Today’s NEWS FEED

News Feed

EE แจงงบปี 66 ขาดทุนสุทธิ สูงถึง 653 ล้านบาท หรือขาดทุนเพิ่มขึ้น 795% ตามที่ตลท.สอบถาม

158

 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(18 เมษายน 2567)---- นายอิศรา เรืองสุขอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) EE เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข้อมูลในงบการเงินประจำปี 2566 ของ EE เกี่ยวกับการบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าของค่าความนิยมและเงินลงทุนในธุรกิจค้าและผลิตกัญชงกัญชาซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ EE ทำให้ปี 2566 มีผลขาดทุนสุทธิ สูงถึง 653 ล้านบาท หรือขาดทุนเพิ่มขึ้น 795%โดย EE มีรายได้ขาย 5 ล้านบาท ทั้งนี้ ขอให้ชี้แจงข้อมูลผ่านระบบ เผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯภายในวันที่ 17 เมษายน 2567 เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับทราบข้อมูลและตัดสินใจลงทุน ในการซื้อขายหลักทรัพย์ดังนี้

EE เป็น Holding Company ลงทุนธุรกิจค้าและผลิตกัญชงกัญชาเป็นธุรกิจหลัก โดยลงทุนในบริษัท ซีบีดี ไบโอ ไซเอนซ์ จำกัด (CBDB: บริษัทย่อย 100%) และบริษัท แคนนาบิซ เวย์ จำกัด (CW: บริษัทย่อย 80%) ในปี 2566บริษัทมีรายได้ขาย 5 ล้านบาท มีขาดทุนขั้นต้นและขาดทุนสุทธิ 18 ล้านบาท และ 653 ล้านบาท ตามลำดับโดยมีการบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าของค่าความนิยมและเงินลงทุนใน CBDB และ CW รวม 472 ล้านบาทและบันทึกผลขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของกัญชงกัญชา 34 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 506 ล้านบาทหรือ คิดเป็น 77% ของผลขาดทุนสุทธิงวดปี 2566



ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับทราบข้อมูลสำคัญเพียงพอเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัท ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้บริษัทชี้แจงข้อมูลผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 17 เมษายน 2567

ประเด็นที่ขอให้บริษัทชี้แจง : ความเห็นของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบเกี่ยวกับความครบถ้วนเพียงพอของการพิจารณาบันทึกผลขาดทุนจากรายการดังกล่าว และผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจหลักและแนวทางการแก้ไขการดำเนินธุรกิจของ EE

บริษัทขอเรียนชี้แจงข้อมูลตามข้อสอบถามของตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนี้
จากการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2567 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 (โดยกรรมการตรวจสอบทุกท่านได้เข้าร่วมประชุมด้วย) คณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบ มีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า การพิจารณาบันทึกผลขาดทุนจากรายการดังกล่าวมีความครบถ้วนเพียงพอแล้ว

แม้ว่าการดำเนินธุรกิจหลักอาจยังไม่เป็นไปตามแผนธุรกิจที่กำหนดโดยมีสาเหตุปัจจัยภายนอกที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้หรือควบคุมได้ยากก็ตาม อาทิเช่น (1) ราคาผลผลิตที่ตกต่ำลงเนื่องจากนโยบายกัญชาเสรีของรัฐบาลซึ่งทำให้มีเกษตรกรจำนวนมากหันมาปลูกพืชกัญชง-กัญชา และก่อให้เกิดสภาวะอุปทานส่วนเกิน ในขณะที่อุปสงค์ในตลาดไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งทำให้ราคาผลผลิตตามจริงอยู่ที่ประมาณ 1,000 – 3,000 บาท ต่อกิโลกรัมโดยขึ้นอยู่กับคุณภาพของช่อดอกกัญชง ทั้งนี้ ราคาตลาดของผลผลิตดังกล่าวต่ำกว่าราคา 6,000 บาท ต่อกิโลกรัมที่บริษัทประเมินไว้เมื่อเข้าทำรายการ ซึ่งเป็นราคาที่มีการอ้างอิงจากราคากลางที่องค์กรภายนอกประกาศในขณะนั้น ได้แก่ สมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย(TIHTA) และองค์การเภสัชกรรม (GPO) ประเมินสำหรับช่อดอกกัญชงที่มีปริมาณ CBD ตั้งแต่ร้อยละ 12 เป็นต้นไป ซึ่งอยู่ที่22,000 บาทต่อกิโลกรัม และ 45,000 บาทต่อกิโลกรัม อ้างอิงข้อมูลจาก https://healthserv.net/cannabis/8538 และhttps://tihta.org/th/ราคากลางซื้อขายกัญชง/ และ (2) ปริมาณผลผลิตที่ได้ต่ำกว่าประมาณการเนื่องจากผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้หรือควบคุมได้ยาก เช่น สภาพอากาศ และศัตรูพืช เป็นต้น ซึ่งจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นอาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้และผลการดำเนินงานต่อเนื่องจากธุรกิจดังกล่าวซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทในอนาคต

บริษัทจึงได้พิจารณากำหนดทิศทางการดำเนินงานในอนาคตเพื่อให้บริษัทมีรายได้และผลการดำเนินงานที่มั่นคงต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของการคิดค้นรวมถึงปรับใช้นวัตกรรมจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ การสร้างสรรค์สินค้าที่มีคุณภาพและตรงตามความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม และยังรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต การลดต้นทุนการปลูกเพื่อให้ได้ต้นทุนที่ต่ำแต่ยังสามารถรักษาคุณภาพและปริมาณให้อยู่ในเกณฑ์และสามารถขายสินค้าในราคาที่เหมาะสมกับราคาตลาดได้การปรับแผนเน้นการปลูกพืชกัญชาโดยมีการปลูกในสายพันธ์ที่หลากหลายเพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตให้ครอบคลุมความต้องการของตลาดที่จะมีในอนาคตให้มากที่สุด

แนวทางการแก้ไขปัญหาหลักๆจะมุ่งเน้นทั้งในส่วน (1) การจัดหารายได้ที่จะมุ่งเน้นการพัฒนาในธุรกิจหลักให้มีประสิทธิภาพและมีความหลากหลายตามความต้องการของตลาดและสร้างความมั่นคงของรายได้ เพื่อรองรับการปรับตัวให้เท่าทันพฤติกรรมของผู้บริโภค การมุ่งสร้างความร่วมมือความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าและมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ การมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจปัจจุบันของบริษัทเพื่อต่อยอดธุรกิจในอนาคต รวมไปถึงหาพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสและประสิทธิภาพในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท (2) การบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ที่จะมีการพิจารณาปรับโครงสร้างธุรกิจให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน พิจารณาปรับโครงสร้างหนี้และโครงสร้างทุนในบริษัทย่อย เพื่อลดต้นทุนทางการเงินระหว่างกัน ลดต้นทุนการปลูกเพื่อให้ได้ต้นทุนที่ต่ำแต่ยังสามารถรักษาคุณภาพและปริมาณให้อยู่ในเกณฑ์และสามารถขายสินค้าในราคาที่เหมาะสมกับราคาตลาดได้ โดยคณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาและหารือร่วมกับฝ่ายบริหารด้วยความระมัดระวังเกี่ยวกับทุกแนวทางในการดำเนินงานโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้นของบริษัทเป็นสำคัญ

 

 

 

_________________________________________________________________

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

น้ำขึ้นให้รีบตัก By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดบวก หุ้นขึ้น วันนี้ น้ำขึ้นให้รีบตัก หรือเทขายกำไรไว้ก่อน ด้วยพรุ่งนี้ ตลาดเรา ...........

งบท่องเที่ยว By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง วันนี้ ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ยังคงแกว่งตัว ในกรอบแคบๆ ส่วนการเก็งกำไรนั้น หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้