Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

504

 


ความเชื่อมั่นไม่มา ... SET INDEX ก็ไม่กลับ
แม้จะมีความคืบหน้าในกระบวนการพิจารณา 4 คดีทางการเมือง แต่กรณีที่มีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลอย่าง กรณี นายกฯ เศรษฐา และ พรรคก้าวไกลยังต้องรอลุ้นผลสรุปอีกระยะหนึ่ง ทำให้ยังมีน้ำหนักในการสร้างแรงกดดดันต่อ SET INDEX และมีส่วนทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังไม่กลับมาอย่างไรก็ตามยังคงมีความคาดหวังเชิงบวกในส่วนของมาตาการต่างๆ ที่เตรียมเข้ามากระตุ้นตลาดหุ้น เริ่มจากแนวทางการลดแรงกดดันจากSHORT SELL โดยการนำ UPTRICK RULE เข้ามาใช้ตั้งแต่ 1 ก.ค.67 ซึ่งหวังว่าจะเป็นกลไกที่ช่วงลดแรงกดดันด้านราคา และหวังว่าจะดึงเม็ดเงินใหม่กลับเข้ามาซื้อชดเชยจากปริมาณ SHORT SELL ที่ลดลง ในอีกทางหนึ่งกระทรวงการคลังให้ความมั่นใจกับการกลับมาของกองทุนลดหย่อนภาษีแนวคิดคล้ายๆ LTF ปัจจุบันรอผลสรุปยังไม่เห็นประเด็นที่จะดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมา ซึ่งก็น่าจะทำให้SET INDEX ยังผันผวนอยู่ในบริเวณต่ำกว่า 1300 จุด ประเมินกรอบ 1290–1310 จุด หุ้น TOP PICK เลือก CPN, KBANK และ PTTEP


ความไม่ชัดเจนทางการเมืองยังหลงเหลือ มีส่วนกดดันตลาด
สำหรับความคืบหน้าทางการเมืองไทยวานนี้ มีพัฒนาการเชิงบวกหวังลดระดับความกังวลเรื่องการเบิกจ่ายงบปี 68 ล่าช้า รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจยังเดินหน้าตามแผน ใน 2 ประเด็น ดังนี้
1. กระบวนการเลือก สว.67
ศาล รธน. มีมติมติเอกฉันท์ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ม.107 พร้อมเดินหน้าเลือก สว. ระดับประเทศ วันที่ 26 มิ.ย. นี้
2. อสส. สั่งฟ้องอดีตนายกฯ ทักษิณ ทำผิด ม.112
ศาลอาญาประทับรับฟ้อง แต่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว โดยยื่นหลักทรัพย์ 5 แสนบาท

ส่วนอีก 2 ประเด็น ยังไม่มีกรอบเวลาข้อสรุปที่ชัดเจน ทำให้ความกังวลเสถียภาพรัฐบาลยังไม่ค่อยคืบหน้าซึ่งอาจมีน้ำหนักกดดันตลาดการเงินต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง
1. คดี 40 ส.ว.ยื่นถอดถอน นายกฯ เศรษฐา
ศาล รธน. นัดพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัตินายกฯ จะมีขึ้นอีกรอบในวันที่ 10 ก.ค. 67
2. คดียุบพรรคก้าวไกล
ศาล รธน. นัดพิจารณาคดียุพรรคก้าวไกลต่อเป็นวันที่ 3 ก.ค. 67 และนัดให้คู่กรณีมาตรวจพยานหลักฐานวันที่ 9 ก.ค. 67

ขณะที่ในมุมของการดำเนินนโยบายการเงิน ผู้ว่า ธปท. เผยกับ BLOOMBERG ว่า"ไม่เห็นด้วย" กับข้อเสนอของรัฐบาลที่จะปรับขึ้นกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อจากช่วง 1-3% เนื่องจากมีความกังวลว่าการกระตุ้นเงินเฟ้อ ซึ่งจะดันให้ต้นทุนกู้ยืมพุ่งสูงขึ้น ทั้งนี้แนวทางดำเนินนโยบายการเงิน-การคลังที่ไม่ประสานกัน มีส่วนสร้างแรงกดดันต่อการไหลออกของ FUND FLOW ต่างชาติ

สรุป ความไม่ชัดเจนยังหลงเหลือในประเด็นการเมืองไทย ทำให้ความกังวลเสถียภาพรัฐบาลยังไม่ค่อยคืบหน้า ขณะที่แนวทางดำเนินนโยบายการเงิน-การคลังที่ยัดูไม่สอดประสานกัน มีส่วนที่สร้างแรงกดดันต่อการไหลออกของ FUND FLOW ต่างชาติในช่วงนี้

กองทุนประหยัดภาษีจะกลับมาหรือไม่ และในอดีตกองทุน
ลักษณะไหนช่วยพยุงและเพิ่มสภาพคล่องให้SET ได้ดี
วานนี้รมว.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการกระตุ้นตลาดทุนไทยโดยยืนยันว่าหลังจากนี้จะมีออกมาอีกหลายมาตรการ เช่น มาตรการกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) หรือ กองทุนรวมส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศ (THAIESG) ซึ่งทั้งหมดอยู่ระหว่างการพิจารณาในรายละเอียดของการปรับปรุง แต่ยืนยันว่าจะเร่งพิจารณาเพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด ขณะที่เฟทโก้-สมาคม บลจ. เตรียมขอนัดพบ รมว.คลัง ยื่นเสนอกองทุนภาษีประหยัดภาษีแบบเดิม คือ LTF หวังหนุนหุ้นไทยกลับมาคึกคักอีกครั้งซึ่งวันนี้ฝ่ายวิจัยฯ จะมาเปรียบเทียบเงื่อนไขและข้อจำกัดของแต่ละกองทุนประหยัดภาษี
ทั้ง LTF SSF และ THAIESG ว่ามีข้อแตกต่างกันอย่างไร โดยเรียงลำดับจากกองทุนที่มีเงื่อนไขที่ช่วยหนุนลภาพคล่องให้ SET INDEX จากมากไปน้อย ดังนี้สินทรัพย์ที่ลงทุน : LTF - หุ้นไทยโดยต้องมีสัดส่วนลงทุนไม่น้อยกว่า 65%,THAIESG – หุ้นและตราสารหนี้ไทยที่ได้“SET ESG RATING”, SSF – สินทรัพย์ทุก
ประเภททั้งไทยและต่างประเทศวงเงินสูงสุดที่ลดหย่อนได้ : LTF –500,000 บาท, SSF -200,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท, THAIESG – 100,000บาท

ระยะเวลาการลงทุน : LTF -7 ปีปฎิทิน, THAIESG –ไม่น้อยกว่า 8 ปีบริบูรณ์, SSF -ไม่น้อยกว่า 10 ปีบริบูรณ์

ซึ่งจะเห็นได้ว่ากองทุน LTF มีข้อดีและสามารถพยุงหุ้นไทยได้มากกว่ากองทุนTHAIESG และ SSF อย่างเห็นได้ชัด จึงนำมาสู่มูลค่าเม็ดเงินซื้อสุทธิของนักลงทุนที่มากกว่าเช่นกัน โดยกองทุน LTF มีมูลค่าเม็ดเงินเข้าเฉลี่ยรายเดือนอยู่ที่ 5-6 พันล้านบาท ขณะที่กองทุน THAIESG และ SSF มีมูลค่าเม็ดเงินเข้าเฉลี่ยรายเดือนอยู่ที่ 1.1-1.2 พันล้านบาทเท่านั้น

ดังนั้น ถ้าให้ฝ่ายวิจัยฯเลือกเพียง 1 กองทุนที่สามารถเกิดขึ้นได้ ดังที่ รมว.คลังบอกไว้ขอเลือกกอง LTF เนื่องจากสามารถลงทุนในหุ้นไทยเต็มๆ หรือถ้าจะเป็นกองทุนใหม่แนะนำเน้นให้น้ำหนักลงทุนในหุ้นไทยเป็นหลัก, เพิ่มเพดานวงเงินที่ลดหย่อนภาษีได้มากขึ้น และระยะเวลาถือครองน้อยลง คาดทำให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาคึกคักดังช่วงเวลาในอดีตที่มีกองทุน LTF อยู่FUND FLOW ไหลออกตลาดหุ้นไทยมากสุดในภูมิภาค หวังแรงขายจะค่อยๆ ลดลงมาบ้าง
การก้าวสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของ FUND FLOW ต่างชาติในช่วง 1H67 เอนเอียงไปที่หุ้นกลุ่ม TECH มากขึ้น สะท้อนได้จากตลาดหุ้น NASDAQปรับตัวขึ้นได้โดดเด่น +19%YTDเช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวของ FUND FLOW ในตลาดหุ้นในภูมิภาค ที่เอนเอียงไปที่ตลาดหุ้นในแถบเอเชียเหนือเป็นหลัก (ส่วนใหญ่มีหุ้นกลุ่ม TECH ประกอบ) โดยต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นญี่ปุ่นมากสุด +3.79 หมื่นล้านเหรียญ รองลงมาคือ เกาหลีใต้ +1.59 หมื่นล้านเหรียญ และไต้หวัน + 4.1 พันล้านเหรียญในทางตรงกันข้ามขายสุทธิตลาดหุ้นในแถบเอเซียใต้ อย่าง ตลาดหุ้นไทยถูกขายสุทธิมากสุด -2.78 พันล้านเหรียญ ตามมาด้วยเวียดนาม -1.4 พันล้านเหรียญ,ฟิลิปปินส์-481 ล้านเหรียญ และอินโดนีเซีย -423 ล้านเหรียญFUND FLOW ที่ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยในปีนี้สูงสุดในภูมิภาค และเกิน 1 แสนล้านบาท กดดันให้เตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงสุดในภูมิภาค -8.4%YTD

การไหลออกของ FUND FLOW ในตลาดหุ้นไทยเกิดขึ้นหนักๆ ในช่วงปลายเดือนพ.ค. - ปัจจุบัน ซึ่งเป็นช่วงที่มีความไม่แน่นอนจากทางการเมืองสูง กดดันให้ต่างชาติขายหุ้นไทย 19 วันทำการติด กว่า -3.66 หมื่นล้านบาท


อย่างไรก็ตามในระยะสั้นน่าจะเห็น FUND FLOW ชะลอการไหลออกบ้าง เนื่องจากสถานะการณ์การเมืองมีอยู่ แต่เหตุให้เปลี่ยนแปลงเร็วๆ อย่างมีนัยฯ ยังไม่เกิดขึ้นอีกซักระยะ อีกทั้งนักลงทุนยังเฝ้ารอกฏ UPTICK และ LTF ใกล้เข้ามามากขึ้น รวมถึงเริ่มเห็นต่างชาติกลับมาซื้อ SET50 FUTURES กว่า 22,257 สัญญา ในวานนี้เพราะหากพิจารณาจากสถิติในปีนี้ พบว่า ต่างชาติซื้อ SET50 FUTURES เกิน 2หมื่นสัญญาต่อวัน ทั้งสิ้น 16 วัน และ SET INDEX ปรับขึ้นได้ถึง 15 วัน น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีขึ้น และต่างชาติอาจจะขายสำหรับหุ้นไทยน้อยลงในระยะถัดไปไป


Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ยืน 1200 จุด By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ในท้องทุ่งสีเขียว หุ้นไทยบวกยืน 1200 จุดได้อีกครั้ง ...

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้