Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

610

 

 

"Selective Play"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways/Up" ต้าน 1325/1330 จุด รับ 1312/1310 จุด ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น +0.39% โดยมีแรงดึงกลุ่มเทคฯ ระหว่างรอรายงานเงินเฟ้อ PCE พ.ค. 24 ปลายสัปดาห์ เป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนฯ ส่วนภายในคาดยังมีแรงส่งการเร่ง Cover Short สัปดาห์สุดท้ายก่อนที่มาตรการ Uptick Rule จะมีผล 1 ก.ค. และ ความคาดหวังเชิงบวก 28 มิ.ย. FETCO หารือรัฐโอกาสภาครัฐฯกระตุ้นตลาดทุนด้านอื่นเพิ่ม นอกจาก ThaiESG ด้านสัญญาณการฟื้นตัวเศรษฐกิจภายในทยอยเข้ามาต่อเนื่อง ฝั่งเม็ดเงินลงทุน ฝั่งรัฐบาล คือ การประมูล รถไฟรางคู่ เฟส 2 ขอนแก่น - หนองคาย 20 ส.ค.นี้ เอกชน คือ แผนผลักดันขายไฟตรง (Direct PPA) นำร่อง 2,000 MW หนุน Data Center ต่างประเทศ บวกต่อกลุ่มเชื่อมโยง อาทิ รับเหมา, โรงไฟฟ้า, ค้าวัสดุก่อสร้าง โดยรวมมองตลาดวันนี้แกว่งตัวทางขึ้นต่อ หุ้นนำ คือ กลุ่มชิ้นส่วน, กลุ่มได้ประโยชน์การลงทุนรัฐ+เอกชนเร่งขึ้น และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ SCB (หยุดธุรกิจขาดทุน), GULF (ธุรกิจดิจิทัลมีสัญญาณเร่ง) วันนี้แนะนำ ADVANC, GULF, BTS

 

Daily outlook: "Sideways/Up" ต้าน 1325/1330 จุด รับ 1312/1310 จุด

What happened around the world ?

•(*) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐ Dow jones -0.76%(กดดันจาก Goldman sach -1.2%Boeing -2.2%, Home Depot -3.3%) แต่S&P500 +0.3%, Nasdaq +1.28% โดยดัชนี S&P Sector ที่ปรับขึ้นหลักคือกลุ่ม ICT, IT Energy (Chevron +2.6%,) โดย Sector ที่ปรับลงหลักๆ คือ Real estate, Material,Utilitiesฯลฯ โดยหุ้นที่ปรับขึ้น/ลงเด่นๆคือ กลุ่ม Semiconductor พลิกฟื้นตังแรง NVDIA +6.7%, กลุ่ม Tech อาทิ Meta +2.3%ฯลฯ

•(*) Fed speaks : 1.) Michelle Bowman ผู้ว่าการFed (Voter) เผยมุมมองโทน Hawkish ว่าการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันน่าจะเพียงพอที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้ และย้ําถึงความเชื่อว่าสนับสนุนการคงหรือ ขึ้นดอกเบี้ยได้หากจําเป็น 2.) Lisa Cook ผู้ว่าการเฟด (Voter) เผยว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต เนื่องจากเห็นความคืบหน้าอัตราเงินเฟ้อและตลาดแรงงานที่เย็นลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป

•(*) US Econ : 1.)ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ (Conference board) เดือน มิ.ย. พลิกลดลงอีกครั้งมาอยู่ที่ 100.4 จุด (สูงกว่าคาดเล็กน้อยที่ 100 แต่แนวโน้มยังเป็นขากลง) สะท้อนถึงผู้บริโภคมีมุมมองที่ระมัดระวังมากขึ้นต่อสภาวะทางธุรกิจ ตลาดแรงงาน และรายได้ในอนาคต 2.) Cash-Shiller Homr Price ดัชนีชี้วัดมูลค่าราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ เดือน เม.ย. ปรับขึ้นทำ All Time High +7.2%y-y และ +1.36%m-m KSS มองเป็นตัวเลข Laggard ตลาดไป 2 เดือน โดยรวมทำให้ยังคงมุมมองภาพเศรษฐกิจสหรัฐยังมีโอกาสเกิดSoft-Landing (ความน่าจะเป็น 85%) ในกรณีนี้แนวโน้มทิศทางเงินเฟ้อที่เรามองชะลอลงอย่างค่อยไปค่อยไป ประกอบกับภาพการเติบโตของเศรษฐกิจที่เติบโตได้ผสานกับภาพตลาดแรงงานที่สมดุล ภายใต้ Scenario นี้ เราคาด Fed มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. ในภาพรวมมองเป็นบวกต่อ SET นำโดยกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง,

• (*) US Bond Yields & Dollar : แนวโน้มระยะกลางเป็นขาลง แต่ระยะสั้นแกว่งตัวออกข้าง อายุ 2 ปีฟื้นตัวเล็กน้อย 2 bps ลงมาอยู่ที่ 4.745% ส่วนอายุ 10 ปี ปรับขึ้น +1 bps อยู่ที่ 4.24% เช่นเดียวกับ Dollar Index ระยะสั้นแนวโน้มแข็งค่า ล่าสุดบริเวณ 105.2+/- จุด

• (*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ ติดตาม26 มิ.ย. ยอดขายบ้านใหม่ พ.ค. คาด +2.5%m-m 27 มิ.ย. ติดตาม GDP 1Q24 รายงานครั้งสุดท้าย คาด +1.5%y-y 28 มิ.ย. ติดตามเงินเฟ้อ PCE พ.ค. คาด +2.6%y-y, +0.0%m-m vs prev. +2.7%y-y, +0.3%m-m 27 - 28 มิ.ย. ติดตามการประชุมคณะกรรมการสหภาพยุโรป

• (*/-) Oil : ราคาน้ำมันดิบแนวโน้มระยะกลางเป็นขาขึ้น แต่ระยะสั้นยังผันผวน อิงล่าสุด น้ำมันดิบ Brent -1.16%d-d ปิดที่ US$ 85.01/barrel น้ำมันดิบ West Texas -0.98%d-d ปิดที่ US$ 80.83/barrel แรงกดดันระยะสั้นมาจาก Dollar ที่แข็งค่า มองเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP กลุ่มโรงกลั่น อาทิ SPRC, TOP

 

 

What happened in Thailand ?

• (*/+) SET: SET Index ปรับตัวขึ้น +2.41 จุด หรือ +0.18% ปิดที่ระดับ 1,319.14 จุด แรงหนุนจากมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน ในส่วนการปรับเกณฑ์กองทุน ThaiESG ใหม่ ผสาน ความคาดหวังการนำกองทุนวายุภักษ์กลับมา กลุ่มหนุน คือ กลุ่มค้าปลีก (CPALL, BJC, CPAXT) มองเก็งการแถลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น กลาง ยาว ของรัฐที่มีกำหนดการวานนี้ ผสาน ปัจจัยเฉพาะตัว BJC ที่เข้าสู่ดัชนี SET50 กลุ่มธนาคาร (TTB, KBANK) มองจิตวิทยาบวกหุ้นธนาคารสหรัฐฯนำตลาดวานนี้และคาดว่างบกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ยังเป็นไปในทางบวกตาม NIM ที่ขยายตัว กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA, KCE) ปรับลงในทิศทางเดียวกับหุ้นกลุ่ม Tech ในตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะหุ้น NVIDIA ปรับฐานแรงโดยราคาหุ้นร่วง 13% ภายใน 3 วันทำการ กลุ่มขนส่ง (AOT) มองกดดันต่อเนื่องจากกรณีที่สูญเสียรายได้เชิงพาณิชย์จากการปรับปรุงพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิและภูเก็ตใหม่

• (*/+) Flow : เงินทุนต่างประเทศไหลเข้า ขายหุ้น -50.3 ล้านเหรียญฯ เป็นการขาย 24 วันทำการต่อเนื่อง แต่ซื้อพันธบัตร +53.6 ล้านเหรียญฯ TFEX Net Long 27,479สัญญา เงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อยสู่ 36.7 +/- บาท

• (*/+) Direct PPA: ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบกรอบการดำเนินการโครงการนำร่องการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) ผ่านการขอใช้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access: TPA) ให้แก่บริษัทชั้นนำของโลกในปริมาณไม่เกิน 2,000 เมกะวัตต์ โดยอาจจะเห็นโครงนำร่องภายใน 1-2 ปี มองบวกต่อกลุ่มผู้ให้บริการโรงไฟฟ้าที่มีโอกาสต่อยอดเพิ่มเติม อาทิ GULF, GUNKUL และกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับการเร่งลงทุน Data Center ต่างชาติที่จะเร็วขึ้น อาทิ WHA, GULF, INSET, ADVANC, TRUE โดยรวมแนะนำเน้น GULF, ADVANC

• (*/+) Infrastructure: รถไฟทางคู่เส้นแรกในจำนวน 7 เส้นทางของโครงการรถไฟทางคู่ ระยะ(เฟส) ที่ 2 การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดให้เสนอราคาทางระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์(e-bidding) วันที่ 20 ส.ค. 24 ราคากลาง 2.87 หมื่นล้านบาท ถือเป็น Mega Project ลำดับที่ 2 ที่เปิดประมูลในรัฐบาลปัจจุบันต่อจากทางด่วนจตุโชติ - ลำลูกกา (ITD ชนะประมูล) โดยหลังจากนี้เราคาดว่าน่าจะเห็นโครงการรถไฟรางคู่ เฟส 2 อื่นๆ ตามมา อาทิ ช่วงจิระ – ขอนแก่น (3.6 หมื่นล้านบาท) ปากน้ำโพ - เด่นชัย (6.28 หมื่นล้านบาท) หาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ (6.5 พันล้านบาท) มองบวกต่อกลุ่มรับเหมา เน้น STEC, CKและกลุ่มค้าวัสดุก่อสร้าง DOHOME

• (*/+) Cabinet: มติ ครม. ที่สำคัญวานนี้ ได้แก่

เห็นชอบโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ภายใต้มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2567/68 ไม่เกินครัวเรือนละ 500 บาท/ไร่ และไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 10,000 บาท ตามราคาปุ๋ยที่จ่ายจริง กรอบวงเงินงบประมาณ 2.9 หมื่นล้านบาท มองช่วยลดต้นทุนผลิต หนุนกำลังซื้อเกษตรกร ดีต่อหุ้นอิงกำลังซื้อต่างจังหวัด อาทิ CPALL, DOHOME, MTC เน้น CPALL, MTC
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2024 (2567) งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ วงเงิน 7.6 พันล้านบาท บวกเพิ่มเติมจากภาพการประมูล Mega Project เดินหน้าต่อหุ้นกลุ่มรับเหมา, ค้าวัสดุก่อสร้าง CK, STEC, DOHOME เน้น STEC
นายกฯ เร่งผลักดัน ส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) ไปศึกษาความเป็นไปได้ในการการแข่งขันรถฟอร์มูลา E เพื่อเพิ่มโอกาสให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลกมากขึ้น มองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นอิงภาคบริการ AOT, CPALL, ERW เน้น AOT, CPALL
• (*/+) TH Tourism: โมเมนตัมการท่องเที่ยวยังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้นักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ล่าสุด 17-23 มิ.ย. 24 จะลดลง -2.5% แต่ YTD ปี 2024 ถึง 23 มิ.ย. ยังสูง 16.8 ล้านคน หรือเฉลี่ยวันละ 9.6 หมื่นคน ผสาน นับจากวันที่ 1 ก.ค. มาตรการให้ฟรี วีซ่าหลากหลายชาติจะมีผล เชื่อว่าจะหนุนนักท่องเที่ยวปี 2024 ไม่ต่ำกว่า Consensus ประเมิน 35.5-36 ล้านคน บวกกับ ระดับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้วใน พ.ค. เชื่อว่าเป็นจุดน่าทยอยสะสมหุ้นท่องเที่ยวอีกครั้ง เน้น AOT, MINT, ERW เน้น AOT, MINT

• (*/+) To Monitor: 27 มิ.ย. TFEX Rollover 28 มิ.ย. BOT รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยเดือน พ.ค. 24 และ FETCO เข้าพบกระทรวงการคลังหารือมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน

 

Daily Strategy : ADVANC, GULF, BTS เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways/Up" ภาพต่างประเทศวานนี้เป็นกลาง เป็นภาพ Sector Rotation กลับไปยังฝั่งหุ้นเทคโนโลยี ภายในเป็นกลาง-บวก กระแส Cover Short สัปดาห์สุดท้ายก่อน Uptick มีผลยังน่าจะดำเนินต่อเนื่อง ผสาน 28 มิ.ย. FETCO จะเข้าเจรจาขอขยายสิทธิ์กองทุน ThaiESG เพิ่มเติม อื่นๆ เป็นประเด็นรายกลุ่มรายตัว โดยกระแสที่มาแรงขึ้น คือ การลงทุนเอกชน+รัฐที่เริ่มเร่ง มองหุ้นนำ 1) กลุ่มเกาะกระแสลงทุนรัฐฯ+เอกชน STEC, CK, GULF, GUNKUL 2) กลุ่มชิ้นส่วนฯ รับจิตวิทยาบวกฟื้นตามหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ และ 3) กลุ่มที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว SCB (ยุติธุรกิจที่สร้างผลขาดทุน) GULF (เดินหน้าสู่ธุรกิจดิจิตอล)

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด + เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหนุนอุตสาหกรรมทยอยเข้าสู่ Upgrade Cycle (HANA, SCGP)
กลุ่มภาคผลิตไทยฟื้นตัว y-y ครั้งแรกในรอบ 19 เดือนหนุน (GFPT, TU, CBG, SCGP, IVL, STA, NER)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการท่องเที่ยวชุดใหญ่ของรัฐฯ หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, ICHI, AOT, MINT, ERW)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, WARRIX, MTC, MOSHI, KLINIQ)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, WHA)
กลุ่มได้ประโยชน์เทศกาลฟุตบอลยูโร 2024 (CPALL ADVANC TRUE MINT BJC HMPRO OSP SAPPPE ICHI)

• JUNE24 Best Picks: MINT, GFPT, HANA, ICHI, OSP, BJC, MTC

• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : ThaiESG 2024 ต่อ SET Index

รัฐบาลมีแผนปรับเงื่อนไขสิทธิประโยชน์จากกองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG ใหม่ โดยปรับเงื่อนไขให้สิทธิซื้อเพิ่มลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้นทั้งเม็ดเงิน และสัดส่วนเทียบกับฐานรายได้ ผสาน ระยะเวลาลงทุนสั้นลง KSS คาดว่าฐานเม็ดเงินที่เข้าสู่กองทุน ThaiESG รอบนี้ จะสูงราว 7.8 หมื่นล้านบาทต่อปี ขณะที่ SET ณ ปัจจุบัน ยังอยู่ใน Value Zone น่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนเชิงบวกตลาดหุ้นไทยนับจากนี้.

เชิงกลยุทธ์ : โดยรวม KSS ประเมินเป็น "บวก" ต่อตลาดหุ้นไทยคล้ายสมัยมาตรการลดหย่อนภาษีผ่านกองทุน LTF ในอดีต เนื่องจากเป็นการเสริมสภาพคล่องของเงินลงทุนระยะยาวในประเทศให้กลับมาแข็งแรงขึ้น กลยุทธ์แนะลงทุนในหุ้นใน SETESG ที่มีคุณสมบัติราคาลงแรงกว่า SET -6.6%YTD ได้แก่ BTS SCC, CRC, IVL, PTTGC, CPN, BBL, HMPRO และกลุ่มที่มีน้ำหนัก (Weight) ใน ESG สูง ได้แก่ GULF AOT, MTC, CPALL, GPSC

• Strategy Update : Time to Invest

ทีมกลยุทธ์ออกรายงาน Strategy Update "Time to invest" มอง SET Index โซนปัจจุบันให้ Current ERP ที่ 3.6% เป็นโซนลงทุน และมองใกล้ระดับจุดกลับตัว มองหุ้นน่าลงทุน 1) กลุ่มให้ Dividend สูง 2) กลุ่มที่ Underperform และมีส่วนลดทางพื้นฐานสูง

Key Ideas:

• SET Index ในปี 2024 ยัง "Underperform" ตลาดหุ้นโลกต่อเนื่องจากปี 2023 โดย YTD ปรับตัวลดลง -8.6% โดยการปรับตัวลดลงเร่งขึ้นในระยะหลังจากปัญหาความไม่ชัดเจนการเมือง

• อิงกลไก Equity Risk Premium (ERP) คือ ส่วนต่างผลตอบแทนระหว่าง Earnings Yield และ Bond Yield อิงระดับ Current EPS ปัจจุบันที่ราว 83 บาทต่อหุ้น และ Forward EPS ที่ 92 บาท ที่ระดับ Index โซน 1350-1300 จุด ถือเป็นจุดน่าสนใจสำหรับการวางสถานะลงทุนระยะกลาง-ยาว อิงระดับดัชนีปัจจุบัน Current และ Forward ERP นั้นสูงในระดับ 3.6%-4.22% สูงกว่า Avg 3.09% ขณะที่หาก Current ERP สูงเกินกว่าระดับ + 1 S.D. (4.09%) vs ปัจจุบันอยู่ที่ 3.6% ใกล้ระดับ +1 S.D. ที่เป็นจุดกลับตัวของตลาด

• จากการศึกษา Back test ย้อนหลัง 20 ปี พบว่า Current ERP แตะระดับดังกล่าว 7 ครั้งในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา พบว่า SET จะกลับมาให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ยทุกครั้งในระยะกลาง กล่าวคือ จากนั้น 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน และ 1 ปี SET ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 0.7%, 4.4% 9.9% และ 20.6% ด้วยความน่าจะเป็น 57%, 43%, 72% และ 86% ตามลำดับ

• มุมมองเม็ดเงินลงทุนระยะสั้นนักลงทุนต่างชาติ รอบล่าสุดที่เข้ามาคือ เริ่มตั้งแต่ช่วง เม.ย. 21 ซึ่งซื้อสะสมรวมถึงจุดสูงสุดช่วงราว มี.ค. 23 ด้วยเม็ดเงินรวม 2.85 แสนล้านบาท ขณะที่หลังจากนั้นเป็นการขายต่อเนื่องถึงปัจจุบัน นับถึงวานนี้ พบว่า เม็ดเงินดังกล่าวไหลออกจาก SET ไปกว่า 3แสนล้านบาทแล้ว บ่งชี้แรงขาย ของนักลงทุนต่างชาติจากจุดนี้น่าจะลดลงเป็นลำดับ

• มาตรการ Uptick ใกล้มีผล เดือน กค 2024 น่าจะลดความผันผวนฝั่ง "Short Sell" ได้บ้าง

กลยุทธ์ คำแนะนำสำหรับผู้ลงทุนระยะกลาง-ยาว ทยอยสะสมหุ้นในจุดที่มี Margin of Safety สูง ใน 2 Theme เด่น

1.) Dividend Plays ที่ธุรกิจมีความมั่นคง ให้ผลตอบแทน Div. Yield มากกว่าปีละ 4% (vs Policy Rate 2.5%) ได้แก่ SCB AP ICHI PTT BBL INTUCH ADVANC HMPRO BJC WHA TU

2.) หุ้นในกลุ่มที่ Underperform กว่าตลาด (SET YTD ปรับตัวลดลง -8.6%) แต่พื้นฐานระยะกลาง-ยาวยังแข็งแกร่ง Valuation มีส่วนลด PBV24F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย >20% ได้แก่ BTS IVL LH HMPRO KCE PTTGC GPSC HANA GULF

• Strategy Update : Data Center

• กระแสลงทุน Data Center ในไทยกำลังเร่งขึ้น อย่างเป็นรูปธรรม มีสัญญาณบ่งชี้จาก 1) WHA มีโอกาสสูงเซ็นสัญญาขายที่ดินขนาด 400-500 ไร่ให้กับผู้ประกอบการ Data Center ระดับโลกกลางปี 2024 นี้ 2) เริ่มผู้ประกอบการ Data Center ที่เคยลงทุนในประเทศไทยไปแล้วติดต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า วางแผนร่วมกันถึงกำลังผลิตไฟฟ้าที่ต้องการสำหรับแผนขยายการลงทุนเพิ่มเติมระดับ 100+ MW

• การลงทุนดังกล่าว เรามองบวกต่อการสร้าง S Curve ใหม่ๆต่อเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจนขึ้น อิงขนาดที่ดินที่มีโอกาสขายขนาดใหญ่ WHA บ่งชี้ทิศทางผู้ประกอบการต่างชาติน่าจะมองไทยหนึ่งในศูนย์กลางData Center ของภูมิภาค

• KSS ประเมินทิศทางจะเปิด Upside ของหุ้นกลุ่มต่างๆ ดังนี้ 1) กลุ่มนิคม จากโอกาสขายที่ดิน 2) กลุ่มโรงไฟฟ้า จากโอกาสต่อยอด Upside กำลังผลิตเพิ่มเติม โดยเฉพาะกลุ่มที่เน้นพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น 3) กลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคม ที่มักเป็นกลุ่มช่วยให้ผู้ประกอบการระดับโลกเช่าใช้ Data Center ที่มีเพื่ออำนวยความสะดวกธุรกิจช่วงเริ่มต้น + โอกาสเติบโตจากการผลักดันมีการใช้งานข้อมูลเพิ่มขึ้นระยะกลาง-ยาว 4) กลุ่มผู้รับเหมา ICT ที่มีศักยภาพสร้าง Data Center 5) กลุ่ม Digital Tech จากมุมมองเชิงบวกต่อภาพ Digital Transformation ระยะยาว เชิงกลยุทธ์หากประกอบภาพพื้นฐานหุ้นระยะสั้น ให้เน้น WHA(TP-6) GULF(TP-45.5) TRUE(TP-10.3) INSET(TP-3.2)

 

 

• KBANK (Buy, TP145): เรามีมุมมอง Slightly Positive ต่อกำไรสุทธิ 2Q24F คาดที่ 1.19 หมื่นลบ. กำไรเพิ่มขึ้น +8% y-y เพราะการเพิ่มขึ้นของ NIM และการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) ขณะที่กำไรลดลง -12% q-q เพราะ i) สินเชื่อหดตัว -0.1% q-q คิดเป็น -1.2% YTD จากสินเชื่อรายย่อย และ SME ii) ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น iii) รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง ด้านคุณภาพสินทรัพย์ NPL Ratio อยู่ที่ 3.25% เพิ่มจาก 1Q24 ที่ 3.19% หากกำไรสุทธิ 2Q24F เป็นไปตามเราคาด จะทำให้กำไรสุทธิ 1H24F คิดเป็น 56% ของกำไรสุทธิทั้งปีของเรา ซึ่งกำไรมีโอกาสเกิด upside จากค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) น้อยกว่าคาด เราจะทบทวนประมาณการอีกครั้งหลังจากการประกาศงบและการประชุมนักวิเคราะห์รอบ 2Q24

• SCB (Trading Buy, TP115): เรามีมุมมอง Neutral ต่อข่าว SCB จะหยุดให้บริการ Robinhood ของ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2024 เป็นต้นไป เพราะปี 2024F เราคาดว่า SCB มีแรงกดดันจากการบันทึกค่าใช้จ่ายด้อยค่าสินทรัพย์ เช่น Software เป็นต้น อย่างไรก็ตามปี 2025F จะมีผลบวกจากการที่ไม่ต้องรับรู้ขาดทุนจากผลการดำเนินงาน ทั้งเราคาดว่าการหยุดให้บริการ Robinhood จะไม่มีผลกระทบต่อการจ่ายปันผลของ SCB ดังนั้นเรายังคงคาด dividend yield ของ SCB อยู่ที่ประมาณ 8-10% ต่อปี ซึ่งสูงสุดในกลุ่มธนาคาร

• ADVANC (Buy, TP275): Our Buy call on ADVANC are on earnings upswing from ARPU uplift and on decent dividend yield. 2Q24 earnings are expected to be strong at Bt8.65b (+21% yoy, flat qoq). The hike in the ARPUs on key units (mobile and FBB) allows revenue not only to jump yoy but also to buck the trend, rising qoq. 1H24 earnings would consist of 54% of our full-year estimate. Earnings upside risk is now presented. Bt4.89 DPS for 1H24 is expected, implying 2.3% yield for 2-month holding period.

 

2Q24F Equity Outlook : Entering into "Search of Yield", Standby for Asia & Thailand Recovery

Stock Best Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU

Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้