Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

569

 

"Defensive Play"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "แกว่งรอผล FOMC" ต้าน 1325/1330 จุด รับ 1313/1307 จุด ดัชนี S&P500 ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นวันที่ 2 นำโดย Apple +7% เก็งแนวโน้มยอดขาย หลังเปิดตัว AI ในงาน WWDC 2024 ส่วนวันนี้ติดตามเงินเฟ้อ CPI และการประชุม Fed โดยตลาดมีมุมมองระมัดระวัง คือ คาดเงินเฟ้อพื้นฐานจะเพิ่ม 0.3%m-m และคาดดอกเบี้ยปี 2024 จะลดเพียง 1 ครั้ง คาดผลลัพท์น่าจะเป็นกลาง-บวกอ่อนๆได้ ส่วนภายใน ติดตามการประชุม กนง. แม้เราและตลาดคาดคงดอกเบี้ยรอบนี้ แต่หากมติไม่เป็นเอกฉันท์ ทีมกลยุทธ์ KSS มองยังมีโอกาสการปรับลดในปี 2024 ได้ 1 ครั้งหรือ -25 bps จะเป็นจิตวิทยาบวกต่อตลาด ขณะที่เรื่องการเมือง กรณีศาลพิจารณายุบพรรคก้าวไกล ยังมองกระทบตลาดจำกัด โดยน้ำหนักหลักที่กรณีคุณสมบัติคุณเศรษฐา อย่างไรก็ดี SET ได้ตอบรับความกังวลล่วงหน้าพอควรแล้ว ณ ระดับปัจจุบัน SET มี Equity Risk Premium ทั้ง Current และ Forward สูง 3.4-4.0% เป็นโอกาสสะสมระยะกลาง-ยาว แม้ระยะสั้นวันนี้คาดแกว่งในกรอบ มองหุ้นเด่น คือ กลุ่มเกาะกระแส Apple (ชิ้นส่วน, ขายมือถือ) กลุ่ม Defensive (ร.พ., สื่อสาร)วันนี้แนะนำ ADVANC, BDMS, GULF


Daily outlook: "Sideways" ต้าน 1325/1330 จุด รับ 1313/1307 จุด

What happened around the world ?

• (*) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐ Dow jones -0.31% (หลักถูกดดันจากกลุ่มธนาคาร JP Morgan, Bank of America M&T Bank -2% หลัง PIMCO คาดจะเกิดการล้มละลายของ Regional Bank มากขึ้นในสหรัฐฯ เนื่องจากมีสัดส่วนเงินกู้ที่สูงมากในอสังหาฯพาณิชย์), S&P500 +0.27%ทำ All Time High Nasdaq +0.88%ทำ All Time High โดยดัชนี S&P Sector ที่ปรับขึ้นมีเพียง กลุ่ม IT, ICT แรงหนุนจาก Apple +7% ที่ขึ้นทำ All Time High หลังตลาดมองบวกต่อการที่บริษัทเปิดตัว AI features โดย Sector ที่ปรับลงหลักๆ คือ กลุ่ม Financials, Utilities, Indistrials ฯลฯ โดยหุ้นที่ปรับขึ้น/ลงเด่นๆคือ General Motors +1% Crowdstrike +2% Shopify +2% Paramount Global -7%

•(+) Apple : ราคาหุ้น Apple +7% จากความคาดหวังยอดขายและกำไรเพิ่มขึ้นหากเปิด iPhone รุ่นใหม่ในช่วงปลายปีหลังวานนี้บริษัทโชว์ฟังก์ชั่นต่างๆเพิ่มโดยเฉพาะ AI หรือ Apple Intelligence KSS มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อ HANA และ กลุ่มค้าปลีกมือถือ COM7 CPW JMART SYNEX

• (*) Fed Meeting Monitor : ผลประชุม Fed ทราบผลเช้ามืดพรุ่งนี้ คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25-5.5% ตามเดิม KSS ให้น้ำหนัก ถ้อยแถลง และคาดการณ์ GDP สหรัฐของ Fed และที่สำคัญคือ Fed Dot plot (1.) หากคงการลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ไว้ที่ 3 ครั้ง มองเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง, 2.) หากลดดอกเบี้ยเหลือ 2 ครั้ง (KSS ให้น้ำหนัก) มองเป็นกลางต่อตลาด, 3.)หากปรับลดคาดเหลือ 1 ครั้ง ประเมินตลาดหุ้นน่าจะตอบสนองในทางลบ) MUFG ยังให้โอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed รวม 3 ครั้งในปีนี้ โดยเชื่อว่าจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกในการประชุมรอบ ก.ค 24

• (*/+) South Korea Export ยอดส่งออกของเกาหลีใต้ปรับตัวลดลงในช่วง 10 วันแรกของเดือนมิ.ย. แม้ลดลง -4.7%y-y แต่เนื่องจากมีจำนวนวันทำงานน้อยกว่าปีที่แล้ว หากมองรายสินค้า ยอดส่งออกเซมิคอนดักเตอร์พุ่งขึ้น 36.6%y-y มองเป็นประเด็นหนุนเพิ่มเติมจากกรณีวานนี้ที่ Apple เปิดตัว AI ประเมินจิตวิทยาบวกต่อหุ้นชิ้นส่วนฯ เน้น HANA KCE

• (*) To monitor : ติดตามรายงานเงินเฟ้อสหรัฐเดือน พ.ค. วันนี้ เวลา 1 ทุ่มครึ่ง ตลาดคาด 0.1%m-m, 3.4%y-y Core CPI 0.3%m-m, 3.5%y-y 14 มิ.ย: ญี่ปุ่น BoJ Meeting คาดคงดอกเบี้ยแต่จะปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรจาก 6 ล้านล้านเยน เหลือ 5 ล้านล้านเยน

• (*) US Bond & Dollar : แนวโน้มระยะสั้นพลิกปรับลงแรง มองเป็นการพักตัวหลังจากปรับขึ้นแรงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ อายุ 10 ปี ปรับลง -8 bps อยู่ที่ 4.39% เช่นเดียวกับ 2 ปี ปรับลง -6 bps อยู่ที่ 4.81% ขณะที่ Dollar Index อ่อนค่าลงมา 104.8+/- จุด

• (*/+) Oil : ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว Brent +0.36%d-d ปิดที่ US$ 81.92/barrel น้ำมันดิบ West Texas +0.21%d-d ปิดที่ US$ 77.9/barrel มองเป็นการฟื้นตัวทางเทคนิคและ รายงานประจำเดือน OPEC คาดการณ์ demand น้ํามันจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2024 และ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2025 จากมุมมองเศรษฐกิจโลกโตเป็นขั้นบันได 2.8% ในปีนี้และ 2.9% ในปี 2025 มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อ SET และหุ้นพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP

• (-) BDI & Bitcoin : ดัชนีค่าระวางเรือ BDI -2.76% ปิดที่ 1831 จุด เป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นกลุ่มเรือเทกอง อาทิ PSL,TTA ราคาบิทคอย -3.35%d-d ปิดที่ 67280.16 USD เป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นกลุ่ม Crypto อาทิ BTC, JTS, TTA

What happened in Thailand ?

• (*/-) SET: ตลาดหุ้นไทยวันทำการล่าสุด เคลื่อนไหวผันผวน แม้รีบาวน์ได้ระหว่างวันตามที่ KSS ประเมิน แต่ปิดปรับตัวลดลง -2.47 จุด (-0.19%) ปิดที่ 1,316.1 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4.53 หมื่นล้านบาท กลุ่มหนุน คือ กลุ่ม ร.พ. (BDMS, BH) เด่นในฐานะหุ้น Defensive ที่ตลาดเลือกลงทุนในช่วงผันผวนสูง ขณะที่มีปัจจัยเร่งเข้าสู่ฤดูกาลหน้าฝน กลุ่มชิ้นส่วนฯ (HANA, KCE) ตอบรับรายงานยอดส่งออก 10 วันแรก มิ.ย. เกาหลีใต้ที่ยอดส่งออกสินค้าเซมิคอนดักเตอร์ยังเติบโตเด่น +36.6%y-y ผสาน จิตวิทยาบวก Apple เปิดตัว AI ในงาน WWDC 2024 บ่งชี้ วงจรการเปลี่ยน Smart Devices รอบใหม่ กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มธนาคาร (KBANK, BBL) มองเป็นการขายลดความเสี่ยงก่อนประชุม กนง. วันนี้ กลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT) ความไม่ชัดเจนการเมืองยังเป็นปัจจัยบั่นทอนความเชื่อมั่นลงทุนกลุ่ม Domestic ต่อเนื่อง

• (*/-) Flow : เงินทุนต่างประเทศไหลออก ขายหุ้น -87.3 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -25.85 ล้านเหรียญฯ TFEX Net Long 19,204 สัญญา เงินบาทอ่อนค่าทรงตัว 36.7+/- บาท

• (*/+) Flu: กทม. เตือน "โควิด-ไข้หวัดใหญ่" พีคสุด มิ.ย.-ส.ค. มองเป็นภาพบวกยืนยันกลุ่ม ร.พ. กำลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาล โดยในกลุ่ม ร.พ. เน้น BDMS และ CHG ที่เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม

• (*) Cabinet: ผลประชุม ครม. ที่สำคัญ วานนี้

ครม.ไฟเขียวปรับค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเป็น 17-45 บาทเริ่ม 3 ก.ค. 24 (เดิม 16-43 บาท) มองบวกต่อ BEM โดยภายใต้ประมาณการที่เรารวมผลบวกดังกล่าวไว้แล้ว คาดเป็นหุ้นที่เติบโตมั่นคงปี 2024-25F ที่ 10.8%, 7.7% ตามลำดับ
นายกสั่งการพลังงานเร่งหารือ BOI เคาะเงื่อนไข Direct PPA ดึงยักษ์ใหญ่ต่างชาติเข้าลงทุน รองรับกระแสลงทุน Data Center จากต่างประเทศที่กำลังเป็นภาพเร่ง บวกต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า เพราะความชัดเจนดังกล่าวจะทำให้ภาครัฐจัดทำแผน PDP ใหม่ที่มีสัดส่วนไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น(วันนี้เปิดทำประชาพิจารณ์) นั่นหมายความว่าจะต้องมีการเปิดประมูลและรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมากขึ้นเป็น MW Growth ให้กับผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าในอนาคตเราเลือก GULF เป็น Top pick ของกลุ่ม นอกจากนี้ ท่าทีการคลายข้อจำกัดต่างๆของรัฐบาลต่อเนื่อง เราจิตวิทยามองบวกต่อกลุ่มที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากกระแสลงทุน Data Center อาทิ WHA, INSET, TRUE
• (*) TH Tourism: จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ที่ผ่านมา 3-9 มิ.ย. 24 อยู่ที่ 5.92 แสนคน ลดลง -5.2%w-w ขณะที่โดยรวม YTD ถึง 9 มิ.ย. มีจำนวนสะสมอยู่ที่ 15.5 ล้านคน หรือ เฉลี่ยวันละ 9.65 หมื่นคน ผสาน สัปดาห์นี้ที่มีวันหยุดเทศกาล Dragon Boat Festival ของจีน และช่วง 2H24 ซึ่งมาตรการ ฟรี วีซ่าจะมีผลครอบคลุมหลายประเทศมากขึ้น เรามองกรอบนักท่องเที่ยวปี 2024F 35.5-36 ล้านคน ส่วนกลยุทธ์ระยะสั้น เน้น AOT ที่ผันผวนต่ำช่วงนอกฤดูกาล และ MINT ที่ช่วงฤดูกาลยุโรปเป็นแรงหนุน

• (*) To monitor: วันนี้ (12 มิ.ย.)

1) ศาลปกครองสูงสุด นัดอ่านคำพิพากษาในคดี BTSC บ.ย่อย BTS ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม กรณีเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติและหลักเกณฑ์คัดเลือกเอกชนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) ให้แตกต่างจากหลักเกณฑ์เดิม ทั้งนี้ คดีนี้ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง หากศาลปกครองสูงสุดยืนยันคำตัดสินเหมือนกับศาลชั้นต้นที่ตัดสินว่าการเปิดประมูลงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มชอบด้วยกฎหมาย จะเป็นบวกต่อจิตวิทยาการลงทุนของหุ้น BEM และ CK (สายสีส้มจะเพิ่มมูลค่าเหมาะสมให้ BEM 1 บาทต่อหุ้น อย่างไรก็ตามเรารวมมูลค่าดังกล่าวไว้ในราคาเหมาะสมแล้ว)

2) ติดตามการประชุม กนง. คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.5% แต่แน่ให้ดูมติว่าเสียงเป็นเอกฉันท์หรือไม่รวมถึงดูตัวเลขประมาณการ GDP เพราะทั้ง 2 ปัจจัยจะมีผลต่อจิตวิทยาการลงทุนของหุ้นกลุ่มธนาคารรวมถึงกลุ่มไฟแนนซ์

3) การเมือง i) ติดตามกำหนดการศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำตัดสินคดีคุณคุณสมบัติคุณเศรษฐา หลังนายกเซ็นลงนามคำชี้แจงแล้ว โดยจับตาวันที่ 12 มิ.ย. ซึ่งเป็นปกติที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีการประชุมกันทุกวันพุธ ii) ) 12 มิ.ย. การพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล หากผลตัดสินพรรคก้าวไกลไม่ผิด ตลาดหุ้นจะตอบสนองในทางบวกไม่มีความเสี่ยงจากความวุ่นวายทางการเมือง ตรงข้ามหากตัดสินยุบพรรค ตลาดตอบรับในทางลบกังวลกระแสต่อต้านของกลุ่มผู้สนับสนุนแต่ downside จำกัดเนื่องจากไม่มีผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ส่วนกรณีไต่สวนเพิ่มเติมหรือยังไม่พิจารณาจะเป็น Overhang กับ SET ต่อ

 

 

Daily Strategy : ADVANC, BDMS, GULF เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "แกว่งรอผล FOMC" บรรยากาศตลาดวันนี้มองเป็นการรอรายงานเศรษฐกิจ+การประชุมที่สำคัญ อาทิ เงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ และการประชุม Fed ส่วนภายใน คือ การพิจารณาคดีพรรคก้าวไกล และการประชุม กนง. ทำให้หุ้นนำนวันนี้ในกลุ่ม Defensive อาทิ สื่อสาร ร.พ. ขนส่งมวลชน โรงไฟฟ้า รวมถึงกลุ่มที่มีแรงหนุนเฉพาะตัวจากกรณี Apple เช่น ชิ้นส่วน เน้น HANA กลุ่มจำหน่ายมือถือ COM7, JMART, SPVI, CPW, ADVICE

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด + เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหนุนอุตสาหกรรมทยอยเข้าสู่ Upgrade Cycle (HANA, SCGP, IVL, GLOBAL, DOHOME)
กลุ่มภาคผลิตไทยฟื้นตัว y-y ครั้งแรกในรอบ 19 เดือนหนุน (GFPT, TU, OSP, CBG, SCGP, IVL, STA, NER)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการท่องเที่ยวชุดใหญ่ของรัฐฯ หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, BJC, ICHI, AOT, MINT, ERW)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, WARRIX, MTC)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, WHA)
กลุ่มได้ประโยชน์เทศกาลฟุตบอลยูโร 2024 (CPALL ADVANC TRUE MINT BJC HMPRO GLOBAL SAPPPE DOHOME OSP ICHI)

• JUNE24 Best Picks: MINT, GFPT, HANA, ICHI, OSP, BJC, MTC

• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

Strategy Update : SET50/100 Last Update

ทีมกลยุทธ์ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 2H24 ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน มิ.ย. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ก.ค. 2024 ด้วยเกณฑ์การคัดเลือกล่าสุด โดยสำหรับผลการคำนวนครั้งนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 พ.ค. 2023 – 31 พ.ค. 2024 (ข้อมูลครบตามเกณฑ์คำนวณของตลาดฯ) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงสูง เราหวังว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ หุ้นเข้าและออกมีรายละเอียดดังนี้

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100%), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 90%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 90%), SAWAD (โอกาสหลุด 90%), KCE (โอกาสหลุด 100%) และ COM7 (โอกาสหลุด 100%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 9 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, JAS, QH, SKY, PRM, TIPH

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 9 บริษัท คือ AURA, BYD, FORTH, MOSHI, NEX, ORI, SNNP, THG, TKN

กลยุทธ์ แนะนำ เก็งกำไร BJC, BCP, ITC ที่จะเข้า SET50 ส่วน SET100 แนะนำเก็งกำไร BA, CKP

• Strategy Update : EURO 2024 Plays

Fact : มหกรรมฟุตบอลยูโร หนึ่งในรายการฟุตบอลนานาชาติที่จุดทุกๆ 4 ปี ที่ชาวไทยเฝ้าติดตามสูงสุด จะเริ่มต้นอีกครั้ง กลาง มิ.ย. 2024 นี้ โดยทุกๆทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลระดับโลก เม็ดเงินจับจ่ายใช้สอยจะเร่งขึ้นสูงถึงระดับ 1.5-1.8 หมื่นล้านบาท นับว่ามีนัยสำคัญ เทียบกับช่วงเวลามหกรรมที่สั้นราว 1 เดือน โดยมีสินค้าหลักที่ความต้องการพุ่งสูงขึ้นช่วงเวลา ได้แก่ อาหาร+เครื่องดื่ม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์กีฬา

Analysis จากการผลการศึกษาผลการเคลิ่นไหวอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกลุ่มสินค้าดังกล่าวในช่วงเวลาที่มีเทศกาลเกิดขึ้นย้อนหลัง 5 ครั้ง กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากกำลังซื้ออุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้นในช่วงมหกรรมดังกล่าว อาทิ สื่อสาร โรงแรม ค้าปลีก และอาหาร ให้ผลตอบแทน 7.2% 6.3% 4.5% และ 1.8% ในช่วงฟุตบอลยูโร 3 รอบ (ไม่รวมรอบที่มี Market Risk ในปี 2008 (Subprime Crisis) และ 2021 (COVID-19)) ขณะที่พบว่ากลุ่มอาหารระยะหลังที่ทยอยมีหุ้นเครื่องดื่มเข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น แม้ในช่วงปี 2021 ที่ตลาดมีปัจจัยเสี่ยง Market Risk ยังสามารถให้ผลตอบแทนชนะตลาดได้ที่ +1.0% vs SET -5.3%

Strategy : เชิงกลยุทธ์ พบว่า หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวที่มักให้ผลตอบแทนเด่นชนะตลาดในช่วงเวลาที่มีเทศกาลฟุตบอลยูโรเฉลี่ย 15.3%-2.7% ถือเป็นชุดหุ้นที่มีความน่าสนใจและเหมาะกับการเก็งกำไรในรอบตลาดปัจจุบันที่กำลังตั้งฐานฟื้นตัว ได้แก่ CPALL(TP-80) ADVANC(TP-275) TRUE (TP-10.3) MINT (TP-42) BJC (TP-33) HMPRO (TP-15) GLOBAL (TP-17.6) SAPPPE(TP-125) DOHOME (TP-12.3) OSP(TP-26) ICHI(TP-22)

 

• Strategy Update : FTSE Rebalance

FTSE ประกาศรายชื่อหุ้นชุดใหม่จะมีผล Rebalance ในราคาปิด วันที่ 21 มิ.ย.2024FTSE ALL World Index(Large + Mid Cap) วัน Rebalance เป็นการเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย คิดเป็นเม็ดเงินราว +50 ล้านเหรียญฯโดยหลักๆ เป็นการเพิ่มน้ำหนัก SAWAD BGRIM, CPF ,MINT เฉลี่ยราว +20 ถึง +10 ล้านเหรียญฯ ขณะที่หุ้นเข้า – ออก ในส่วนต่างๆ ดัชนี สรุปได้ดังนี้

o FTSE Large Cap : ไม่มีหุ้นเข้าและหุ้นออก

o FTSE Mid Cap : ไม่มีหุ้นเข้าและหุ้นออก

o FTSE Small Cap : ไม่มีหุ้นเข้าและหุ้นออก

o FTSE Micro Cap : หุ้นเข้า SAFE, TAN หุ้นออก : ไม่มี

• Strategy Update : Data Center

• กระแสลงทุน Data Center ในไทยกำลังเร่งขึ้น อย่างเป็นรูปธรรม มีสัญญาณบ่งชี้จาก 1) WHA มีโอกาสสูงเซ็นสัญญาขายที่ดินขนาด 400-500 ไร่ให้กับผู้ประกอบการ Data Center ระดับโลกกลางปี 2024 นี้ 2) เริ่มผู้ประกอบการ Data Center ที่เคยลงทุนในประเทศไทยไปแล้วติดต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า วางแผนร่วมกันถึงกำลังผลิตไฟฟ้าที่ต้องการสำหรับแผนขยายการลงทุนเพิ่มเติมระดับ 100+ MW

• การลงทุนดังกล่าว เรามองบวกต่อการสร้าง S Curve ใหม่ๆต่อเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจนขึ้น อิงขนาดที่ดินที่มีโอกาสขายขนาดใหญ่ WHA บ่งชี้ทิศทางผู้ประกอบการต่างชาติน่าจะมองไทยหนึ่งในศูนย์กลางData Center ของภูมิภาค

• KSS ประเมินทิศทางจะเปิด Upside ของหุ้นกลุ่มต่างๆ ดังนี้ 1) กลุ่มนิคม จากโอกาสขายที่ดิน 2) กลุ่มโรงไฟฟ้า จากโอกาสต่อยอด Upside กำลังผลิตเพิ่มเติม โดยเฉพาะกลุ่มที่เน้นพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น 3) กลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคม ที่มักเป็นกลุ่มช่วยให้ผู้ประกอบการระดับโลกเช่าใช้ Data Center ที่มีเพื่ออำนวยความสะดวกธุรกิจช่วงเริ่มต้น + โอกาสเติบโตจากการผลักดันมีการใช้งานข้อมูลเพิ่มขึ้นระยะกลาง-ยาว 4) กลุ่มผู้รับเหมา ICT ที่มีศักยภาพสร้าง Data Center 5) กลุ่ม Digital Tech จากมุมมองเชิงบวกต่อภาพ Digital Transformation ระยะยาว เชิงกลยุทธ์หากประกอบภาพพื้นฐานหุ้นระยะสั้น ให้เน้น WHA(TP-6) GULF(TP-45.5) TRUE(TP-10.3) INSET(TP-3.2)

 

• PTTEP (Trading Buy, TP180): เรามอง slightly negative ต่อการเข้าลงทุนในแหล่ง Ghasha UAE เพราะ คาดแรงหนุนปริมาณขายและกำไรใน 2025-26F ยังไม่มีนัยสำคัญ และเบื้องต้นคาดการลงทุนจะได้ที่การสร้างความต่อเนื่องของรายได้ แต่อาจไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่ม (โดยมูลค่าลงทุนยังไม่เปิดเผยทั้งหมด ประเมินเบื้องต้น IRR 9-10%) ทั้งนี้ในส่วนของเงินลงทุนที่ต้องใช้มองไม่ได้สร้างแรงกดดันด้านสภาพคล่อง (1Q24 มีเงินสดในมือ 1.9 แสนลบ. และ IBD/EQ ต่ำราว 0.2 เท่า) ทั้งนี้เราคงคำแนะนำ Trading Buy ที่ TP24F = 180.00 บ. หากราคาหุ้นปรับลดจากแรงกดดันการลงทุนข้างต้น จะเป็นโอกาสซื้อเก็งกำไรกำไร 2Q24F ที่คาดฟื้น q-q และโอกาสสร้าง upside จากโครงการระหว่างพัฒนา/สำรวจฯ และ M&A ในอนาคต

• BEM (Buy, TP*9.5): Reiterate Buy rating with TP Bt9.5. Thing seems turning out to be in favor of BEM. This starts with the cabinet's approval of Bt1/trip fare price hike for blue line, effective 3 July this year. The increase won't be a surprise as BKK's CPI had rose to the level that BEM can raise fare price and it is already in our earnings estimate. But the effective date of the hike had been normally delayed since the cabinet would like to mitigate the cost of living for people. Court case on orange line is supposed to be today. Verdict in favor of BEM would act as share price catalyst.

• AIMIRT (Buy, TP*9.5): AIMIRT successful acquisition PPF effective on 6 June and its market cap will expand by 30% to Bt8.3b (rank #13). It also plans to acquire new assets next year. We look for DPU to fell qoq in 2Q24 due to only two-month operations and Bt0.87 DPU post-acquisition (inch-up slightly from Bt0.86 pre-acquisition). This implies attractive yield of 8.3% and real yield of 7.1%.

2Q24F Equity Outlook : Entering into "Search of Yield", Standby for Asia & Thailand Recovery

Stock Best Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU

Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ประคับประคอง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทย คงประคับ ประคอง แกว่งตัวไปมา ท่ามกลาง บริษัทจดทะเบียนไทย...

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้