"Seasonal Play"

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways" ต้าน 1390/1394 จุด รับ 1375/1373 จุด ดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ ขึ้นต่อ นำโดยกระแสหุ้นฝั่งเทคโนโลยี Nvidia เก็งกำไรก่อนงบ ขณะที่ Microsoft มาจากการเปิดตัว PC ที่ใช้ชิป AI ใหม่ บวกต่อวงจรอุตสาหกรรมชิ้นส่วนฯ ที่น่าจะ Bottom Out ไปแล้ว ขณะที่ US Bond Yield 10ปี 4.44% แกว่งรอดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ ยอดขายบ้านมือสอง (22 พ.ค.) และ Flash PMI (23 พ.ค.) จับตาสัญญาณดังกล่าว อาจบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ "Soft Landing" ชัดขึ้น เราคงมุมมองบวกต่อ Asia ระยะกลาง โดยภายใน GDP งวด 1Q24 ดีกว่าคาด แม้จะโตต่ำเพียง 1.5%y-y แต่จำกัด Downside ของการปรับลดคาดการณ์ และน่าจะเป็นฐานของการฟื้นตัวต่อในช่วงที่เหลือของปี ดีต่อกลุ่มธนาคาร กลุ่มอิงกำลังซื้อภายใน ขณะที่วันนี้ติดตามข้อสรุปการหารือ LTF ของสภาธุรกิจตลาดทุน, สมาคม บลจ., กลต. แต่ระยะสั้นยังอาจมีความผันผวนจากรอติดตามประเด็นการเมืองกรณีศาลรัฐธรรมนูญรับ/ไม่รับคำร้องพิจารณาคุณสมบัตินายกฯ 23 พ.ค. หุ้นนำ คือ กลุ่มชิ้นส่วน กลุ่มธนาคาร กลุ่มอิงกำลังซื้อภายใน กลุ่มเข้าสู่ฤดูกาล วันนี้แนะนำ IVL, MINT, KCE

Daily outlook: "Sideways" ต้าน 1390/1494 จุด รับ 1375/1373 จุด

What happened around the world ?

• (*) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มแกว่งตัว Dow jones -0.49%d-d (ถูกกดดันหลักจาก JPMorgan -4.53%)), S&P500 +0.09%, Nasdaq +0.65% โดย Sector ใน S&P500 กลุ่มที่ปรับขึ้น Outperform นำโดยกลุ่ม IT, ICT, industrials ฯลฯ กลุ่มที่ลงหลักๆคือ Financials, Consumer discretionary, Consumer staples, Real estate ฯลฯ หุ้นที่ปรับขึ้นเด่น คือ NVDIA+2.5% (ปรับขึ้นเก็งงบ 1Q24), Microsoft +1.2% เปิดตัว Computer ใหม่ , Super Micro computer+1.8% ฯลฯ

• (*) Fed Speaks : ความเห็นของกรรมการ Fed 3 คน ซึ่งมีสิทธิโหวตขึ้น/ลงดอกเบี้ยปีนี้ออกมาในโทน Slightly Hawkish อาทิ 1. คุณ Raphael Bostic ประธาน Fed สาขา Atlanta (Voter) เผยเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งแต่มีความเสี่ยงจากเงินเฟ้อไม่แน่นอนประเมินดอกเบี้ยในอนาคตจะสูงกว่าช่วง 10 ที่ผ่านมา 2.)คุณ Michael Barr เป็น Governors (Voter) เผยเนื่องจากเงินเฟ้อสหรัฐช่วง 1Q24 ยังทรงตัวในระดับสูง ต้องให้เวลานโยบายที่เข้มงวดในปัจจุบันลดอัตราเงินเฟ้อทำให้เห็นควรคงอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันไว้ 3.) คุณ Philip Jefferson Vice Chiarman (Voter) เผยเงินเฟ้อเดือนเม.ย. เป็นสัญญาณที่ดี แต่ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าการชะลอตัวของเงินเฟ้อจะยาวนาน

• (*) PBOC Meeting : ธนาคารกลางจีน(PBOC)ประกาศคงอัตราดอกเบี้ย LPR 1 ที่ 3.45%และ 5 ปี ที่ 3.95% ตามเดิมและเป็นไปตามที่ตลาดคาด (Inline) KSS ยังคงคาดหวังจะเห็นทางการจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยคาดจะเห็นฝั่งภาค Property เพิ่มเติม หนุนมุมมองเศณษฐกิจจีนผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วมองบวกต่อหุ้นอิงจีน SCGP, PTTGC, IVL

• (*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 22 พ.ค. ติดตามรายงานการประชุม FOMC เดือน พ.ค. 23 พ.ค. PMI ภาคผลิต พ.ค. คาด 50.2 จุด vs prev. 50 จุด, 24 พ.ค. ดัชนีความเชื่อมั่น ม. มิชิแกน พ.ค. คาด 67.4 จุด เท่าเดือนก่อน และยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน เม.ย. คาด -0.6%m-m ฝั่งจีน 20 พ.ค. ติดตามอัตราดอกเบี้ยลูกหนี้ชั้นดีของ PBOC คาดคงไว้ที่อัตรา 3.45% และ 3.95% สำหรับเงินกู้อายุ 1 ปี และ 5 ปี ตามลำดับ ฝั่งยุโรป 23 พ.ค. PMI ภาคผลิต พ.ค. ไม่มีคาด งวดก่อน 45.7 จุด

• (*) US Bond & Dollar : Bond yields แนวโน้มระยะกลางยังเป็นขาลง และระยะสั้นเริ่มแกว่งตัว โดยอายุ 10 ปี ปรับขึ้น 2 bps อยู่ที่ 4.44% เช่นเดียวกับ 2 ปี ปรับลง -1 bps อยู่ที่ 4.82% ขณะที่ Dollar Index แกว่งตัวออกข้าง 104.5+/- จุด

(*/-)Refinery : รัสเซีย นำโดยปูตินประกาศเตรียมยกเลิกมาตรการห้ามส่งออกน้ำมันเบนซิน เป็นการชั่วคราว(เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เพราะ Stock น้ำมันรัสเซีย KSS ประเมินจะมีผลทำให้รัสเซียจะกลับมาส่งออกน้ำมันเบนซินได้ตามปกติ ทำให้มีผล Over supply เป็นจิตวิทยาลบต่อแนวโน้เมค่าการกลั่นในช่วงถัดไป (ค่าการกลั่นในตลาดสิงคโปร์ล่าสุดอยู่ที่ 2.3 $ ต่ำกว่าและค่าเฉลี่ย 2Q24 ราว -40% และมองลบต่อหุ้นกลุ่มโรงกลั่น

• (*/-) Oil : ราคาน้ำมันดิบ Brent -0.32%d-d ปิดที่ US$ 83.71/barrel น้ำมันดิบ West Texas -0.32%d-d ปิดที่ US$ 79.8/barrel ไม่ได้ตอบรับข่าวอิหร่าน (ผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 3 ของ OPEC ) ประธานาธิบดีอิหร่าน Heli copter ตกจากสภาพอากาศแปรปรวนและเสียชีวิต คาดนโยบายการตัดลดกำลังการผลิตน้ำมันจะไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม โดยรองประธานาธิบดี Mohammad Mokhber เข้ารับตําแหน่งประธานาธิบดีชั่วคราวจนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ แต่ตอบรับข่าว Supply น้ำมันที่มาจากรัสเซีย มองลบต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP

• (*/+)Natural Gas : ราคาก๊าซธรรมชาติ NYMEX แนวโน้มยังเป็นขาขึ้น +4.36%d-d, +28.4%mtd ปิดที่ US$2.751/MMBtu แรงหนุนจา Seasonal โดยใกล้เข้าสู่หน้าร้อนหนุนการผลิต ทำให้ Supply แก็สจากฝั่งสหรัฐลดลงและต่ำคาด โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้อง อาทิ BANPU (TP – Consensus 5.0)มองเพียง Trading ระยะสั้น

What happened in Thailand ?

• (*/-) SET: ตลาดหุ้นวานนี้ ปรับตัวลดลง -3.98 จุด หรือ -0.29% ปิดที่ 1378.7 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP) ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตอบรับภาพบวกเศรษฐกิจที่เด่นชัดขึ้น กลุ่มธนาคาร (KTB, SCB) ตอบรับรายงาน GDP งวด 1Q24 ปรับตัวขึ้น +1.5%y-y ดีกว่าตลาดคาดไว้ ผสาน จิตวิทยาบวก Overhang กรณี ITD มีโอกาสคลี่คลายหลังมีกระแสข่าว ITD อยู่ระหว่างเจรจาขายหุ้น บ. เอเชีย โปแตซ ให้กับรัฐวิสาหกิจจีน กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มขนส่ง (AOT) มองเป็นการขายหลังเข้าสู่ช่วงนอกฤดูกาล เช่นเดียวกับ กลุ่มการแพทย์ (BDMS, CHG)

• (*) Flow : เงินทุนต่างประเทศไหลเข้า ซื้อหุ้น +2.9 ล้านเหรียญฯ ซื้อพันธบัตร +231.3ล้านเหรียญฯ TFEX เปิดสถานะ Net Short -9,455 สัญญา เงินบาทแข็งค่าทรงตัว 36.1 +/- บาท

• (+) TH GDP : GDP Growth ไทยงวด 1Q24 +1.5%y-y, +1.1%q-q ดีกว่าตลาดคาดที่ 0.8%y-y, +0.6%q-q vs prev. +1.7%y-y, +0.6%q-q เรามองเป็นจุดต่ำสุดของปี และคาดเป็นฐานการเร่งตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปีตั้งแต่งวด 2Q24 กลุ่มที่เป็นบวกในงวด 1Q24 มีแนวโน้มดีต่อทั้งภาคบริการ (โมเมนตัม y-y ยังดี แม้เข้าสู่ช่วงนอกฤดูกาล), กำลังซื้อ (ท่องเที่ยว+รายได้เกษตร+งบประมาณ+Digital Wallet ปลายปี), ส่งออก (กลุ่มชิ้นส่วนฯ เริ่มให้สัญญาณภาพ Bottom-out ผสาน จีน (ไทยส่งออก 13% ของยอดรวม) การลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณชี้นำทางบวกจากเงินทุนต่างประเทศ FDI เร่ง ส่วนจุดที่เป็นลบ คือ กลุ่มอิงการจับจ่ายใช้สอย-การลงทุนภาครัฐฯ เนื่องจากงบประมาณเพิ่งผ่านปลายๆเดือน เม.ย. 24 แต่ถือเป็นอีกจุดที่คาดดีขึ้นในระยะถัดไป จิตวิทยาบวกต่อหุ้น Big Cap ที่ภายใน อาทิ กลุ่มธนาคาร คาดตลาดเริ่มประเมิน Downside Risk ของดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลง บวกต่อธนาคารขนาดใหญ๋ เน้น BBL, KTB, TTB กลุ่มบริโภค เน้น CPALL, BJC กลุ่ม FDI เร่ง เน้น WHA

• (*/+) LTF: วันนี้ (21 พ.ค.) สมาคม บลจ. ได้เตรียมเข้าพบ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับ Tax Saving Fund (กองทุนรวมลดหย่อนภาษี) ที่เน้นเจาะจงหุ้นไทย รวมถึงการนำกองทุนเพื่อการออมระยะยาว (LTF) กลับมาใช้อีกครั้ง ซึ่งหากได้ข้อสรุปที่ชัดเจน หลังจากนั้นจะนำเสนอต่อกระทรวงการคลังพิจารณาอีกครั้ง เพื่อให้สามารถมีผลได้ทันภายในปีนี้ มองจิตวิทยาบวกต่อ SET หุ้นในกลุ่ม SET50/100หากอิงเม็ดเงิน LTF ในช่วง 3ปีสุดท้าย (2017-19)ที่สูงเฉลี่ยปีละ 6.8 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ เราอิงผลศึกษารอบวงจรเศรษฐกิจคล้ายปัจจุบันปี 2012-13 พบว่า จากการศึกษาความสัมพันธ์ ส่วนต่างเม็ดเงิน LTF ที่เข้ามารายวัน กับส่วนต่างดัชนีรายวันที่ปรับขึ้นภายใต้วิธีสัมประสิทธิ์ถดถอย ทุกๆ1 หมื่นล้านบาท จะหนุน SET ปรับตัวขึ้นราว 20จุด ส่วนกรณีที่ใช้ความสัมพันธ์ยอดเงิน LTF สะสมกับ ระดับดัชนีสะสม ทุกๆ1หมื่นล้านบาท จะหนุน SET 50จุด เบื้องต้นเรามองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้น SET50/100 โดยกลุ่มที่มีสถานะขาย Short แต่ยังไม่ซื้อคืนหุ้น (> 1.0% ของจำนวนหุ้นชำระแล้ว) ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งมองมีโอกาสตอบรับทางบวก มอง HANA (3.23%), KCE (1.72%), BBL( 1.06%), KBANK (1.06%), MINT (1.03%)

• (*/+) Potash Mine x China: สำนักข่าว Bloomberg รายงาน บริษัท China State Development and Investment Co. Ltd (SDIC) รัฐวิสาหกิจจีนผู้ประกอบธุรกิจลงทุนในต่างประเทศ เตรียมเข้าเจรจาเพื่อถือหุ้นเป็นสัดส่วนสูง 49% ในเหมืองโปแทชประเทศไทยกับบริษท ITD ผ่านทางบริษัท SDIC Mining โดยคาดว่าดีลดังกล่าวมีมูลค่าราว 400 ล้านเหรียญ

ปัจจุบัน ITD ถือหุ้น บ. Asia Potash Group สัดส่วนราว 90% ที่เหลือ 10% ถือหุ้นโดยกระทรวงการคลัง ผ่านมา ITD มีภาระหนี้สินจำนวนมากจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ ซึ่งรวมถึงเหมืองโปแตซดังกล่าว หากการเจรจาสำเร็จคาดช่วยลดภาระหนี้สิน ITD และช่วยบรรเทาปัญหาสภาพคล่องในปัจจุบัน กรณีความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ITD ดีขึ้น จะเป็นภาพบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารของไทยไปด้วย โดยล่าสุด ธนาคารขนาดใหญ่ไทย ได้ตั้งสำรองหนี้ส่วนมากของ ITD ไปแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นเจ้าหนี้หลักของ ITD อาทิ BBL SCB KBANK KTB ส่วน ITD เนื่องจากปัญหาสภาพคล่องยังต้องใช้ระยะเวลาแก้ไข การลงทุนมองลักษณะเก็งกำไรเท่านั้น

• (*) To monitor : 23 พ.ค.นี้ ติดตาม กรณีศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติว่าจะรับคำร้องตรวจสอบคุณสมบัติ นายกฯ และ รัฐมนตรี ของ เศรษฐา ทวีสิน และ พิชิต ชื่นบาน ไว้เพื่อวินิจฉัยหรือไม่ และ หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้วินิจฉัยจะสั่งให้ เศรษฐา ทวีสิน และ พิชิต ชื่นบาน หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ และรมต. ? หากอิงเหตุการณ์ในอดีตกรณีล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ฯ ถูกศาลตัดสินให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ ช่วงก่อนที่จะมีคำตัดสิน พบว่า รองนายกรัฐมนตรีจะขึ้นมาปฎิบัติหน้าที่แทน ทำให้ไม่น่าจะมีประเด็นในส่วนความต่อเนื่องการทำงาน ส่วนผลวินิจฉัยคาดศาลใช้เวลาใกล้เคียงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ฯ คือราว 1-2 เดือน

Daily Strategy : IVL, MINT, KCE เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways" ฝั่งต่างประเทศ มองเป็นการรอตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ สัปดาห์นี้ คือ ยอดขายบ้านมือสอง Flash PMI ส่วนภายใน แม้ภาพระยะกลางเริ่มเป็นบวก GDP ไตรมาส 1 ดีกว่าคาดและเป็นฐานต่อยอดช่วงที่เหลือของปี ขณะที่วันนี้ลุ้นความคืบหน้า LTF แต่ระยะสั้นยังน่าจะมีความผันผวนจากกรณีการเมือง 23 พ.ค. ที่กรณีศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติว่าจะรับคำร้องตรวจสอบคุณสมบัติ นายกฯ และ รัฐมนตรี ของ เศรษฐา ทวีสิน และ พิชิต ชื่นบาน มองหุ้นประคองกลุ่มหุ้นใหญ่ SET50/100 ในฝั่ง 1) กลุ่มชิ้นส่วนฯ ตามจิตวิทยาบวกหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐนำตลาดคืนวานนี้ Microsoft เปิดตัว PC ใหม่ ลุ้นเป็นกระแสหนุนอุตสาหกรรมฟื้น Bottom Out เร็วขึ้น 2) กลุ่มตอบรับ GDP 1Q24 ทางบวก อาทิ ธนาคาร กลุ่มอิงกำลังซื้อภายใน 3) กลุ่มหุ้นที่เข้าสู่ช่วงฤดูกาล อาทิ IVL, MINT, CKP

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด + เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหนุนอุตสาหกรรมทยอยเข้าสู่ Upgrade Cycle (IVL, HANA, SSCGP, GLOBAL, DOHOME)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการภาครัฐฯ บริโภค ท่องเที่ยว ฤดูร้อน (CPALL, CPAXT, BJC, OSP, ICHI, ILM, AOT, AAV, MINT)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, BE8, WARRIX, MTC)
กลุ่มที่คาดกำไร 1Q24F จะดี / กลุ่มที่รายงานแล้วคาดกำไรมีโมเมนตัมบวกต่อ (AOT, ADVANC, CPALL, CPAXT, ICHI, OSP, WHA, NEO, MINT)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, WHA)

• MAY24 Best Picks: ICHI, BJC, HANA, IVL, MINT, CPALL, OSP

• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC