Thai Union Group
คาดกำไรสุทธิ 1Q24F ลดลง

คาดกำไรสุทธิ 1Q24F ลดลง YoY และ QoQ จากอัตราทำกำไรที่ลดลงของกลุ่มธุรกิจอาหารแปรรูปและการไม่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่กำไรปกติเพิ่มขึ้น YoY จากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก

เราคาดผลประกอบการ 1Q24F จะมีกำไรสุทธิ 883 ล้านบาท ลดลง -14%YoY และ -29%QoQ โดยในไตรมาสนี้มีบันทึกขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเราคาดราว 60 ล้านบาท โดยหากไม่รวมรายการดังกล่าวคาดกำไรหลักจะเพิ่มขึ้น +18%YoY และ -20%QoQ จากคาดรายได้รวมเพิ่มขึ้น +2%YoY จากธุรกิจเกือบทุกกลุ่มที่เพิ่มขึ้น ยกเว้นธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งที่ลดลง และคาดรายได้รวมลดลง 6%QoQ จากช่วง low season โดยแบ่งเป็น

ธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป (Ambient seafood) คาดรายได้เพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่ม OEM ที่กลับมาออเดอร์สินค้าเพิ่มขึ้นตามราคาปลาทูน่าที่ปรับลดลง ม.ค.-ก.พ.24 อยู่ที่เฉลี่ย 1,350 $/ตัน ลดลง -22% YoY

ธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง (Frozen chilled seafood) ลดลงจากการปรับลดขนาดธุรกิจ Trading ที่อเมริกาที่มีผลขาดทุน ประกอบกับภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลให้ธุรกิจ Forzen รายได้ลดลง

ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (PetCare) คาดรายได้เพิ่มขึ้น 15%YoY จากกลุ่มลูกค้าสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น จากปัญหาการระบายสต็อกสินค้าเก่าเริ่มหมดลง การสั่งสินค้าพรีเมี่ยมของลูกค้ารายใหญ่กลับมาเพิ่มขึ้น ยกเว้นกลุ่มลูกค้ารายเล็กที่ยังมีสต็อกสินค้าเก่าบ้าง แต่ลดลง -16%QoQ จากช่วง low season เทียบกับไตรมาส 4

ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า (Value added and others) คาดเพิ่มขึ้นจากราคาขายที่ดีขึ้น และโรงงานใหม่ Culinary Business และ Ingredients Business เริ่มดำเนินงานตั้งแต่ 3Q23 ที่ผ่านมา

คาดรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุน 238 ล้านบาท +3%QoQ จากธุรกิจ Avanti คาดเพิ่มขึ้น

คาดอัตรามาร์จิ้นเพิ่มขึ้น YoY จากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก แต่ลดลง QoQ จากธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป (Ambient seafood) ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่มีสัดส่วนรายได้มากสุด โดยกลุ่มลูกค้า OEM ที่อัตรามาร์จิ้นต่ำกว่ากลุ่มลูกค้า Brand มีออเดอร์เพิ่มขึ้นหลังจากราคาปลาทูน่าที่ปรับตัวลดลง และคาดค่าใช้จ่ายในการขายบริหารต่อยอดขายใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่เพิ่มขึ้น QoQ จากการทำการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขาย และบริษัทกลับมาเสียภาษีคาดที่ระดับ 7% จากการได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี BOI และไม่มีเครดิตภาษีเงินได้จากธุรกิจในต่างประเทศแล้ว

เรายังคงประมาณการเดิม คาดกำไรปกติจะกลับมาเพิ่มขึ้นหลังจากไม่ต้องรับรู้ขาดทุนจาก RL แล้ว

แนวโน้มผลประกอบการ 2Q24F เราคาดธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงยังดีขึ้นต่อเนื่องจากปัจจุบันมีออเดอร์ล่วงหน้าคิดเป็น 60% ของเป้าหมายรายได้ที่คาดจะเติบโต 15% แล้ว เรายังคงประมาณการเดิมคาดกำไรปกติปี 2024F มาอยู่ที่ 5,810 ล้านบาท (+23%YoY) จากการไม่ต้องรับรู้ขาดทุนจาก Red Lobster (RL) แล้ว และคาดกำไรสุทธิปี 2025F อยู่ที่ 6,545 ล้านบาท (+13%YoY) ตามลำดับ แนวโน้มราคาปลาทูน่าที่ลดลงส่งผลต่ออัตรามาร์จิ้นธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้น และส่งผลธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป (Ambient seafood) มีปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น สำหรับคาดธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งคาดยังลดลงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและการปรับลดขนาดธุรกิจในสหรัฐฯ เราคาดอัตราทำกำไรจะค่อยๆดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี จากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่คาดจะกลับมาเติบโตมีอัตรามาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดใกล้เคียงเดิม และบริษัทจะเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ปีละ 7% จากการได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี BOI และไม่มีเครดิตภาษีเงินได้จากธุรกิจในต่างประเทศแล้ว

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากคาดผลประกอบการเริ่มกลับมาปกติและการไม่ต้องรับรู้ขาดทุนจากธุรกิจ Red Lobster (RL) แล้ว รวมถึงสถานการณ์ปัจจัยลบต่างๆ เริ่มคลี่คลาย มูลค่าที่เหมาะสมที่ 17.5 บาท อ้างอิง historical PE forward ย้อนหลัง 7 ปี ที่ 14X โดยราคาหุ้นปัจจุบันมี PER24F ที่ 11.5X และคาด Dividend Yield 24F ที่ 4.9% สถานะการเงินแข็งแกร่งคาด Net Debt/Equity 24F อยู่ที่ 0.6X ความเสี่ยง : ภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัว, ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบ, การขาดแคลนเรือนขนส่ง