สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(23 พฤษภาคม 2567)--------SVR เปิดเกมรุกยกระดับการพัฒนา Upgrade โครงการทุกระดับ จากระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท สู่ระดับราคา 16-20 ล้านบาท ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าใหม่ New target group พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้โตเฉลี่ย 35% ต่อปี
นายรณฤทธิ์ ฐิติสุริยารักษ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินอาวุโส บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ SVR เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบกับทุกอุตสาหกรรมไปทั่วโลก ซึ่ง SVR ในฐานะผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ภายใต้แนวคิดที่จะ upgrade กลุ่มลูกค้าที่เป็น New target group โดยการพัฒนาสินค้าในระดับราคาที่สูงกว่า 2 ล้านบาทขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายการเติบโตให้กับธุรกิจ โดยโครงการแรกที่มีการ upgrade ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของ SVR เริ่มตั้งแต่ปี 2564 ภายใต้โครงการแกรนด์ สิวารมณ์ จำนวน 222 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยวขนาด 40-60 ตารางวา ที่ระดับราคา 4-6 ล้านบาท ซึ่งได้การตอบรับที่ดีจากลูกค้าและเป็นโครงการที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง
จากความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้ SVR มีการ Upgrade และพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดรับกับวัตถุประสงค์การระดมทุนผ่านการเสนอขาย IPO ภายใต้การนำเงินทุนที่ได้ ซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ๆ โดยบริษัทฯ ได้มีการซื้อที่ดินสำหรับรองรับโครงการใหม่ๆ ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการ สิวารมณ์ ปาร์ค (วงแหวน-ประชาอุทิศ 76) มูลค่าโครงการประมาณ 600 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 91 ยูนิต ที่ระดับราคา 6-7 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวได้มีการเปิดขายตั้งแต่ต้นปี 2567 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยล่าสุดมียอดโอนแล้ว 12 ยูนิต และคาดว่าตั้งแต่ พ.ค. จะมีโอนเฉลี่ยแต่ละเดือนประมาณ 4-5 ยูนิตขึ้นไป
สำหรับโครงการสิวารมณ์ ปาร์ค (วงแหวน-ประชาอุทิศ 76) ถือเป็นโครงการหลักหนึ่งโครงการที่สร้างรายได้ให้กับ SVR ในปี 2567 นี้ สำคัญโครงการดังกล่าวถือเป็นก้าวที่สองของการ upgrade เพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ปัจจุบัน โครงการ สิวารมณ์ ปาร์ค (วงแหวน-ประชาอุทิศ 76) สามารถชำระหนี้โครงการแล้วมากกว่า 50-60% โดยคาดว่าภายในเดือน ก.ค.นี้ จะสามารถชำระหนี้ที่กู้ยืมให้กับสถาบันการเงินได้ครบทั้งหมด และคาดว่าภายในปี 2568 จะสามารถปิดการขายโครงการได้อย่างแน่นอน
นายรณฤทธิ์ กล่าวย้ำว่า ช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 สินค้าของ SVR อยู่ที่ระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งยอมรับว่าในช่วงวิกฤตโควิด-19 ลูกค้าในกลุ่มนี้ ได้รับผลกระทบสูงสุด เนื่องจากสถาบันการเงินมีการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้อัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อในลูกค้ากลุ่มดังกล่าวสูงเกินกว่า 50% ดังนั้นการ Upgrade กลุ่มลูกค้าที่เป็น New target group ถือเป็นการเปิดเกมรุกในการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อมากยิ่งขึ้น และเพื่อเป็นการรักษาฐานลูกค้าใหม่ๆ ส่งผลให้บริษัทฯ เร่งขยายโครงการในทำเลใหม่ เพื่อพัฒนาโครงการระดับ 4-6 ล้านบาท ล่าสุดบริษัทฯ ได้มีการซื้อที่ดินเพิ่มบริเวณติดกับโครงการแกรนด์ สิวารมณ์ เพื่อขยายโครงการแกรนด์ สิวารมณ์ เฟส 2 ในช่วงปลายปี 2567 นี้ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ ที่มีกำลังซื้อและยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็ยังคงมองหาที่ดินในทำเลใหม่เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในระดับราคา 6-7 ล้านบาทเพิ่ม หลังจากประสบความสำเร็จจากโครงการสิวารมณ์ ปาร์ค (วงแหวน-ประชาอุทิศ 76) มาแล้ว และในเร็วๆนี้ SVR เตรียม Upgrade ยกระดับการพัฒนาโครงการสู่ UPPER CLASS ภายใต้โครงการสิวารมณ์ ไฮด์ (บางแค-สาทร) ซึ่งเป็นบ้านระดับราคา 16-20 ล้านบาทต่อยูนิต โดยจะเปิดขายในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 นี้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้าระดับ High-End ซึ่งสอดรับกับการขยายตัวของทำเลที่อยู่อาศัย NEW LIVING COMMUNITY มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม จาก 2 โครงการแรกที่บริษัทฯ ได้ Upgrade ฐานลูกค้าใหม่ สู่การขยายไปยัง UPPER CLASS สะท้อนถึงความสำเร็จในการพัฒนาโครงการของ SVR ให้ครอบคลุมทุกมิติของที่อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี
“สำหรับแผนในช่วง 3 ปีต่อจากนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ย 35% ต่อปี ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องเร่งเตรียมความพร้อมในการหาที่ดิน ซื้อที่ดิน โดยบริษัทฯ จะมีการตัดสินใจซื้อที่ดินล่วงหน้าก่อนพัฒนาโครงการประมาณ 3 ปี เพื่อสร้างโครงการใหม่ๆ รองรับความต้องการของผู้อยู่อาศัย ดังนั้นการรับรู้รายได้ให้ได้ตามเป้าหมายในแต่ละไตรมาสและในแต่ละปีนั้น บริษัทฯ จึงต้องเร่งวางแผนการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการให้ทันกับเป้าที่วางไว้”
เคทีซี จับมือ ครอสพัทยาโอเชียนเฟียร์ เปิดเวทีเสวนาสานต่อความเท่าเทียมทางเพศ ระดมความเห็นวางกลยุทธ์สร้างความเท่าเทียมจากพัทยาสู่สากล
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(23 พฤษภาคม 2567)--------เคทีซี เปิดเวทีเสวนาสานต่อความเท่าเทียมทางเพศจากพัทยาสู่สากล ตอกย้ำองค์กรแห่งความเท่าเทียม ระดมความเห็นจาก หอการค้า สมาคมโรงแรมไทย และผู้ประกอบการภาคเอกชน ผลักดันพื้นที่พัทยาเป็นหนึ่งในเป้าหมายการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายทางเพศ ตั้งเป้าให้การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจไทยพร้อมวางกลยุทธ์สร้างความเท่าเทียมในสังคมเทียบเท่าเวทีโลก ณ ครอสพัทยาโอเชียนเฟียร์
นายธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล ประธานหอการค้าชลบุรี กล่าวว่า เศรษฐกิจในพื้นที่ชลบุรียังต้องจับตาเรื่องกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัว และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวเริ่มเห็นสัญญาณการเติบโตอย่างชัดเจน ทั้งนี้หอการค้าได้วางกลยุทธ์เพื่อผลักดันการท่องเที่ยวในพื้นที่ชลบุรีด้วยการยกระดับการท่องเที่ยวชุมชนพร้อมนำนวัตกรรมมาช่วยในการจัดระบบท่องเที่ยว เช่นรวมการทำทัวร์ เส้นทางท่องเที่ยวเเละที่พักได้ในครั้งเดียว พร้อมอบรมบุคลากรให้มีความสามารถในการใช้ภาษาต่างประเทศ ขณะเดียวกันภาคเอกชนพร้อมให้การสนับสนุนการท่องเที่ยวโดยเฉพาะเดือนมิถุนายนที่ทั่วโลกได้มีการเฉลิมฉลองเดือนแห่งความภาคภูมิใจของความหลากหลายทางเพศ (Pride Month) โดยจังหวัดชลบุรีมีหลายพื้นที่ซึ่งเป็นหมุดหมายสำหรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายทางเพศ ดังนั้นจึงเชื่อว่าการท่องเที่ยวจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์สำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตตามที่หอการค้าคาดการณ์ไว้ที่ 2.7%
ข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโลก (World Travel & Tourism Council – WTTC) เปิดเผยข้อมูลกลุ่ม LGBTQ+ ที่ชื่นชอบการเดินทางมีสัดส่วนมากกว่า 10% ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกและคิดเป็น 16% ของค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวทั้งหมด หรือมากกว่า 195 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี และมีการคาดการณ์ว่ามูลค่าการใช้จ่ายเพื่อท่องเที่ยวของกลุ่ม LGBTQ+ จะสูงถึง 568.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 19.70 ล้านล้านบาท ภายในปี 2573
นางสาวมรกต กุลดิลก นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก กล่าวว่า เมืองพัทยาพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกเพศ ทุกวัย ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และเดินทางท่องเที่ยวบ่อยซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหารในเมืองพัทยาให้เติบโตขึ้นได้ และด้วยเสน่ห์ของนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ หากมีความพึงพอใจในการให้บริการก็จะกลับมาใช้บริการซ้ำ ดังนั้นการให้บริการด้านการท่องเที่ยวที่ยอดเยี่ยมจะเป็นการสร้างความประทับใจและดึงดูดให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มาใช้บริการมากขึ้น สำหรับการสื่อสารด้านการตลาดเมืองพัทยามีการทำงานร่วมกับสมาคม องค์กรต่างๆ สถาบันการศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ โดยเฉพาะการแสดงความเป็นมิตร และการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม รวมถึงทัศนคติของคนในท้องถิ่นต่อนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นสิ่งที่เมืองพัทยาให้ความสำคัญและจะช่วยสร้างความมั่นใจรวมถึงการตัดสินใจในการเดินทางของนักท่องเที่ยวได้
นางสาวพุทธชาด แปงใจ นางสาวพุทธชาด แปงใจ รองประธานฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท ครอส โฮเตลส์ แอนด์ รีสอร์ทส์ จำกัด กล่าวว่า ครอสพัทยาโอเชียนเฟียร์ พูลวิลล่าที่มีความหรูหรา ให้ความเป็นส่วนตัว พร้อมด้วยบริการสุดพิเศษและมีแบบแผนเฉพาะตัว เน้นให้ความสำคัญกับลูกค้าทุกกลุ่มที่เดินทางเข้าพัก และพร้อมสนับสนุนนโยบาย และสร้างความเป็นมิตรต่อนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ โดยร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่นในการสนับสนุนและร่วมจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น เทศกาล Pride Month หรืองานภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังพัฒนาแพ็กเกจท่องเที่ยว และประสบการณ์ที่ออกแบบโดยเฉพาะสำหรับนักเดินทางกลุ่มนี้ เช่น ทัวร์ที่เป็นมิตรกับกลุ่ม LGBTQ ประสบการณ์เกี่ยวกับ Nightlife และ Wellness Retreats นอกจากนี้ บริษัทยังมีนโยบายเรื่องความเท่าเทียม สำหรับสิทธิประโยชน์ของพนักงานทุกกลุ่ม เน้นความเป็นธรรมในการจัดการสิทธิประโยชน์ของพนักงาน ซึ่งจะมีส่วนช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี และส่งผลต่อผู้ใช้บริการเข้าพัก ให้ได้รับการบริการและประสบการณ์ที่น่าประทับใจ และเพื่อฉลองเดือน Pride Month ทางโรงแรมได้คัดสรรโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะลูกค้าบัตรเครดิตเคทีซี มอบส่วนลดสูงสุดถึง 30% พร้อมด้วยเครดิตเงินสด สำหรับอาหารและเครื่องดื่มมูลค่า 500 บาท โดยสามารถจองบนเว็บไซต์ของโรงแรมเท่านั้น
นายปรมะ องค์กิตติ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หนึ่งในวัฒนธรรมองค์กรที่เซ็นทรัลพัฒนาให้ความสำคัญคือการเคารพความแตกต่างของทุกคน และให้โอกาสอย่างทั่วถึงกับกลุ่มคนที่หลากหลาย สำหรับเดือนมิถุนายนที่ทั่วโลกได้มีการเฉลิมฉลองเดือนแห่งความภาคภูมิใจของความหลากหลายทางเพศ (Pride Month) เซ็นทรัลพัฒนาสนับสนุนความหลากหลายและความเท่าเทียม ผ่านการจัดกิจกรรมตลอดเดือนที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ ภายใต้แคมเปญ THAILAND’S PRIDE CELEBRATION 2024 “PRIDE FOR ALL” เป็นพื้นที่สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ เพื่อทุกคนในสังคม โอบรับความแตกต่าง หลากหลาย สะท้อน 3 เรื่องสำคัญคือ ความหลากหลาย (Diversity) ความเท่าเทียม (Inclusivity) และ การมีส่วนร่วม (Equality) พร้อมประกาศความภาคภูมิใจ ดันประเทศไทย ให้เป็น Top of Pride Destination ของคนทั่วโลก
นางประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เคทีซีให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) โดยเฉพาะการให้โอกาสและความเท่าเทียมในสังคม รวมทั้งความเท่าเทียมทางเพศ (Gender Equality) ทั้งในเรื่องการจ้างงาน การปฏิบัติต่อบุคลากรในองค์กรอย่างเท่าเทียม ขณะเดียวกันเคทีซีพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลกที่ต้องมาพร้อมความเท่าเทียมซึ่งพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ถือเป็นหนึ่งจุดหมายสำคัญด้านการท่องเที่ยวและรองรับนักท่องเที่ยวทุกเพศ ทุกวัย รวมถึงเป็นจังหวัดที่เคทีซีมีฐานสมาชิกและยอดรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมากเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีที่จังหวัดชลบุรีสุงสุด ได้แก่ หมวดน้ำมัน หมวดร้านอาหาร และหมวดท่องเที่ยว
ขณะเดียวกัน เคทีซียังให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมการตลาดร่วมกับพันธมิตร (Partnership Marketing) ที่ตอบโจทย์สมาชิกทุกกลุ่ม โดยช่วงเดือนแห่งการเฉลิมฉลองความเท่าเทียมทางเพศ (Pride Month) เคทีซีได้ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำทั่วประเทศมอบสิทธิพิเศษส่วนลดสูงสุด 40% และแลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 18% ให้กับสมาชิกครอบคลุม 8 หมวดไลฟ์สไตล์ ได้แก่ โรงแรม ท่องเที่ยว ช้อปปิ้ง แฟชั่น สุขภาพและความงาม หนังสือ กีฬา และสัตว์เลี้ยง ตลอดเดือนมิถุนายน 2567 นี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th/promotion/hotel-resort/domestic-hotel/pride-month