัญญาณต่าง ๆ ที่บ่งบอกถึงสภาวะเศรษฐกิจอาจไม่สอดคล้องกัน เช่น บางส่วนของเศรษฐกิจอาจยังเติบโตดี ขณะที่บางส่วนอาจเริ่มชะลอตัว ทำให้ยากต่อการตัดสินใจว่าจะเพิ่มหรือลดอัตราดอกเบี้ย
2 การคาดการณ์ของตลาดและความคาดหวัง: ในช่วง late cycle การคาดการณ์ของตลาดและความคาดหวังของนักลงทุนสามารถสร้าง "feedback loop" ซึ่งหมายถึงวงจรป้อนกลับที่มีผลกระทบทั้งในทางตรงและทางอ้อมต่อนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางดังนี้ (2.1) นักลงทุนและตลาดการเงินมักจะคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของนโยบายดอกเบี้ยล่วงหน้า โดยอ้างอิงจากข้อมูลเศรษฐกิจและสัญญาณต่าง ๆ ที่พวกเขาได้รับ (2.2) ความคาดหวังเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน เช่น การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในตลาดตราสารหนี้และค่าเงิน ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถสร้างแรงกดดันให้กับธนาคารกลางในการปรับนโยบาย (2.3) ธนาคารกลางจึงต้องพิจารณาความคาดหวังของตลาดและนักลงทุนในการตัดสินใจปรับนโยบายดอกเบี้ย เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินและควบคุมความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ (2.4) การปรับนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางจึงส่งผลกระทบกลับไปยังตลาดและภาคธุรกิจ ซึ่งจะปรับความคาดหวังใหม่ตามการเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้เกิด "feedback loop" ที่ต่อเนื่อง ซึ่งวงจรป้อนกลับดังกล่าวจึงทำให้การคาดการณ์นโยบายดอกเบี้ยล่วงหน้าเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และทำได้ยากขึ้น เนื่องจากการตัดสินใจของธนาคารกลางต้องพิจารณาทั้งข้อมูลเศรษฐกิจและการตอบสนองของตลาด

 

เราเชื่อว่าแนวโน้มทางเศรษฐกิจของสหรัฐมีจะออกมาแย่กว่าที่ตลาดคิด เนื่องจาก negative feedback loop จากการใช้นโยบายทางการเงินที่เข้มงวดติดต่อกันเป็นเวลานานในวัฏจักรเศรษฐกิจช่วงปลายจะส่งผลให้เกิดวงจรป้อนกลับเชิงลบ ซึ่งจะไปลดการใช้จ่ายของผู้บริโภคและลดการลงทุนของภาคเอกชนในที่สุด จึงทำให้ GDP และกำไรของบริษัทมีโอกาสถูก consensus ปรับประมาณการลงในช่วงครึ่งหลังของปี เราจึงแนะนำให้ทยอยปรับลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐเดือน ก.ค. เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว

สรุปภาพตลาดวานนี้
ดัชนีปิดเสมอตัว แรงซื้อมาจากโรงกลั่น TOP SPRC หุ้นใหญ่มีประเด็นบวก เช่น GULF (ข่าว Google) TRUE และอื่นๆ ที่มีการเก็งกำไรเข้ามาเล็กๆ น้อยๆ อาทิ AOT ADVANC PTT เป็นต้น ขณะที่ด้านกดดันกลุ่มคอมเมิร์ช CPN CPAXT CPALL และแรงขายทำกำไรอย่าง AWC BEM MINT เป็นต้น

แนวโน้มตลาดวันนี้
นั่งเฝ้าหุ้นตัวเดิมที่เคยแนะนำ
เมื่อวานหุ้น GULF และ DELTA ทำหน้าที่แบกดัชนีตลาดหุ้นไทยตามคาด ส่วนหุ้นธนาคารพักฐานระยะสั้น และ เราคงคำแนะนำ สะสมหุ้นธนาคารไว้รอดักผลประกอบการ (กลยุทธ์ เหมือนตอนที่เราแนะหุ้น GULF และ เฝ้าคอยให้หุ้นขึ้น)
แม้ภาพรวมดัชนี SET รอบสัปดาห์จะเคลื่อนไหวออกด้านข้าง หลังจากฟื้นตัวขึ้นมาได้ ซึ่งสัปดาห์นี้ถือว่า SET แข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค และหุ้นรายตัวส่วนใหญ่บวกดีกว่าตลาด ขณะที่แรงขายแบบหนักหน่วงในหุ้นรายตัว เริ่มไม่ค่อยเห็นเหมือนช่วงก่อนหน้า (ที่ลงที 10% ขึ้นไป หรือ Force sell จนติด Floor) เหลือเพียงเปอร์เซนต์ติดลบแบบ เบาๆและบางๆ นับเป็นสัญญาณที่ดี
ดังนั้นกลยุทธ์ยังคงคำแนะนำ เลือกลงทุนหุ้นรายตัวต่อไป...

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์ แนะนำ เลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว เริ่มโฟกัสไปข้างหน้า เน้นไปที่แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้

วิเคราะห์ทางเทคนิค
เล่าด้วยภาพมาถึงตอนที่ 7 (SET round 7) หัวข้อ “ลดสปีดภายหลังทดสอบด่าน 2” สัญญาณล่าสุดดัชนีชนเส้น EMA 25 days 1,325...ทดสอบครั้งแรก ยังไม่ผ่าน! อย่างไรก็ตามโมเมนตัม MACD cross! ตัดเส้น signal line ฟื้นตัวขึ้นจากเขตแดน oversold ถือว่า signal ยังสวยใช้ได้ ลุ้น SET week ปิดแบบไหน มีโอกาสขึ้นต่อ ยังมีเวลาเหลืออีก 2 วัน แต่ทรงกราฟดูดี ทำค่าเฉลี่ยขึ้น
สรุปแนวโน้มตลาดพักตัว ลุ้นไปต่อ ส่วนปัจจัยตปท.จับตา US PCE ประกาศคืนวันศุกร์นี้...โดยconsensus คาดเงินเฟ้อ Core PCE เดือน พ.ค. จะชะลอตัวลงสู่ 2.6% YoY จาก 2.8% ในเดือน เม.ย.

 

What to watch
ไทม์ไลน์คดี และการเมือง: (1) คดีอดีตนายกฯ ทักษิณ: ศาลรับฟ้อง ม.112 แล้ว แต่ได้ประกันตัว เดินหน้าสู้คดีต่อในชั้นศาล, (2) คดียุบพรรคก้าวไกล ศาลนัดพิจารณาต่อวันที่ 3 ก.ค. และให้คู่กรณีเข้าตรวจพยานหลักฐาน 9 ก.ค. (3) กรณีร้องถอดถอน นายกฯ เศรษฐา ศาลฯนัดพิจารณาครั้งต่อไป 10 ก.ค. (4) 26 มิ.ย. เลือกตั้ง สว. ระดับประเทศ
พื้นที่ตอนกลางและตอนใต้ของจีน เผชิญกับฝนตกหนักในสัปดาห์นี้ โดยภัยคุกคามจากสภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการผลิตอาหารของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสภาพแห้งแล้งได้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ผลิตธัญพืชทางตอนเหนือแล้วในขณะนี้ (คาดหุ้น Soft commodity ไทย มีลุ้นผลลัพธ์เชิงบวกจาก อากาศที่แปรปรวนในจีน “ผลผลิตลด-ต้นุทนขึ้น-ราคาขายสินค้าเพิ่ม-หนุนการนำเข้า...CPF GFPT TVO)
SET เริ่มใช้มาตรการ Uptick Rule วันที่ 1 ก.ค.67 และคุมโรบอทเทรด โดยรอง ผจก.ตลาด ระบุหากมาตรการ Uptick Rule ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ อาจใช้ไม้แข็งของมาตรการ Daily Short Selling Limit ที่จะกำหนดการ Short Sale เป็นแบบรายวัน
คลังเคาะปรับเงื่อนไข Thai ESG ลดหย่อยภาษีเพิ่มเป้น 3 แสนบาท และลดเวลาถือครองเหลือ 5 ปี พร้อมทั้งเตรียมออกกองทุนวายุฯ 3
GULF จับมือ Google ร่วมลงทุนธุรกิจคลาวด์ในประเทศไทย หวังต่อยอด AI ... BLS มองบวกต่อ GULF-ADVANC-INTUCH จาก 1) ธุรกิจ Data Center ที่จะ COD ปีหน้า จะมีลูกค้ารองรับ และ 2) เป็น Success Case ที่ดี เอาไว้เป็น Reference สำหรับ Bid งานในอนาคตเพิ่มเติม


หุ้นแนะนำวันนี้
TTB เก็งกำไรดักช่วง Earnings preview กลุ่มแบงค์ คาดเป็นหุ้นที่แนวโน้มกำไร 2Q24 เติบโต YoY และโดดเด่นกว่ากลุ่ม (ที่โดยรวมคาดลง YoY, QoQ)
(S 1.7 R 1.8 SL 1.6)
SCB เก็งกำไรดักช่วง Earnings preview กลุ่มแบงค์(S 105.5 R 108 SL 104.5)

 


รายงานพื้นฐานวันนี้

AOT
ท่าอากาศยานไทย
เปิดแผนกลยุทธ์การเติบโต
จากการไป Site Visit ที่สนามบินดอนเมืองฯ ต้นสัปดาห์ เราเห็นภาพการขยายครั้งใหญ่จาก 1) กลุ่ม Cargo 2) กลุ่ม Private jet 3) ที่จอดรถใหม่ และ 4) การเชื่อมต่อรถไฟฟ้า ทั้งหมดบนงบฯ 3.7 หมื่นล้านบาท และเริ่มก่อสร้างปลายปี 2025 เปิดปี 2030 เพิ่มปริมาณรองรับผู้โดยสารได้เป็น 40 ล้านคน/ปี (จากคาด 30 ล้านคนในปัจจุบัน) และจะให้เป็นสนามบินแบบ point-to-point (ไม่มีการต่อเครื่อง) ขณะที่สุวรรณภูมิจะเป็นแบบ HUB หรือเชื่อมต่อการเดินทางที่หลากหลาย
สำหรับสนามบินสุวรรณภูมิ ผู้บริหารชี้ว่ามีแผนการพัฒนาถัดไป หลังจากเปิด SAT-1 ใน ต.ค. 2023 ที่ผ่านมา มี Flight มา 150 เที่ยวบินแล้วจากการรองรับ 400 เที่ยว/วัน และกำลังจะเปิด Run-way ที่ 3 ใน ก.ย. 2024 คาดรอบรับไปได้ถึง 60 ล้านคน/ปี จากปัจจุบัน 45 ล้านคน และแผนถัดไปมองไปที่ การขยายฝั่งตะวันออก ที่จะให้เสร็จในปี 2028 เพิ่มปริมาณการรองรับเป็น 80 ล้านคน/ปี สำหรับภูเก็ตและเชียงใหม่อยู่ระหว่างการขอ EIA
นโยบายของ AOT จะเน้นไปหารายได้เพิ่มจากพื้นที่ Commercial ทั้งในและนอกสนามบิน อย่างไรก็ตาม จากกรณีขอคืนพื้นที่เช่าฯ เราคาดกระทบรายได้ปี 2025 ที่ 1.1 พันล้านบาท และลดลงหลังจากนั้น จนไปถึงการเพิ่มขึ้นในระยะยาวจากการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ โดยเราปรับลดกำไรปี 2024-25 ลง 2% และ 7% ตามลำดับ และราคาเป้าหมายใหม่ที่ 75 บาท (จาก 80 บาท)
Fundamental view: เรายังคงคำแนะนำซื้อ และให้เป็น Top Pick ในกลุ่มท่องเที่ยว (ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยลบระยะสั้นไปแล้วก่อนหน้านี้)


DOHOME
ดูโฮม
ตั้งไข่! ช่วงกำไรฟื้นตัว
งาน BLS Thai Corporate Day กลางปีรอบนี้ เราเชิญ DOHOME มาบรรยายวันที่ 28 มิ.ย. โดยมองความน่าสนใจว่าเป็นหุ้นที่จะเห็นการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ในปี 2024 หนุนโดยยอดขายและอัตรากำไร
1) การเบิกจ่ายงบภาครัฐ จะกระตุ้นการฟื้นตัวของยอดขายสาขาเดิม (SSS) โดยตัวเลข SSS พ.ค. คาดอยู่ที่ ติดลบ 3-5% YoY ซึ่งลดลงจาก เม.ย. ที่ ลบ 7-8% YoY (และ -9.8% ใน 1Q24)
2) คาดผลประกอบการฟื้นตัว YoY ใน 2Q24 เป็นต้นไป โดยราคาเหล็กทรงๆ ทำให้จัดการเรื่อง GM ได้ดีขึ้น ประกอบกับ SSS ที่แนวโน้มดีขึ้นข้างต้น (แต่กำไรจะลดลง QoQ ตามฤดูกาล) และใน 4Q24-1Q25 เราจะเห็นการเติบโตแบบ YoY และ QoQ ต่อเนื่อง
3) สิ่งที่ต้องติดตามต่อ ได้แก่ 3.1) ภาคการบริโภคยังคงต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะกลุ่มรายได้ต่ำ-กลาง และ 3.2) การเร่งเบิกจ่ายงบฯ รัฐ ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจต่างจังหวัด โดยใน 2H24 คาดเห็น SSSG กลับมาเติบโตที่ 4% แต่หากภาครัฐเบิกจ่ายเร็วและแรงกว่าคาด จะเป็น Upside โดยทุก 1% SSSG ที่มากกว่าประมาณการ จะเป็น Upside กำไร 3%
Fundamental view: เรายังคงคำแนะนำซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 12 บาท

BE8
เบริล 8 พลัส
เรื่องเลวร้าย ผ่านไปหมดแล้วหรือยัง?
หลังจาก BE8 กระทบจากการเลื่อนพิจารณาและอนุมัติงบฯ ที่ผ่านมา เราชวนมาหาคำตอบในงาน BLS Thai Corporate Day วันที่ 27 มิ.ย. นี้ ว่า BE8 ผ่านพ้นเรื่องร้ายๆ ไปหรือยัง และเราขอชี้ประเด็นไว้ดังนี้
1) ภาพอุตสาหกรรม: เชื่อว่าผ่านจุดแย่ไปแล้ว หลังงบฯ เบิกใช้แล้ว และ BE8 คาดเห็นกำไรเติบโต QoQ ใน 2Q24 ได้บ้าง และเติบโตต่อเนื่องใน 3Q24 และจะมีแผนการประมูลโครงการใหม่ 5-6 พันล้านบาท ที่กำลังจะเปิด (มาร่วมหาคำตอบว่าผลประกอบการจะผ่านจุดต่ำสุดจริงแล้วหรือยัง)
2) โอกาสจาก Digital banking ที่เราได้ข้อมูลมาจาก Event ก่อนหน้านี้แล้ว โดยเฉพาะประเด็นการเชื่อมต่อ API ของผู้เล่น Digital banking ที่จะเข้ามา และ digital transformation ecosystem ของ BE8 เองก็ค่อนข้างพร้อมที่จะรองรับ และทำให้เป็นผู้เล่นที่มีโอกาสได้รับงานจาก Virtual banking
3) แนวโน้ม 2H24 จะกลับมาเด่น โดยใน 3Q24 คาดว่าจะเริ่มเห็นกำไรเพิ่มอย่างมีนัยฯ นอกจากนี้ ยังมีการเติบโตจากการขยายไปต่างประเทศ และดีล M&A ที่ออสเตรเลียรออยู่ด้วย รวมทั้งการประมูลงานภาครัฐ


สรุปประเด็นจาก Quick take

Global Macro Update
ความเชื่อมั่นทางธุรกิจยุโรปเริ่มชะลอ
ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวลงมาอยู่ที่ 88.6 ในเดือน มิ.ย. จาก 89.3 ในเดือน พ.ค. ต่ำกว่าที่ตลาดคาดจะปรับตัวขึ้นเป็น 89.7 โดยดัชนีความคาดหวังต่อแนวโน้มในอนาคตปรับตัวลงมาอยู่ที่ 89 จาก 90.4 ในขณะที่มุมมองต่อสถานการณ์ปัจจุบันทรงตัวอยู่ที่ 88.3 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของบริษัทต่างๆ ได้ปรับตัวลง

Construction
ปลดล็อกโครงการใหญ่ ไฮสปีด-อู่ตะเภา
จับประเด็นรับเหมาฯ จากข่าวฐานเศรษฐกิจออนไลน์: ปิดดีลแก้สัญญาไฮสปีด ‘สร้างไปจ่ายไป’ เดินหน้าตอกเข็มปี 68 ชง กพอ.-ครม.เคาะหลักการสัญญา ก.ค.นี้ เปิดยื่นขอบัตรส่งเสริมฯรอบใหม่ ด้าน UTA เจรจาเงื่อนไขสัญญาลดก่อสร้างช่วงแรกลงอีกรอบ-ยืดจ่ายผลตอบแทนยาวขึ้น หลังเจอขยาย “สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง”
View From Fundamental: มองเป็น Sentiment บวกกับกลุ่มรับเหมาฯ ที่สร้างความต่อเนื่องของ Event-play theme หลังจากวันก่อนมีข่าวการประมูลรางคู่รอบใหญ่ออกมาด้วย
ในกลุ่มรับเหมาฯ เราชอบ STEC และ CK มากที่สุด และ STEC จะเล่นรับข่าวบวกได้เด่นกว่า จาก Valuation ที่ต่ำกว่า และเป็นหุ้นตัวแทนรับเหมาฯ ใหญ่ ส่วน CIVIL แม้พื้นฐานจะแนะนำถือ แต่ราคาที่ลงมาต่ำกว่าราคาเป้าหมายมากแล้ว และเริ่มเห็นปริมาณซื้อขายเข้ามา มองเป็นโอกาสเก็งกำไรตามเทคนิคได้ (และวางจุด Stop loss ด้วย)

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้