Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

547


ยังน่าจะผันผวนต่อไปอีกระยะหนึ่ง
การกลับตัวขึ้นมาปิดบวกของ SET INDEX วานนี้ดูแล้วค่อนข้างจะผิดธรรมชาติ โดยมีแรงซื้อเข้ามาชั่วโมงสุดท้ายราว 2 หมื่นล้านบาท ผลักดันหุ้น MARKET CAP ใหญ่ ภาวะดังกล่าวสะท้อนถึงภาพตลาดหุ้นที่ยังมีโอกาสผันผวนได้ต่อ อย่างไรก็ตามสัญญาณล่าสุดที่เห็น มีการกล่าวถึงการ FORCE SELL ของ MARGIN มากขึ้น ซึ่งในประเด็นนี้หากมองผลกระทบทางตรง ก็เห็นว่าเป็นแรงกดดันต่อราคาหุ้น แต่หากมองไปไกลกว่านั้น ก็มีโอกาสที่จะเห็นเป็น แรงกดดันรอบท้ายๆ (ระเบิดลูกสุดท้าย)เพราะกว่ากว่าจะเดินทางมาถึงจุดที่เกิด FORCE SELL ต้องผ่านช่วงที่ราคาหุ้นถูกกดดันมาจากหลากหลายปัจจัยมากแล้ว ส่งผลให้ราคาปรับลดลงแรงซึ่งจุดหนึ่งของราคาที่ปรับลดลงก็มักจะเริ่มเห็นการเปิด UPSIDEในทางปัจจัยพื้นฐาน และน่าจะตามด้วยประเมินว่า SET INDEX ยังอยู่ในภาวะที่ผันผวนได้ต่อเนื่อง โดยยังไม่เห็นแรงขับเคลื่อนจากปัจจัยบวกใหม่ๆ คาด SET INDEX อยู่ในกรอบ 1290 –1312 จุด หุ้น TOP PICK เลือก BEM, CPALL และ KBANK

 

งบใช้จ่ายภาครัฐปี 68 เดินหน้า หนุนเม็ดเงินเข้าระบบต่อเนื่อง
ช่วงสัปดาห์นี้ (19-21 มิ.ย. 67) มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีพ.ศ. 2568 วาระที่ 1 โดยมีวงเงิน 3.75 ล้านล้านบาทเป็นรายจ่ายประจำ 2.7 ล้านล้านบาท รองลงมาเป็นรายจ่ายลงทุน 9.08 แสนล้านบาท(เพิ่มขึ้นจากปีก่อน +26.5%YOY) และรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ 1.5 แสนล้านบาทนอกจากนี้ รัฐบาลได้ประเมินเศรษฐกิจปี 2568 ขยายตัว 2.8-3.8% อัตราเงินเฟ้อ1.1-2.1% และเกินดุลบัญชีเดินสะพัด/จีดีพี 1.6% ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยง อย่างไรก็ตามนายกฯ ยังคงมั่นใจว่าโครงการ DIGITAL WALLET จะสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ


งบประมาณรายจ่ายภาครัฐปี 2568 ที่ยังคงเดินหน้าตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ คาดอนุมัติประกาศใช้ช่วงในช้วงเดือน ก.ย. 67 ซึ่งจะทำให้เห็นภาพการใช้จ่ายภาครัฐ (G) มีความต่อเนื่องจากงบฯ ปี 2567 หนุนให้เม็ดเงินหลั่งไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการบริโภค (C) อาทิ กลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม ท่องเที่ยว โรงแรม ค้าปลีก เป็นต้น

มองเป็น SENTIMENT เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง อาทิ SCC,SCCC, TASCO, STEC, CK เป็นต้น รวมถึงกลุ่มการบริโภคเติบโตต่อเนื่อง อาทิCPALL, BJC, CBG, AOT, ERW, CENTEL, HMPRO เป็นต้น

การใช้ MARGIN น่ากลัวจริงหรือไม่ ในภาวะปัจจุบัน ?
วานนี้หุ้นหลายตัวขนาดกลาง-เล็ก ปรับตัวลงแรงใกล้และถึง FLOOR อาทิ NEWSJCKH SDC SABUY NRF SBNEXT AS YGG PK TRC NEX BYD เป็นต้น ซึ่งเกิดข้อสงสัยว่าหุ้นที่ปรับตัวลงแรงวานนี้ อาจเพราะมี %MARGIN คงค้างท่ออยู่ระดับสูง

เนื่องจากหุ้นหลายตัวที่ปรับตัวลงแรงวานนี้มี %MARGIN คงค้างอยู่ระดับ 20%-45% อาทิ NRF SBNEXT AS YGG และ NEX เป็นต้น และด้วยสภาวะตลาดฯในปัจจุบันที่ขาดสภาพคล่องส่วนเกินมาหนุน จึงทำให้เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลงแรงจนแตะระดับต้องเรียกหลักประกัน CALL หรือ FORCE SELL จึงทำให้เกิดการ FLOOR ได้ไม่ยาก และ เกิดภาวะไร้ BID ขึ้นดังเหตุการณ์เมื่อวานนี้ โดยรวมจึงทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวน และขาดความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติ


อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าว คาดไม่ได้กดดันรุนแรงมากนักเฉกเช่นในอดีตเนื่องจาก มูลค่าซื้อขายผ่านบัญชี MARGIN ทั้งหมด เดือน พ.ค. 67 อยู่ที่ 8.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งลดลงถึง 71% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยต่อเดือนในปี 2564 ที่อยู่สูงระดับ2.97 แสนล้านบาท รวมถึงล่าสุดมีปริมาณหุ้นที่ใช้ MARGIN คงค้างสัดส่วนเพียง1.54% ของ MARKET CAP.แสดงให้เห็นการใช้ MARGIN โดยรวมที่ลดลงกว่าในอดีตมาก จึงเป็นประเด็นที่นักลงทุนเบาใจลงได้บ้างระดับหนึ่ง


สรุป แม้ราคาหุ้นบางตัววานนี้จะ FLOOR โดยไร้เหตุผลทางพื้นฐาน และเกิดการสังเกตว่าอาจมาจากการมี %MARGIN คงค้างมากไป อย่างไรก็ตามมูลค่า MARGINโดยรวมทั้งตลาดฯในปัจจุบันไม่น่ากังวลเมื่อเทียบกับอดีต โดยมูลค่าซื้อขายผ่านบัญชี MARGIN ทั้งหมด เดือน พ.ค. 67 อยู่ที่ 8.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งลดลงถึง 71% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยต่อเดือนในปี 2564 รวมถึงล่าสุดมีปริมาณหุ้นที่ใช้ MARGIN คงค้างสัดส่วนเพียง 1.54% ของ MARKET CAP. จึงทำให้นักลงทุนเบาใจลงได้บ้าง

ปัจจัยภายนอกปั่นป่วน แต่ก็เห็นสัญญาณ SET INDEX มีโอกาสฟื้นเล็กๆ อยู่
ตลาดหุ้นไทยถูกปัจจัยแวดล้อมกดดันตลอดทั้งเดือนนี้ พร้อมกับต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 20 วันทำการติดต่อกัน กว่า 3.9 หมื่นล้านบาท เริ่มจากประเด็นความไม่แน่นอนการเมืองยืดเยื้อ, กนง. ส่งสัญญาณชัดยังไม่ลดดอกเบี้ย, ความกังวลประเด็นCASH FLOW RISK ในตลาดหุ้นบางบริษัท กดดัน SET INDEX ปรับตัวลงเร็วจนอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีอย่างไรก็ตามในช่วงสั้นเห็นสัญญาณ SET INDEX มีโอกาสฟื้นเล็กๆ ดังนี้

1. แม้ช่วง 2 วันที่ผ่านมา SET INDEX จะผันผวน แต่ความคืบหน้า UPTICK มีส่วนช่วหนุนดัชนีปิดบวกได้ 2 วันติด โดยเฉพาะวานนี้ปรับตัวลงไปลึก 16 จุด
เกือบตลอดทั้งวัน แต่ช่วง 1 ชัวโมงสุดทายก็พลิกกลับขึ้นมาเร็วและบวกได้6.41 จุด พร้อมกับมูลค่าซื้อขายที่หนาแนน 2 หมื่นล้านบาทภายในชั่วโมงเดียว หนุน SET INDEX ปิดเหนือ 1300 จุด พร้อมกับมูลค่าซื้อขายที่สูงถึง6.3 หมื่นล้านบาท


2. ความคืบหน้าประเด็น UPTICK เริ่มหนุนให้สัดส่วนการ SHORT SELLลดลง โดยวันที่ 17 มิ.ย. ตลาดฯ มีสัดส่วน SHORT SELL สูงถึง 16% ของมูลค่าซื้อขาย พอวันที่ 18 มิ.ย. มีความคืบหน้าประเด็น UPTICK เริ่มหนุนให้สัดส่วนการ SHORT SELL ลดลงเหลือ 13.4% ของมูลค่าซื้อขาย และลดลงต่อเนื่องในวันที่ 19 มิ.ย. SHORT SELL ลดลงเหลือ 12.6% ของมูลค่าซื้อขาย ซึ่งต่กว่าค่าเฉลี่ย SHORT SELL ในรอบ 1 เดือนที่ 13.8% แล้ว


3. ตลาดหุ้นไทยตกหนักจน UPSIDE จาก BLOOMBERG CONSENSUS เปิดกว้างเกิน +1SD แล้ว ซึ่งในอดีตมักจัตามมาด้วยการรีบาวน์กลับสั้นๆ ได้ .ปัจจุบัน UPSIDE ของ SET INDEX จาก BLOOMBERG CONSENSUS อยู่ที่ 23% สูงกว่า +1SD ที่ 2.09% ซึ่งในอดีตจะเห็นได้ว่าระยะถัดไป SET
INDEX มีโอกาสรีบาวน์กลับสั้นๆ ได้เสมอ


ประเด็นกดดันตลาดหุ้นยังมี แต่ประเด็นหนุนจากมาตการต่างๆ ก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆเช่นกัน เช่น UPTICK RULE ที่น่าจะช่วยลดระดับการ SHORT ให้ลดลง ดังนั้นตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงมาลึกมากๆ ก็มีโอกาสฟื้นตัวสั้นๆ ได้เช่นกัน ส่วนหุ้นวันนี้แนะนำCPALL, BEM, KBANK, CK, BJC, PTTEP, GULF

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้