Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เมย์แบงก์ คงเป้า SET Index สิ้นปี67ไว้ที่ 1,600 จุด มองเร่งเบิกจ่ายงบฯ-กำไรบจ.ฟื้น-กระแสเงินทุนไหลเข้าจากการกลับมาของกองทุน LTF หนุน

540

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(24 พฤษภาคม 2567)--- บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า คงเป้าหมาย SET Index สิ้นปีไว้ที่ 1,600 จุด เนื่องจากเรามองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยจะเติบโตแข็งแกร่งตั้งแต่ 2Q67 เป็นต้นไป โดยมี 3 ปัจจัยหนุนหลัก ได้แก่ การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ (ซึ่งจะหนุน GDP ให้เติบโต) กำไรที่ฟื้นตัวของบริษัทและกระแสเงินทุนไหลเข้าจากการกลับมาของกองทุน LTF หุ้นเด่นของเรายังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยเน้นไปที่หุ้นที่ได้อานิสงส์จากการเบิกจ่ายงบประมาณ (TASCO, SCCC) และหุ้นบิ๊กแคปที่มีการเติบโตดีและ valuation ที่น่าสนใจ (AOT, ADVANC, KTB และ BCP)


แนวโน้มกำไรฟื้นตัวดี
เราประเมินแนวโน้มกำไรของตลาดหลักทรัพย์จะดีขึ้น แม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะอ่อนแอ แต่ผลประกอบการ 1Q67 ก็ยังน่าพอใจ โดยเติบโตรวม 5.7% YoY และสูงกว่าคาด 3% (ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนักสำหรับ SET) คาดการณ์ EPS ของ Index SET ปี 67 ของเราอยู่ที่ 94.7 ซึ่งสูงกว่าประมาณการของตลาด 1% โดยเรามองว่าตลาดมีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการ แรงหนุนหลักจากการเติบโตของรายได้ที่ดีขึ้นและอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น


เร่งเบิกจ่ายงบประมาณ
เราคาดว่าการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณจะช่วยผลักดันการเติบโตของ GDP ของไทยจาก 1.5% ใน 1Q67 เป็น 1.8% ใน 2Q67 และ 3.2-3.3% ใน 3Q-4Q67 โดยนับตั้งแต่งบประมาณได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 26 เม.ย.เราพบว่าการเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 10 เท่าจาก 3.2 พันล้านบาทต่อสัปดาห์ในเดือนมี.ค./เม.ย. เป็นเฉลี่ย 3.54 หมื่นล้านบาทในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ เราประเมินว่าการเบิกจ่ายทั้งหมด (รวมถึงคำสั่งซื้อ) อาจสูงถึง 83% ภายในสิ้นปีงบประมาณในเดือน ก.ย. ซึ่งเท่ากับปี 63 (งบประมาณล่าช้าเช่นกัน) ส่วนประเด็นโครงการ Digital Wallet เราไม่กังวลว่าจะทำงบประมาณสะดุด เนื่องจากตอนนี้รัฐบาลจะเพิ่มงบประมาณในปีงบประมาณ 67 เพิ่มเติมสำหรับโครงการนี้โดยเฉพาะ ขณะที่ประเด็นการเมืองก็ไม่น่ากังวล โดยเราเชื่อว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะยังคงอยู่ในอำนาจและนโยบายหลักจะยังคงดำเนินต่อไป

 

การกลับมาของกองทุน LTF จะหนุนตลาด
นอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานของตลาดที่ดีขึ้นแล้ว เราคาดว่าการนำกองทุน LTF (กองทุนระยะยาว) กลับมาใช้ใหม่อีกครั้งจะช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย โดยในช่วงปี 56-62 กระแสเงินไหลเข้ากองทุน LTF ที่ลดหย่อนภาษีอยู่ที่ 4.5-7.7 หมื่นล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม หลังเปลี่ยนมาเป็นกองทุน SSF (Super Savings Fund) ที่น่าดึงดูดน้อยกว่า เงินทุนไหลเข้ากองทุนลดภาษีนี้ลดลงเหลือเพียง 4-8 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 63-65 ซึ่งเราเชื่อว่าการกลับมาใช้กองทุน LTF แบบเดิมอาจดึงดูดเม็ดเงินไหลเข้าตลาดเพิ่มขึ้นอีก 6-8 หมื่นล้านบาท เราคาดว่า GULF, DELTA, GLOBAL และ KTC น่าจะรับอานิสงส์เต็มๆ จาก LTF โดยพิจารณาจาก 1) เงินไหลเข้าที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับปริมาณการซื้อขาย และ 2) เบต้าที่สูง

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ประคับประคอง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทย คงประคับ ประคอง แกว่งตัวไปมา ท่ามกลาง บริษัทจดทะเบียนไทย...

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้