News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

20 พ.ค. 2567 09:37:06 693

Market Wrap-Up

SET วันที่ 17 พ.ค.67 ปิด +4.96 จุด อยู่ที่ 1,382.68 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,241 ลบ.ต่างชาติซื้อ 832 ลบ.สถาบันซื้อ 578 ลบ.รายย่อยขาย 886 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิอยู่ที่ 777 ลบ. มียอดซื้อสุทธิในหุ้น KBANK,SCB,SCC,SCGP,BDMS และมียอดขายสุทธิ KTC,TOP,LH,NEX,AOT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 4,539 ลบ. หุ้นที่มีปริมาณ Short สูงคือ CPALL-R,DELTA-R,AOT-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 13,825 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 89,658 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 145 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.34%, S&P500 +0.12%, Nasdaq -0.07% ภาพรวมปรับตัวขึ้นต่อจากผลประกอบการ 1Q67 ที่ออกมาแข็งแกร่ง ขณะที่นักลงทุนยังให้น้ำหนักไปที่การปรับลดดอกเบี้ยของเฟดภายในปีนี้ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.13% หลังซึมซับประเด็นบวกจากคาดการณ์ปรับลดดอกเบี้ย ของธ.กลางหลักๆในปีนี้ไปแล้ว ขณะที่วันศุกร์สมาชิกบอร์ด ECB คุณ Isabel Schnabel ออกมาเตือนเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ยต่อเนื่องจากความเสี่ยงในเรื่องเงินเฟ้อ (หากการประชุม ECB เดือน มิ.ย. นี้ เริ่มลดดอกเบี้ย)

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันศุกร์ (17 พ.ค.) ดัชนี DJI, S&P500 ปรับตัวเพิ่มขึ้น สนับสนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ บจ. ตลอดจนข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในเดือน เม.ย.ที่ชะลอตัว ส่งผลให้ตลาดคาดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปีนี้ โดย FedWatch Tool บ่งชี้ว่ามีโอกาส 68% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน ก.ย.และครั้งต่อไปในเดือน ธ.ค.ส่วนสัปดาห์นี้ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ FOMC Meeting Minutes (22 พ.ค.), ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯ เดือน พ.ค. (23 พ.ค.) เพื่อจับสัญญาณนโยบายการเงินของของสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลดลงในวันศุกร์ (17 พ.ค.) ทั้งดัชนี STOXX 600 และดัชนีตลาดหุ้นฝรั่งเศส เยอรมัน และอังกฤษ เนื่องจากนักลงทุนมีความระมัดระวัง หลังจากผู้กำหนดนโยบายธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ได้แสดงความชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังเดือน มิ.ย. ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของอังกฤษเดือน เม.ย.ในวันพุธ (23 พ.ค.) ซึ่งจะบ่งชี้ถึงการคาดการณ์เกี่ยวกับกำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เป็นครั้งแรก
ตลาดหุ้นเอเชีย ส่วนใหญ่ปิดลดลงในวันศุกร์ (17 พ.ค.) จากการขายทำกำไร ขณะที่ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงปิดบวก หนุนจากหุ้นกลุ่มอสังหาฯ หลังมีรายงานว่ารัฐบาลจีนเตรียมออกนโยบายสนับสนุนการซื้อบ้านค้างสต็อกจากบริษัทรับสร้างบ้านที่ประสบปัญหาด้านการเงิน รวมถึงเตรียมออกนโยบายเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นตลาดที่ซบเซา เช่น การยกเลิกอัตราดอกเบี้ยจำนองขั้นต่ำทั่วประเทศ และปรับลดสัดส่วนเงินดาวน์ลงสู่ระดับ 15% สำหรับผู้ที่ซื้อบ้านหลังแรก และ 25% สำหรับบ้านหลังที่ 2 ส่วนตลาดหุ้นอินเดียปิดบวกจากคาดการณ์นายโมดีจะชนะการเลือกตั้ง โดยตลาดหุ้นอินเดียปิดทำการวันนี้ ส่วนการสัปดาห์มีหลายตลาดที่จะปิดทำการเนื่องในวันวิสาขบูชา
SET +0.79%WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน6 หมื่น ลบ. +15% WoW สถาบันขาย 1,042 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 190 ลบ. ต่างชาติซื้อ 5,212 ลบ. รายย่อยขาย 4,360 ลบ. WoWภาพรวมปิดบวกได้ต่อเนื่องตามตลาดหุ้นภูมิภาค แม้ระหว่างทางจะผันผวนจากแรงขายที่สลับออกมาหลังผ่านช่วงการรายงานงบ 1Q67 นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากรายงานข่าวสหรัฐฯประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนหลายรายการ อย่างไรก็ดีดัชนี SET Index ยังฟื้นตัวกลับมาได้ นำโดยหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กฯจากปัจจัยเฉพาะตัว ขณะที่กลุ่มเกษตร อาหาร เครื่องดื่ม ค้าปลีก เดินเรือ ยังช่วยหนุนจากมีโมเมนตัมของกำไรที่จะดีต่อเนื่องใน 2Q67 รวมถึงหุ้นบางกลุ่มที่ฟื้นตัวขึ้นได้ความหวังเชิงบวกจากน.กระตุ้นเศรษฐกิจของจีน

Daily Strategy

ประเมินดัชนี SET Index สัปดาห์นี้ Sideways up ในกรอบ 1,370-1,400 จุด ติดตามการรายงานตัวเลข GDP งวด 1Q67 ของไทย คาดการขยายตัวต่ำ +0.6%QoQ, +7%YoY แต่มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวในระยะถัดไปจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว การบริโภค และการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ แนะนำหุ้นมีคาดกำไรดีต่อเนื่องใน 2Q67 กลุ่มเกษตร BTG, TFM, STGT อาหาร/เครื่องดื่ม ICHI, SAPPE ค้าปลีก CPALL เดินเรือ RCL, PSL โรงไฟฟ้า GULF, GPSC
BTG* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 24.70 บาท) แนวโน้มผลประกอการปกติใน 2Q67 มีโอกาสพลิกเป็นกำไร หนุนจากสภาพอากาศร้อนส่งผลต่ออุปทาน ประกอบการสถานการณ์ราคาหมูเถื่อนเริ่มคลี่คลายลง ทำให้ราคาสุกรในประเทศไทยและกัมพูชาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนราคาไก่ก็มีทิศทางปรับตัวดีขึ้นเช่นกันหนุนจากความต้องการจากยุโรปและญี่ปุ่น ขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์ยังอยู่ในระดับต่ำและมีแนวโน้มปรับลดลงทั้งข้าวโพดและถั่งเหลืองจากผลิตผลในการเพาะปลูกสูงขึ้น ดังนั้นจึงส่งผลบวกต่ออัตรากำไร ทั้งนี้อิงจาก Consensus ของตลาดคาดปี 67 จะกลับมากำไร 2 พันล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่ขาดทุน 1.4 พันล้านบาท
GFPT* (ซื้อเก็งกำไร/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 14.80 บาท) กำไรสุทธิงวด 1Q67 อยู่ที่ 466 ลบ., +13.5%QoQ, +56.3%YoY โดยปัจจัยบวกหลัก คือ เนื้อไก่แปรรูปส่งออกที่ Volume ขาย +20.3%YoY(+กลุ่มลูกค้า UK/EU) ขณะที่ฝั่ง Equity Income +115%YoY จากการส่งออกไก่แปรรูปปรุงสุกของทั้ง GFN และ McKey ด้านการดำเนินงานระยะถัดไป 2Q67 คาดว่าจะยังอยูในเกณฑ์ดี มีแรงหนุนจากการส่งออก, ราคาอาหารสัตว์ที่ยังอยู่ในระดับไม่สูง และราคาไก่ไทยมีแนวโน้มที่ดีเดือนเม.ย.67 +MoM +YoY

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI มิ.ย. +$0.83 อยู่ที่ $80.06/บาร์เรล Brent ก.ค. +$0.71 อยู่ที่ $83.98/บาร์เรล หลัง รายงานตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน +6.7%YoY เป็นบวกต่อ Demand น้ำมันตลาดโลก ทั้งนี้ ยังต้องจับตาความคืบหน้าในตะวันออกกลางหลังประธานาธิปดีอิหร่านประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก รวมถึงการประชุม OPEC 1มิ.ย.67 นี้

Gold Update(+) Comex Gold มิ.ย. +31.90 อยู่ที่ $2,417.40 /ออนซ์ ปรับบวกจากความคาดหวังว่า Fed จะเริ่มลดดอกเบี้ยลงในปีนี้ 2 ครั้ง

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่แล้ว ซื้อสุทธิ
+99.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +143.14 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -94.49 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +50.49 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 36.08 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.4179 %

(-) ดัชนี BDI วันศุกร์+27 จุด อยู่ที่ 1,844

(+) BitCoin เช้านี้ +0.04% อยู่ที่ 66,286 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

20 พ.ค. สภาพัฒน์ แถลง GDP ไตรมาส 1/67

31 พ.ค. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์

กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ,การค้าชายแดน

และการค้าผ่านแดน

สัปดาห์ที5 สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

ต่างประเทศ

20 พ.ค. US คำกล่าวของนายพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ

22 พ.ค. US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (เม.ย.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

23 พ.ค. US รายงานการประชุมของ FOMC

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( พ.ค.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( พ.ค.)

US ยอดขายบ้านใหม่ (เม.ย.)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL*

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE*

(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*

(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio May 2024: GFPT*, SAPPE*, OSP*, ITC*, ICHI*, CPALL

Analysts

Apichai Raomanachai