AT THE OPEN (#ATO)
SET Index พักต่ออีกวัน
กลยุทธ์ Selective เลือกหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะ
Market Strategy
SET Index คาดพักตัวตามกรอบ 1340-1360 จุด แรงกดดันจากความไม่แน่นอนการเมืองในประเทศหลังวานนี้ อัยการสูงสุดสั่งฟ้องคุณทักษิณ คดี ม.112 และนัดวันที่ 18 มิ.ย. เพื่อส่งฟ้องศาลต่อไป สถานการณ์ข้างต้นเพิ่มความกังวลต่อประเด็นการเมืองที่อาจถูกนำมาเชื่อมโยงต่อความมีเสถียรภาพของรัฐบาล กดดันทิศทางค่าเงินบาทอ่อนค่า 0.9% และน่าจะเป็นปัจจัยกดดันต่อทิศทาง Fund Flow ต่างชาติในระยะนี้ต่อไป
ปัจจัยต่างประเทศเป็นในด้านลบจาก U.S. Bond Yield อายุ 5 และ 10 ปี ที่ปรับขึ้น 4 และ 5 bps หลังการเปิดประมูลพันธบัตรรัฐบาลในสัปดาห์ที่ผ่านมาแรงซื้ออ่อนลง สะท้อนจาก Bid-to-Cover ratio ของ Bond Yield อายุ 5 ปีอยู่ที่ 2.3 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ระดับ 2.45 เท่า ผสานกับแรงขายลดความเสี่ยงก่อนการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ GDP 1Q67 ในวันนี้คาดขยายตัว 1.3%QoQ Annualized และการรายงาน Core PCE เดือนเม.ย.คาดขยายตัว 2.8%YoY กดดันต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ปรับฐานลงในช่วง -0.6% ถึง -1% Dollar Index แข็งค่า +0.5% กดดันราคาน้ำมันดิบปรับลง -0.8% สภาพแวดล้อมข้างต้นน่าจะเป็น Sentiment ลบต่อกลุ่ม Yield Sensitive (กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์และกลุ่มไฟแนนซ์) กลุ่มพลังงานต้นน้ำและตลาดโดยรวมวันนี้ แต่อย่างไรก็ตามด้วยระดับ Valuation ของ SET Index ที่ซื่อขายบน PER67E ที่ 14.3 เท่า ถือเป็นระดับที่ต่ำค่าเฉลี่ยระยะยาว จึงมองการอ่อนตัวเป็นจังหวะสำหรับตั้งรับหุ้นพื้นฐานดี ส่วนกลยุทธ์การลงทุนเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวอย่าง BJC และ TASCO
Market Summary
SET Index ปรับลง -0.94% แรงกดดันยังมาจากหุ้น Market Cap ใหญ่ตามทิศทาง Fund Flow ที่ไหลมากที่สุดในรอบกว่า 1 เดือนที่ 3.56 พันล้านบาท โดยหุ้นที่ปรับลงกดดันดัชนีหลักๆ มาจาก AOT -2% CPAXT -5% CPALL -3% ส่วนกลุ่มที่ปรับขึ้นแรงมาจากกลุ่มเกษตรจาก STA +20% กลุ่มเครื่องดื่ม OSP +4.2% SAPPE +2.5% เป็นต้น
ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BJC TASCO
TASCO 2Q67 กำไรฟื้นและจะโดดเด่นใน 2H67
งบประมาณเกี่ยวกับการลงทุนปี 67 ของกรมทางหลวง และ กรมทางหลวงชนบท ล่าช้าแต่เพิ่งได้รับการอนุมัติในช่วงปลายเดือน เม.ย. ล่าสุดได้ผ่านกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และ ได้เร่งเบิกจ่ายอย่างชัดเจนใน สัปดาห์ที่สามของเดือน พ.ค. 2567 เท่ากับ 3.3 พันล้านบาทต่อสัปดาห์ เทียบกับ มี.ค.-เม.ย. 2567 มีการเบิกจ่ายเพียง 1-1.7 พันล้านบาทต่อสัปดาห์ โดยเวลาที่เหลืออีก 4.5 เดือน เราคาดจะมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณมากขึ้น หนุนปริมาณขายในปี 2567 ที่เราคาดจะโต 7% หนุนจากตลาดในประเทศจะโต 16%
ราคาหุ้นมี Valuation ปี 2567 ที่ถูก คือ P/E 10.3 เท่า (-0.5 SD) , P/BV 1.6 เท่า (-0.75 SD) และ มีเงินปันผลตอบแทนที่สูง 7.8% ประเมินราคาเป้าหมาย 20 บาท บนฐาน PE 12 เท่า (ค่าเฉลี่ย 10 ปี)
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 20.00บาท
BJC คาดกลับเข้ามาอยู่ใน SET50/SET100
เราได้มีการทบทวนหุ้นที่มีโอกาสเข้าคำนวณ SET50/SET100 รอบ 2H67 ซึ่งคาดว่า BJC มีโอกาสสูงที่จะเข้าคำนวณทั้งในดัชนี SET50/SET100 หลัง Free Float ขึ้นมาที่ระดับ 25% สูงกว่าเกณฑ์ที่มากกว่า 20%
จากสถิติเฉลี่ยย้อนหลัง 20 ปีหลังพบว่าหุ้นที่กลับเข้าคำนวณในดัชนี SET50 มักปรับขึ้นได้ช่วงก่อนเข้าคำนวณดัชนี 1 เดือนเฉลี่ย 4.6%
ผลประกอบการ 1Q67 ที่สร้าง Negative Surprise ต่อตลาด เนื่องจากดอกเบี้ยจ่ายเพิ่ม และEffective tax rate เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด แต่เราเชื่อว่าปัจจัยนี้ซึมซับไปในราคาหุ้นพอสมควรแล้ว สะท้อนได้จากในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาหุ้นมีการปรับลงแรง -11% จนระดับ Valuation ซื้อขายบน PER67E ที่ 17 เท่าต่ำค่าเฉลี่ย 5 ปี เกือบ 2S.D. และ PBV ที่ 0.74 เท่า ถือว่าไม่แพง
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 35.00 บาท
KEY FACTOR
Risk sentiment โดนผลกระทบเชิงลบจากการเร่งตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดย อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นแรงแตะระดับ 4.62% ทำจุดสูงสุด MTD จาก 1) ผลกระทบต่อเนื่องจากการปรับมุมมองดอกเบี้ยที่เข้มงวดขึ้น (แต่ประเมินว่าผลกระทบจากประเด็นนี้เริ่มผ่อนลง สะท้อนจากมุมมองตลาดที่เริ่มนิ่งให้น้ำหนัก Fed ลดดอกเบี้ยเฉลี่ย 1.28 ครั้ง) และ 2) การประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี วงเงินประมาณ 7 หมื่นล้านเหรียญฯ มีกระแสตอบรับที่ไม่ดีหากเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา โดยวงเงินรวมที่เสนอประมูลแบบแข่งขันราคาต่อวงเงินจำหน่าย ลดลงเหลือ 2.3 เท่า (ค่าเฉลี่ยที่ระดับ 2.45 เท่า)
ในขณะเดียวกันตลาดหุ้นไทยยังคงไร้ปัจจัยหนุนภายในประเทศ ทำให้ SET เมื่อวานนี้ปรับฐาน -0.94% แต่อย่างไรก็ตามยังถือเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับภูมิภาคอาเซียนที่แกว่งตัวในช่วง -1.56% ถึง -0.21% สอดคล้องกับกระแสเงินลงทุนต่างชาติที่ขายหุ้นไทย -3.56 พันล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ -97 ล้านเหรียญฯ ใกล้เคียงกับภูมิภาคที่ถูกขายในช่วง -13 ถึง -103 ล้านเหรียญฯ เช่นกัน จึงถือเป็นภาวะตลาดที่ต้องกลับมาระมัดระวัง
Eyes on
30 พ.ค. GDP 1Q67 ของสหรัฐฯ (รายงานครั้งที่ 2), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค Eurozone, อัตราการว่างงาน Eurozone
31 พ.ค. CPI Eurozone, PMI จีน
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ