ผันผวนในทิศทางลง
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ(ไม่เอกฉันท์) รับคำร้อง กรณีนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมว.ประจำสำนักนายก ทั้งที่รู้ว่าขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม ทั้งนี้ศาลฯ ไม่ได้มีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฎิบัติหน้าที่ การรับคำร้องไว้วินิจฉัยดังกล่าวอาจถือเป็นประเด็นที่กระทบเสถียรภาพของรัฐบาล และ ความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยต้องติดตามผลการวินิจฉัยที่อาจจะออกมาในกรอบเวลาประมาณ 2 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ผลกระทบในเรื่องความเชื่อมั่นจะเป็นแรงกดดันต่อมูลค่าการซื้อขาย และจำกัด UPSIDE ของ SET INDEX อีกเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญคือทิศทางดอกเบี้ย ล่าสุดมีโอกาสที่FED อาจลดดอกเบี้ยเดือน พ.ย.67 ช้ากว่า ECBที่ลดเดือน มิ.ย.67 ส่งผลทำให้เงิน USD แข็งค่า ส่วนเงินบาทก็จะอ่อนค่า ไม่เอื้อต่อ FUND FLOW ไหลเข้าคาดว่า SET INDEX น่าจะอยู่ในภาวะที่ผันผวนในทิศทางลง จากแรงกดดันของปัจจัยการเมือง และ FUND FLOW ที่ยังไม่ไหลเข้า คาดกรอบ 1360 –1377 จุดหุ้น TOP PICK เลือก ADVANC, BEM และ TIDLOR

ศาล รธน. รับคำร้องปมถอดถอน “นายก” แต่ยังทำหน้าที่ต่อได้
วานนี้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาประเด็น 40 สว. ยื่นคำร้อง นายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้องที่ 1) แต่งตั้ง คุณพิชิต (ผู้ถูกร้องที่ 2) เป็น รมว.ประจำสำนักนายก ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญและเป็นเหตุให้สิ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ โดยมีผลลัพธ์ดังนี้
• ผู้ถูกร้องที่ 1  มติศาล รธน. 6:3 รับคำร้องไว้พิจารณา ชี้ขาดคุณสมบัตินายกฯ โดยกำหนดให้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลภายใน 15 วัน และ
เสียงข้างมาก 5:4 ไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
• ผู้ถูกร้องที่ 2  มติศาล รธน. 8:1 มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา เหตุลาออกไปแล้ว
ซึ่งกระบวนการหลังจากนี้ นายกฯต้องยื่นเอกสารชี้แจงภายใน 15 วัน และ รอคำวินิยฉัยของศาล รธน. ซึ่งต้องติดตามว่าผลคำตัดสินจะเป็นเช่นไร ซึ่งหากผลคำตัดสินออกมาว่าขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ นายกฯ และ ครม. ก็จะพ้นจากตำแหน่งซึ่งหลังจากนั้นจะเป็นกระบวนการในการเลือกนายกฯคนใหม่ และจัดตั้ง ครม. ซึ่งก็จะทำให้ดำเนินนโยบายที่อยู่ในแผนงานของรัฐบาลปัจจุบันต้องสะดุด ไม่ว่าจะเป็นDIGITAL WALLET, การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี (G), การเตรียมรับมืออุทกภัยของรัฐบาล เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม หากผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ว่า ไม่มีความผิดสถานการรณ์ การบริหารงานของรัฐบาลก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยจะเห็นความต่อเนื่องของการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป โดยกลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นเด่น 3 ธีม ดังน

▪ หุ้นอิงนโยบายรัฐบาล มีโอกาส REBOUND ช่วงสั้น HMPRO CPALL BJCCRC, CK STEC WHA AMATA
▪ หุ้น GLOBAL PLAY หลบความผันผวนการเมืองภายในประเทศ KCE, TUITC CPF, CBG
▪ หุ้นกำไร 1Q67 โตเด่น แต่ราคาปีนี้ยังไม่ขยับขึ้น CPN, ADVANC, BBL,TIDLOR MTC

3 ประเด็น การเมือง, ECB,FED กดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า
ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่ามีโอกาสเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงเดือน มิ.ย. หากเงินเฟ้อย่อตัวลงมาใกล้กรอบเป้าหมายระยะกลางที่ 2% หรือลดดอกเบี้ยก่อน FED ได้ โดยปัจจุบันเงินเฟ้อยุโรปเดือน เม.ย. 2.4% สูงกว่าสหรัฐที่ 3.4%

นอกจากเงินเฟ้อสหรัฐที่สูง ยังเห็นตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ทั้งยอดขอรับสวัสดิการการว่างงานล่าสุดเพิ่มขึ้น 2.15 แสนตำแหน่ง (ตลาดคาดไว้ที่2.23 แสนตำแหน่ง)รวมถึงตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ออกมาดีกว่าคาดทั้งหมด

นอกจากที่ FED WATCH TOOL ยังคาดว่า FED มีโอกาสเริ่มต้นลดดอกเบี้ยช้าลงไปจากเดือน ก.ย. 67 เป็น พ.ย. 67

สรุปทั้ง 3 ประเด็น การเมืองร้อนแรง, ECB ลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น, FED ลดดอกเบี้ยช้าลงกดดันให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า และ FUND FLOW อาจชะลอการไหลเข้าตลาดหุ้นำได้ ซึ่งสัปดาห์นี้ค่าเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่า 0.8 บาท/เหรียญ (WTD)หรือ อ่อนค่า 2.2% (WTD)

หาหุ้นรับส่งออกไทย เม.ย. พลิกโต 6.8%
วานนี้กระทรวงพาณิชยเผย ยอดส่งออกไทยเดือนเม.ย. 67 มีมูลค่า 2.33 หมื่นล้านเหรียญฯ โดยพลิกขยายตัว +6.8%YOY สูงกว่าตลาดคาด -0.2%YOY และเดือนก่อนที่ -10.9%YOY นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์คาดส่งออกไทยใน 2Q67 จะเติบโตราว 0.8-1% กรณีที่อยู่ในภาวะปกติ หรือไม่มีสถานการณ์ที่ยากจะคาดเดาเข้ามากระทบ พร้อมกันนี้ยังได้คงเป้าหมายการส่งออกทั้งปี 2567 ไว้ที่ 1-2%

ขณะที่ยอดการนำเข้าในเดือนเม.ย. 67 มีมูลค่า 2.49 หมื่นล้านเหรียญฯ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น +8.3%YOY ส่งผลให้ดุลการค้ายังอยู่ในโซนขาดดุลต่อเนื่องราว 1.64พันล้านเหรียญฯ

สำหรับกลุ่มสินค้าส่งออกที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และขยายตัวได้ดีทั้ง MOM และ YOY ได้แก่ เม็ดพลาสติก (IVL) ส่วนกลุ่มสินค้าที่เติบโตได้ดี YOY อาทิ อาหารสัตว์เลี้ยง (ITC, CPF, ASIAN, AAI) ยางพารา (STA, NER) ทูน่ากระป๋อง (TU) รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (SAT, AH, STANLY) ฯลฯ

สรุป การส่งออกไทยเดือนเม.ย.67 พลิกกลับมาเป็นบวกได้ สอดคล้องกับสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก นอกจากนี้เงินบาทที่เร่งตัวอ่อนค่า ถือว่าเป็นอานิสงค์เชิงบวกต่อภาคการส่งออกบ้านเราด้วยเช่นกัน ขณะที่กระทรวงพาณิชย์คาดส่งออกไทยใน 2Q67 จะเติบโตราว 0.8-1%

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์