ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook

คุยกันเรื่องเมกะเทรนด์
กระทิง AI ใน Euphorialand
เราออกบทวิเคราะห์แนะนำการลงทุนในธีม AI มาตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย. 2023 ต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ โดย ETF ที่แนะนำ ได้แก่ BOTZ และ SOXX ได้ปรับตัวขึ้นมานับจากวันดังกล่าวแล้วกว่า 21% และ 57% ตามลำดับ จากปัจจัยหนุนเรื่อง Generative AI ซึ่งมี adoption rate ที่สูงขึ้น รวมถึงพัฒนาการด้านบวกต่างๆในหลายๆบริษัท เช่นNVIDIA บริษัทซึ่งราคาหุ้นปรับขึ้นถึง 701% นับตั้งแต่การเปิดตัวของ ChatGPT ทำให้มีความต้องการเพิ่มขึ้นในชิป GPU ที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับใช้ในการประมวลผล AI โดยในปัจจุบัน NVIDIA ครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากถึง 80% ของตลาดชิปสำหรับ AI ทำให้ผลประกอบการของ NVIDIA โดดเด่นมาก มีรายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส ทำให้รายได้ปี 2023 เติบโตถึง 126%YoY โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจ Data Center ที่โตถึง 217% อันเป็นผลมาจากการใช้งานชิปที่เป็น flagship เช่น A100, H100 รวมทั้งตัวชิปตัวใหม่อย่าง Blackwell B200 ซึ่งเป็นชิปที่ทรงพลังที่สุดในโลกสำหรับ AI ที่อาจวางขายในปลายปีนี้

Broadcom มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรม AI ในฐานะโซลูชั่นทางฮาร์ดแวร์เน้นไปที่การจัดการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ AI โดยราคาหุ้นของ Broadcom ปรับตัวขึ้นถึง 227% นับตั้งแต่ ChatGPT เปิดตัว ในปีบัญชี 2023 Broadcom รายงานรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 35.8 พันล้านเหรียญ หนุนจากการลงทุนในอุปกรณ์เร่งการประมวลผล และการเชื่อมต่อเครือข่ายสำหรับ AI ของบริษัท Hyperscalers
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราเชื่อว่าธีม AI ยังเป็นธีมใน Megatrend และ adoption rate มีแนวโน้มสูงขึ้นในระยะยาว แต่ปัจจัยหนุนในระยะสั้นได้ price in ไปในราคามากแล้ว ทำให้ Valuation ในปัจจุบันตึงตัวมาก จึงไม่เหลือพื้นที่ให้กำไรพลาดเป้า และมีโอกาสเข้าสู่วงจรการปรับฐานฐาน (Major Correction) ในช่วงฤดูกาลประกาศงบครั้งถัดไป เราจึงแนะนำให้ใช้จังหวะนี้ในการขายทำกำไร (Sell into Strength) ใน BOTZ และ SOXX ETF ( รายงานฉบับเต็ม คลิกที่นี่ )

สรุปภาพตลาดวานนี้
SET กลับมาลงต่ออีกรอบ วานนี้กลายเป็นการขายทำกำไรหุ้นที่ใช้ดันตลาดวันก่อนอย่าง DELTA AOT PTT เป็นต้น และมีหุ้นใหญ่อีกหลายๆ ตัวโดดแรงเทขายไปด้วยทั้ง CRC CPALL WHA BEM HMPRO SCC CPF อย่างไรก็ตาม การเล่นสลับมาเป็นสื่อสาร และธนาคาร ส่วนกลุ่มโรงแรมเป็นกลุ่มที่ยืนต่อได้อีกวัน ขณะที่หุ้นถูกเทขายติด Floor วันก่อน เหลือแค่ NRF ลงต่ออีก Floor แต่ AS (กลับมาลิ่ง) SABUY YGG เห็นมีแรงซื้อกลับระหว่างวัน

แนวโน้มตลาดวันนี้
ถ้าหุ้นจะขึ้น เราเรียกซื้อแล้วจะมากันกี่คน จะได้กะชื่อหุ้นเชียร์ได้ถูก
ปีนขึ้นจากหลุมต่อ...กลยุทธ์วันนี้ ยังอยู่ในโหมดระวังตัว และ“เฝ้าหุ้นพื้นฐานตัวเดิมที่เคยแนะนำไปก่อนหน้า โดยยังไม่รีบเพิ่มหุ้นเพื่อการเก็งกำไรระยะสั้น”
แม้วันนี้ดัชนีฯจะพยายามปีนขึ้นจากหลุมต่อ และราคาหุ้นรายตัว จะมีรีบาวด์ แต่เรายังต้องบริหารหน้าตัก เพื่อลดความเสี่ยง ของการเล่นหุ้นขาลง (ไม่อยากให้ซื้อๆ คัทๆ) ด้วยการเน้นหุ้นเดิมที่เคยแนะ และหาหุ้นแนะนำมาเพิ่ม อย่างค่อยเป็นค่อยไป

โดยจะขอประเมินสถานการณ์ แรงขายต่างชาติ ทั้งแบบขายทุบ และ Short sell รอให้เริ่มเบามือลง, มาตรการที่ ตลท. และ กลต.พยายามเร่งบังคบใช้เพื่อลดความผันผวนของราคา และสร้างความเชื่อมั่น จะได้ผลมากน้อยเพียงใด โดยเราอาจจะไม่กล้าหวังสูงว่าหุ้นจะรีบาวด์แรงยกแผง จาก Window dressing แต่โอกาสที่ราคาหุ้นจะมีเด้งบ้าง มีความเป็นไปได้สูง และคงคาดจะเห็นภาพของตลาดหุ้นไทยปีนขึ้นจากหลุม เราจึงเน้นถือ HOLD หุ้นพื้นฐานปึ๊ก ที่แนะซื้อไปก่อนหน้า

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์แนะนำ เลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว เริ่มโฟกัสไปข้างหน้าหลังเห็นงบทั้งหมดในสัปดาห์นี้ เน้นไปที่แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET พยายามสู้ที่จุดรับ 1,280 จุดแต่ยังขึ้นได้ไม่ไกล ล่าสุดปรับฐานลงมาอีกครั้ง ตั้งข้อสังเกต! ดัชนีเริ่มยืนลักษณะ Sideway ออกข้าง ไม่ทำ low ส่งผลให้แนวคิดการวิเคราะห์ที่เคยมองจุดรับตามตัวเลข Fibonacci retracement 38.2% ที่ 1,280 น่าจะมาถูกทาง นอกจากนี้การที่ SET ลงปิด gap ที่เคยทำไว้เมื่อปี covid 2020 ส่งผลให้แนวรับโซนนี้ถือว่ามีนัยสำคัญ...ขณะที่โมเมนตัม RSI recovery ภายหลังเข้าสู่เขตแดน oversold
สรุป: SET round 3 เริ่มทำทรง sideway ออกข้างได้แล้ว…
(อ่านต่อหน้า 10)

What to watch
อัปเดทการเมือง สรุป Timeline การเมืองไทย:
1) อดีตนายกฯ ทักษิณ : ศาลรับฟ้อง แต่ได้ประกันตัว ขอสู้คดีต่อในชั้นศาล
2) พ.ร.ป. เลือกตั้ง สว. : ไม่ขัด รธน. = เลือกตั้ง สว. ไปต่อ (ระดับชาติ 26 มิ.ย. 67)
3) ก้าวไกล: นัดพิจารณา 3 ก.ค. ให้คู่กรณีเข้าตรวจพยานหลักฐาน 9 ก.ค.
4) นายกฯ เศรษฐา: นัดพิจารณาครั้งต่อไป 10 ก.ค.
FTSE Rebalance มีผล 24 มิ.ย.เป็นต้นไป ใช้ราคาวันนี้: หุ้นเข้า Large Cap BH / ส่วน Mid Cap เข้า ได้แก่ BJC BTSGIF ICHI
เริ่มใช้มาตรการ Uptick Short sell ตามกำหนดเดิม (1 ก.ค.เป็นต้นไป) มาตรการคุม ShortSell หุ้นกลุ่ม Non-SET 100 ต้องมีมาร์เก็ตแคป 5-7 พันล้าน และ Turnover เกิน 2% เริ่มวันนี้
ประกาศแล้ว หุ้นเข้า SET50 BJC TIDLOR BCP ITC หุ้นออก SAWAD COM7 KCE BANPU
ถกงบประมาณปี 68 ต่อวันนี้ คาดโหวตงบปี 68 วาระแรกผ่านฉลุย จับตางบที่เตรียมจัดเผื่อ เงินหมื่นดิจิตอล ด้านนายกฯยันชี้แจงข้อกังขาปม แจกเงินหมื่นได้

หุ้นแนะนำวันนี้
GULF ตามที่เราออกรายงานพื้นฐาน Idea call ไปก่อนหน้านี้ คาดเป็นหุ้นที่จะได้ประโยชน์จาก PDP ใหม่มากกว่ากลุ่ม (S 38 R 40 SL 37)

รายงานพื้นฐานวันนี้

Construction Sector
วัดขุดพลัง CK & STEC ก่อนงาน BLS Thai Corporate Day
งาน BLS Thai Corporate Day รอบกลางปีนี้ เราเชิญ CK และ STEC ซึ่งอยู่ในธีมหุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยวันนี้เราจึงขอ Head-up ประเด็นสำคัญ 4 เรื่อง
#1: Earnings Momentum ใน 2Q24 คาด STEC จะฟื้นตัวโดดเด่นกว่า CK เพราะมาจากฐานต่ำ แต่ก็มี Downside risk ก็สูงกว่า หากโครงการรถไฟฟ้าขาดทุนกว่า 1Q24 ขณะที่ CK จะโดดเด่นกว่า STEC ใน 3Q24 อย่างไรก็ตาม หากนับเฉพาะธุรกิจรับเหมาฯ เทียบกับผู้รับเหมารายอื่นก็ยังดูดีทั้งคู่ โดยเฉพาะรายกลาง-เล็ก ที่ถูกกดดันจาก Backlog น้อย, GM ต่ำ (รวมทั้งการตั้งสำรองฯ) และปัญหาสภาพคล่อง
#2: Potential Project: จาก Backlog ปัจจุบัน เชื่อว่าทั้งคู่ยังเข้าประมูลงานใหญ่ของ 1-2 ปีนี้ทั้งหมด อย่างไรก็ดี ทั้ง CK และ STEC จะมีงานใหญ่บางอย่าง ที่มีศักยภาพได้งานสูงมากๆ กว่าคนอื่น เช่น CK จะมีงานรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก และ Double Desk ส่วน STEC มีเมืองการบินอู่ตะเภาฯ นอกจากสนามบินฯ ราว 2.7 หมื่นล้านบาท ยังมีงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน/อาคาร และงานสาธารณูปโภคต่างอื่นอีก
#3: Valuations: หากอิงตาม PBV ของ CK และ STEC ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต 46% และ 56% จึงมองว่า Downside จำกัด แต่รอบการฟื้นตัว ต้องยอมรับว่าการเล่นหุ้นรับเหมาฯ รอบนี้ ยากกว่ารอบก่อนๆ
#4: Timing: เรายังมองความเป็นไปได้ในการกลับมาเล่น Bull Cycle ของกลุ่ม หากโครงการออกมาต่อเนื่อง ต้องรอประเด็น Overhang เหล่านี้เคลียร์กว่านี้ 1) ความแน่นอนของนโยบายรัฐฯ 2) ปัญหาสภาพคล่องผู้รับเหมา/เจ้าของงานบางรายที่ยังไม่คลี่คลาย และ 3) สภาวะตลาดหุ้น

ILM
อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์
ฐานกำไรจากจังหวัดท่องเที่ยวแข็งแกร่ง
เรามองว่าการที่ ILM มีฐานรายได้ราว 40% ในจังหวัดท่องเที่ยว โดยเฉพาะภูเก็ต ทำให้ ILM โดดเด่นและแตกต่างจากคู่เทียบอื่นๆ และคาดว่าจะเห็นกำไรทำสิถิติสูงสุดใหม่ในปีนี้ ที่ 823 ล้านบาท หรือเติบโต 14% YoY (โดยเห็นสูงสุดรายไตรมาสแล้วใน 1Q24) ปัจจัยหนุนจาก SSSG และอัตรากำไรขยายตัว โดยจุดเด่นหลักของ ILM อยู่ที่ฐานลูกค้าระดับกลาง-บน การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ที่เน้นตลาดกลาง ซึ่งยังขยายส่วนแบ่งการตลาดได้อีกมาก
สำหรับแนวโน้ม 2Q-3Q24 แม้จะอ่อนตัวตามฤดูกาล แต่ก็จะยังเห็นตัวเลข SSSG เติบโต YoY (QTD ปัจจุบันอยู่ที่ 1-3%) และคาดว่า 4Q24 จะกลับมาทำสถิติใหม่จาก High Season นอกจากนี้ การเปิดสาขาและ Little Walk เพิ่มมากขึ้นใน 2H24 ช่วยเพิ่มรายได้จากค่าเช่า (ธุรกิจ Margin สูง) เข้ามาช่วยด้วย
สำหรับ Valuation ปัจจุบัน PER 11.5 เท่า หรือต่ำกว่าเฉลี่ยราว -2SD และคาดหวังอัตราผลตอบแทนจากปันผล (Div. yield) อีก 5% ได้ด้วย
Fundamental view: เราแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 26 บาท

สรุปประเด็นจาก Quick take

Global Macro Update
ตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐส่งสัญญาณชะลอ?
ดัชนีตลาดการเคหะ (Housing Market Index [HMI]) จากสมาคมผู้สร้างบ้านสหรัฐฯ (National Association of Home Builders [NAHB]) ลดลงสู่ 43 ในเดือน มิ.ย. จาก 45 ในเดือน พ.ค. ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 45 แม้จะมียังเห็นความต้องการที่อยู่อาศัยอยู่ แต่ตลาดถูกจำกัดจากราคาที่สูง อัตราดอกเบี้ยสูง และการขาดแคลนที่อยู่อาศัย เนื่องจากการสร้างไม่เพียงพอในระยะยาว

BEM
ทางด่วนและ รถไฟฟ้ากรุงเทพ
ข่าวการขยายสัมปทานแลกการสร้างทางด่วนชั้นที่ 2
กระทรวงคมนาคมเร่งผลักดันโครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 ช่วงงามวงศ์วาน-พระราม 9 (Double Deck)
View From Fundamental: ข่าวดังกล่าวน่าจะเป็น positive sentiment ต่อราคาหุ้น เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” (ราคาเป้าหมาย 12.40 บาท)

Commerce
Lazada Group ออกมาปฏิเสธข่าวการขายกิจการในไทย
วันนี้ Lazada Group ออกมาปฏิเสธข่าวที่ว่าทางกลุ่มกำลังคุยกับ Central Group และ CP Group เรื่องการขายกิจการ Lazada ในไทย (จาก Bangkok Post)
View From Fundamental: เท่าที่เราสอบถามจากทางบริษัท บริษัทก็ปฏิเสธเช่นกัน เนื่องจากทั้งทาง Central Group และทาง CP Group มีการลงทุนในการทำ Omni channel ของตัวเองอยู่แล้ว (และ Target market กับ Logistic หลังบ้านน่าจะมีความแตกต่างจาก Lazada ดังนั้นการซื้อกิจการไม่น่าจะมี Synergy ใดๆ) ดังนั้นเรามองว่าการออกมาปฏิเสธข่าวจากทาง Lazada Group น่าจะทำให้ overhang จากข่าวนี้ที่เกี่ยวข้องกับหุ้น CRC และ CP Group หายไป เรายังเลือก CPALL CPAXT เป็น Top picks ของกลุ่ม Commerce จาก Valuation ที่ลงมามาก และแนวโน้มการเติบโตปีนี้และปีหน้าที่ดี และราคาหุ้น CRC ที่ลงมาน่าจะเป็นโอกาสในการเข้าไปสะสม เพื่อรอ Peak season ใน 4Q24 ได้

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน