"Peaking Yield + Seasonal Play"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Rebound" ต้าน 1350/1355 จุด รับ 1332/1330 จุด ดัชนี S&P500 ฟื้นตัวอ่อนๆ +0.15% ตอบรับ US Bond Yield 10ปี ปรับลงอีก -8 bps สู่ 4.33% หลังดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอลงต่อเนื่อง ล่าสุดตำแหน่งงานเปิดใหม่ เม.ย. 24 ออกมา 8.05 ล้านตำแหน่ง ต่ำกว่าคาด และต่ำสุดในรอบ 3 ปี และตลาดยังจับตายอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรวันศุกร์นี้ หากยังใกล้เคียง 1.8-2.0 แสนตำแหน่ง ถือเป็นภาพสมดุล-ค่อยๆอ่อนลง ตลาดจะเชื่อมั่นต่อวงจรดอกเบี้ยขาลงในปีนี้ หนุนจากเงินเฟ้อที่อ่อนลง > เศรษฐกิจที่ทรุด โดยวันนี้ติดตามรายงานเบื้องต้น ADP (ระบบอัตโนมัติ) ตลาดประเมิน 1.75 แสนราย ปัจจัยต่างประเทศเป็นกลาง-บวกอ่อนๆ ส่วนภายในยังถูกถ่วงจาก Overhang การเมือง แต่ระดับ SET ปัจจุบัน อิง EPS ตลาดกรณีเลวร้ายมองไม่ต่ำกว่าปี 2023 เต็มไปด้วยปัจจัยรุมเร้าที่ 78 บาท ซึ่งหากใช้ระดับดังกล่าว Equity Risk Premium จะสูง 3.05% ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย จะช่วยจำกัด Downside ลุ้น SET รีบาวน์ หนุนจากกลุ่ม Yield ผ่าน Peak พีครอบนี้หนุน กลุ่มได้ประโยชน์น้ำมันลง และ Defensive วันนี้แนะนำ MINT, HANA, BDMS

 

Daily outlook: "Sideways" ต้าน 1350/1355 จุด รับ 1332/1330 จุด

What happened around the world ?

• (*/+) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นต่อในอัตราที่ชะลอลง Dow jones +0.36%d-d, S&P500 +0.15%, Nasdaq +0.15% โดย Sector ใน S&P500 กลุ่มที่ Outperform คือ IT, Healthcare, ICT ฯลฯ กลุ่มที่ Underperform คือ Real estate, Consumer staples, IT ฯลฯ กลุ่มที่ Underperform คือ Materials, Energy ฯลฯ หุ้นที่รับขึ้นเด่นคือ กลุ่มขนส่ง Carnival +5.8%, Royal Caribbean Cruise +2.8% กลุ่ม High Growth อาทิ NVDIA +1.2% ฯลฯ

•(*) US Econ : 1.)ตัวเลขความต้องแรงงานสหรัฐ มีทิศทางชะลอ สะท้นผ่านรายงาน Job Openings and Labor Turnover Survey (JOLTs) เดือน เม.ย. ลดลง 2 เดือนติดต่อกัน ลดลง 2.96 แสนราย อยู่ที่ 8.059 ล้านราย และต่ำกว่าคาด และต่ำสุดในรอบ 3 ปี (กลุ่มที่มีการจ้างงานลดลงคือ รัฐบาล , ภาคการผลิต สุขภาพ, ข้อมูล ฯลฯ 2.)ภาคผลิต คือ คำสั่งซื้อโรงงาน เดือน เม.ย. +0.7%m-m ถือว่าตามคาด (ขยายตัว m-m- 3 เดือนติดต่อกัน) 3.) ภาคการบริโภค รายงานยอดขายรถยนต์ทั้วประเทศ เดือน พ.ค. ปรับเพิ่มขึ้น m-m 2 เดือน อยู่ที่ 3.07 ล้านคัน โดยรวม KSS ประเมินภาพเศรษฐกิจสหรัฐยังเป็นภาพ Soft landing ภาพอัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มชะลอลงเข้ากรอบของ Fed ที่ 2% หนุนทิศทางดอกเบี้ยผ่านจุด Peak ไปแล้ว เป็นจิตวิทยาบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงระยะถัดไป

• (*/+) ECB meeting : วันพรุ่งนี้ 6 มิ.ย. ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตลาดและ MUFG คาดลดดอกเบี้ย -25 bp ทำให้ deposit facility rate ลดลงสู่ระดับ 3.75% ขณะที่ main refinancing rate จะอยู่ที่ระดับ 3.5% MUFG คาดว่าจะลดดอกเบี้ยอีกไตรมาสละ -25 bps ใน 3Q24 และ 4Q24 KSS มองจะหนุนให้ค่าเงินยูโรแนวโน้มอ่อนค่าบวกต่อภาคส่งออกยุโรป ผสานกับกระตุ้นกำลังซื้อ และการลงทุนต่อเศรษฐกิจยุโรป ผสาน Event สำคัญหนุนทั้งบอลยูโรที่เยอรมนี และโอลิมปิคที่ฝรั่งเศส ผสานกับ ECB ส่งสัญญาณจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%ในการประชุม 6 มิ.ย.นี้ มองบวกหุ้นทีมีรายได้ในยุโรป อาทิ XO(70%ของรายได้รวม), MINT(50%) SHR(40%), IVL (22%) CRC(6%) เน้นลงทุน MINT, IVL

• (*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 7 มิ.ย. ติดตามการจ้างงานสหรัฐฯ พ.ค. 24 1) ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตร ตลาดคาด 1.8 แสนตำแหน่ง vs prev. 1.75 แสนตำแหน่ง 2) อัตราว่างงาน พ.ค. 24 ตลาคาด 3.9% ทรงตัวจาก prev. โดยรวมเราประเมินความเป็นไปได้ที่จะอยู่ในระดับสมดุล หากการจ้างงานนอกภาคเกษตรสูง < 2.0 +/- แสนตำแหน่ง คาดจะช่วยให้ US Bond Yield อายุ 10ปี มีโอกาสผ่านจุดสูงสุดในรอบนี้ที่ ฝั่งจีน5 มิ.ย. Caixin PMI ภาคบริการ พ.ค. คาด 52.6 จุด 7 มิ.ย. ดุลการค้า พ.ค. ไม่มีคาด ส่งออก ไม่มีคาด ,นำเข้า ไม่มีคาด vs prev.

• (*) US Bond & Dollar : Bond yields ระยะสั้น เป็นขาลงชัดปรับลงติดต่อกัน 4 วัน อายุ 10 ปี ปรับลงต่ออีก -8 bps มาอยู่ที่ 4.33% เช่นเดียวกับอายุ 2 ปี ปรับลง -5 bps อยู่ที่ 4.77% โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อกับหุ้นในกลุ่มอิเล็กฯ, กลุ่มการเงิน และกลุ่มโรงไฟฟ้า แต่จะลบกับกลุ่มธนาคารและประกัน ในวันนี้ ขณะที่ Dollar Index แกว่งตัวอ่อนค่า อยู่ที่ 104.0 +/- จุด (ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์และเป็นโซนแนวรับสำคัญ)

•(*/-) Oil น้ำมันดิบปรับลงต่อ อิง Brent -1.07%d-d ปิดที่ US$ 77.52/barrel น้ำมันดิบ West Texas -1.31%d-d ปิดที่ US$ 73.25/barrel แรงกดดันเรื่องเดิม คือ OPEC+ ให้สัมภาษณ์มีโอกาสเริ่มกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตอีกครั้งใน ต.ค.2024 - ก.ย.2025 และหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP บวกต่อหุ้นที่มีธุรกิจต้นทุนน้ำมัน อาทิ กลุ่มสายการบิน AAV, BA กลุ่มเครื่องดื่ม ICHI

 

What happened in Thailand ?

• (-) SET: ตลาดหุ้นไทยวันทำการล่าสุด ยังผันผวน ปรับลง -8.34 จุด หรือ -0.62% ปิดที่ 1337.32 จุด กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มพลังงาน (GULF, GPSC, EA, PTT, PTTEP) โรงไฟฟ้ามาจากข่าวโนงแยกก๊าซ Nyhamna ปิดซ่อมนอกแผน ทำให้ราคาก๊าซ JKM LNG พุ่งแตะระดับ 12.86 เหรียญฯต่อ MMBtu vs ปลายสัปดาห์ก่อนที่ 12.2 เหรียญฯต่อ MMBtu กลุ่มขนส่ง (AOT, BEM) กลุ่มหนุน คือ กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE) อยู่ในรอบ Earnings Upgrade ของตลาด ผสาน จิตวิทยาบวก TRUE ได้ลิขสิทธิ์ฟุตบอลยูโร 2024 กลุ่มแพ็คเกจจิ้ง (SCGP) ตอบรับสัญญาณบวกซัพพลายลดลง

• (*/-) Flow : เงินทุนต่างประเทศไหลออก ขายหุ้น -61.3 ล้านเหรียญฯ ซื้อพันธบัตร +27.1 ล้านเหรียญฯ TFEX สถานะ Net Short -3,132 สัญญา เงินบาททรงตัว 36.6 +/- บาท

• (*/+) TH Tourism: นักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ที่ 22 ปี 2024 (27 พ.ค. – 2 มิ.ย.) อยู่ที่ 6.24 แสนคน +4.7%w-w หนุนนักท่องเที่ยว YTD ถึง 2 มิ.ย. อยู่ที่ 14.95 ล้านคน หรือเฉลี่ยวันละ 9.7 หมื่นคน ผสาน มาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลทยอยออกมาเพิ่มเติมหนุนช่วงนอกฤดูกาล โดยเฉพาะฟรี วีซ่า คาดหนุนนักท่องเที่ยวปี 2024F อยู่ในระดับกรอบบนที่ตลาดประเมิน 35.5-36 ล้านคนเป็นอย่างน้อย ทั้งนี้ ระยะสั้น กลุ่มอิงท่องเที่ยวยังเน้น AOT MINT

• (*/+) Samui: กระแสการท่องเที่ยวเกาะสมุยคาดมีแนวโน้มคึกคักขึ้น หลัง ลิซ่า นักร้อง นักเต้น นักแสดงชื่อดังไทยเดินทางไปท่องเที่ยว และโพสต์ลง Instragram lalalalisa_m ซึ่งมี Followers ทั้งสิ้น 103 ล้านคน มองจิตวิทยาบวกต่อการท่องเที่ยวไทยและ BA ที่ให้บริการเที่ยวบินตรงสู่เกาะสมุย รวมถึงเป็นผู้ให้บริการสนามบินด้วย

• (*/+) Cabinet: มติ ครม. ที่สำคัญวานนี้

ครม. อนุมัติมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรอง (ให้นิติบุคคล/บุคคลนำค่าใช้จ่ายไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท ไปลดหย่อนภาษีได้) มีผล 1 พ.ค. – 30 พ.ย. เรามองมาตรการดังกล่าวเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยในช่วง low season โดยเฉพาะกลุ่มที่มีโรงแรมในต่างจังหวัดสูง ERW(37% ของห้องพัก) CENTEL (9% ของห้องพัก) เชิงกลยุทธ์มองเป็นการเล่นรีบาวน์สั้นๆ ส่วนกลุ่มที่ยังให้เน้นลงทุนช่วง 2Q24-3Q24 ยังเน้นที่ AOT MINT เป็นหลัก
ครม. เห็นชอบงบปี 2567 เพิ่ม 1.22 แสนลบ. ใช้แจกดิจิทัลวอลเล็ตกระตุ้นเศรษฐกิจ ขั้นตอนต่อไปคือนำส่งสภาฯ พิจารณา ซึ่งผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ คาดว่าวงเงินงบประมาณ 1.22 แสนล้านบาท จะมาจากเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณผ่านสภาฯ ได้ทันในปีงบประมาณนี้ เรามองเป็นกลาง โดยตลาดอาจกังวลต่อหนี้สินต่อ GDP ที่เพิ่มขึ้นและใกล้ 70% ตามแผนการคลังระยะปานกลาง ส่วนการนำเงินไปใช้ในนโยบาย Digital Wallet ได้ตามนโยบายหลักรัฐฯ หรือไม่ ยังน่าจะต้องติดตามพัฒนาการการเมืองในกรณีคุณสมบัตินายกคุณเศรษฐาต่อ
อนุมัติ จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ตั้งแต่ 1-1,500 บาท เตรียมออกประกาศแก้ไขฉบับเดิม มีผลบังคับใช้หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา 15 วัน มองเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีกและธุรกิจ SME ที่แข่งขันได้ดีขึ้น เน้น CPALL, KBANK, TTB
• (*/+) LTF: ระยะถัดไปแนะนำติดตามความคืบหน้าการพิจารณามาตรการ LTF หลังจาก FETCO มีการหารือตั้งแต่ 21 พ.ค. ซึ่งคาดมีข้อสรุปกับกระทรวงการคลังช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้านี้

 

Daily Strategy : MINT, HANA, BDMS เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Rebound" ปัจจัยต่างประเทศเป็นกลาง-บวกอ่อนๆ US Bond Yield อายุ 10ปี สหรัฐฯปรับตัวลดลงต่อเนื่อง แต่ตลาดยังรอดูรายงานยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร เพื่อประเมินวงจรดอกเบี้ยว่าจะลดลงจากเงินเฟ้อที่อ่อนลงหรือผลกระทบเศรษฐกิจทรุด ส่วนภายใน การเมืองยังเป็น Overhang หลัก แต่ระดับ Index ปัจจุบันเรามองสะท้อนภาพความเสี่ยงกรณีค่อนข้างเลวร้ายแล้ว หากอิง Valuation จากฐานกำไรปั 2023 ที่เต็มไปด้วยปัจจัยรุมเร้า มองมีโอกาสลุ้น Rebound มองหุ้นนำ กลุ่ม Yield ผ่าน Peak พีครอบนี้หนุน กลุ่มได้ประโยชน์น้ำมันลง และ Defensive

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด + เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหนุนอุตสาหกรรมทยอยเข้าสู่ Upgrade Cycle (HANA, SCGP, IVL, GLOBAL, DOHOME)
กลุ่มภาคผลิตไทยฟื้นตัว y-y ครั้งแรกในรอบ 19 เดือนหนุน (GFPT, TU, OSP, CBG, SCGP, IVL, STA, NER)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการท่องเที่ยวชุดใหญ่ของรัฐฯ หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, BJC, ICHI, AOT, MINT, ERW)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, WARRIX, MTC)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, WHA)

• MAY24 Best Picks: ICHI, BJC, HANA, IVL, MINT, CPALL, OSP

• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : FTSE Rebalance

FTSE ประกาศรายชื่อหุ้นชุดใหม่จะมีผล Rebalance ในราคาปิด วันที่ 21 มิ.ย.2024FTSE ALL World Index(Large + Mid Cap) วัน Rebalance เป็นการเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย คิดเป็นเม็ดเงินราว +50 ล้านเหรียญฯโดยหลักๆ เป็นการเพิ่มน้ำหนัก SAWAD BGRIM, CPF ,MINT เฉลี่ยราว +20 ถึง +10 ล้านเหรียญฯ ขณะที่หุ้นเข้า – ออก ในส่วนต่างๆ ดัชนี สรุปได้ดังนี้

o FTSE Large Cap : ไม่มีหุ้นเข้าและหุ้นออก

o FTSE Mid Cap : ไม่มีหุ้นเข้าและหุ้นออก

o FTSE Small Cap : ไม่มีหุ้นเข้าและหุ้นออก

o FTSE Micro Cap : หุ้นเข้า SAFE, TAN หุ้นออก : ไม่มี

• Strategy Update : Data Center

• กระแสลงทุน Data Center ในไทยกำลังเร่งขึ้น อย่างเป็นรูปธรรม มีสัญญาณบ่งชี้จาก 1) WHA มีโอกาสสูงเซ็นสัญญาขายที่ดินขนาด 400-500 ไร่ให้กับผู้ประกอบการ Data Center ระดับโลกกลางปี 2024 นี้ 2) เริ่มผู้ประกอบการ Data Center ที่เคยลงทุนในประเทศไทยไปแล้วติดต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า วางแผนร่วมกันถึงกำลังผลิตไฟฟ้าที่ต้องการสำหรับแผนขยายการลงทุนเพิ่มเติมระดับ 100+ MW

• การลงทุนดังกล่าว เรามองบวกต่อการสร้าง S Curve ใหม่ๆต่อเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจนขึ้น อิงขนาดที่ดินที่มีโอกาสขายขนาดใหญ่ WHA บ่งชี้ทิศทางผู้ประกอบการต่างชาติน่าจะมองไทยหนึ่งในศูนย์กลางData Center ของภูมิภาค

• KSS ประเมินทิศทางจะเปิด Upside ของหุ้นกลุ่มต่างๆ ดังนี้ 1) กลุ่มนิคม จากโอกาสขายที่ดิน 2) กลุ่มโรงไฟฟ้า จากโอกาสต่อยอด Upside กำลังผลิตเพิ่มเติม โดยเฉพาะกลุ่มที่เน้นพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น 3) กลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคม ที่มักเป็นกลุ่มช่วยให้ผู้ประกอบการระดับโลกเช่าใช้ Data Center ที่มีเพื่ออำนวยความสะดวกธุรกิจช่วงเริ่มต้น + โอกาสเติบโตจากการผลักดันมีการใช้งานข้อมูลเพิ่มขึ้นระยะกลาง-ยาว 4) กลุ่มผู้รับเหมา ICT ที่มีศักยภาพสร้าง Data Center 5) กลุ่ม Digital Tech จากมุมมองเชิงบวกต่อภาพ Digital Transformation ระยะยาว เชิงกลยุทธ์หากประกอบภาพพื้นฐานหุ้นระยะสั้น ให้เน้น WHA(TP-6) GULF(TP-45.5) TRUE(TP-10.3) INSET(TP-3.2)

• Strategy Update : SET50/100 2H24 Second update

ตลาดหลักทรัพย์ปรับเกณฑ์คัดเลือกหุ้นเข้า SET50/SET100 เริ่มใช้จริงรอบ 2H24 หนุนให้ BJC เป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์ และกลับเข้ามาในดัชนี SET50/SET100 อีกครั้ง

 

วันนี้ตลาดหลักทรัพย์อัพเดทสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นการปรับเกณฑ์สภาพคล่องในการคัดเลือกหุ้นเข้า SET50/100 และจะเริ่มใช้จริงรอบ 2H24 เราคาดเป็นตัวหนุนหุ้น BJC กลับเข้ามาอยู่ในดัชนี SET50/SET100 อีกครั้ง

 

โดยสำหรับคาดการณ์หุ้น SET50/SET100 ล่าสุดดังนี้

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100% กรณีปรับเกณ์), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 70%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 70%), SAWAD (โอกาสหลุด 70%), KCE (โอกาสหลุด 90%) และ COM7 (โอกาสหลุด 90%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 7 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, QH, SKY, JAS

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 7 บริษัท คือ AURA, FORTH, MOSHI, ORI, RCL, SNNP, TKN

กลยุทธ์ :แนะนำ เก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 โดย เราชอบ BJC, BCP และ ITC ส่วน SET100 เราแนะนำเก็งกำไร BA, CKP

 

 

• Aviation (Neutral): เรามอง Neutral ยอดนักท่องเที่ยวสัปดาห์ที่ 22/24 ที่ 0.62 ล้านคน ฟื้นเล็กน้อย +5% w-w จากการฟื้นของนักท่องเที่ยวมาเลเซีย ขณะที่กลุ่มการบินมี Catalyst บวกใหม่จากมาตรการลดภาษีเที่ยวเมืองรองหนุน Demand การเดินทางทำให้เป้าหมายปริมาณผู้โดยสารปี 24F มีโอกาสเกิด Upside เรายังเลือก BA (Buy, TP 24.25 บาท) เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่มการบิน

• ALLY (Unrated): ALLY declared DPU dropping 22% yoy and 20% qoq believed due to road constructions and competitiona from Central Eastvill resulting in capping rental rate hike. Its new assets investment plans will provide income steam and mitigate the mipact from higher interest rate from December 2024. In our view, this will offset with high real yield and lowest P/NAV.

 

2Q24F Equity Outlook : Entering into "Search of Yield", Standby for Asia & Thailand Recovery

Stock Best Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU

Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC