สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ ( 12 มีนาคม 2567)------บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) “BWG” เปิดเผยว่า ตามที่ บริษัทย่อยของของบริษัท เก็ท กรีน พาวเวอร์ จำกัด (“GGP”)ซึ่งมีสถานะเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (“ETC”) ในสัดส่วนร้อยละ 43.93โดยเป็นผู้ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(“กฟภ.”) เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม จำนวน 10โครงการ ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา จำนวน 8 เมกะวัตต์ ต่อโครงการ รวมทั้งสิ้น 80 เมกะวัตต์ (1 บริษัทย่อย : 1 โครงการ : 8เมกะวัตต์) นั้น

บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “BWG”) ใคร่ขอเรียนให้ทราบว่า เมื่อวันที่ 8มีนาคม 2567 บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาผู้ถือหุ้นกับบริษัท กัลฟ์ เวสท์ทู เอ็นเนอร์จี โฮลดิ้งส์ จำกัด (“GWTE”)ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 100เพื่อร่วมพัฒนาโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงจากขยะอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ETC ยังได้ลงนามในสัญญาผู้ถือหุ้นกับ GWTE เพื่อร่วมพัฒนา
โครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. การลงนามสัญญาผู้ถือหุ้นระหว่าง ETC กับ GWTE เพื่อเข้าร่วมลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 50.00ของGGP ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมจำนวน 10โครงการ

2. การลงนามสัญญาผู้ถือหุ้นระหว่าง BWG กับ GWTE เพื่อเข้าร่วมลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 50.00ของบริษัท เซอร์คูลาร์ แคมป์จำกัด (“CC”) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงจากขยะอุตสาหกรรม จำนวน 3โครงการ โดย CC จะเป็นผู้ผลิตเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรม เพื่อส่งให้โรงไฟฟ้าต่อไป

3. การลงนามสัญญาผู้ถือหุ้นระหว่าง ETC กับ GWTE และบริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด(“WTX”) เพื่อให้ ETC เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมจำนวน 2 โครงการภายใต้บริษัท ซันเทค อินโนเวชั่น พาวเวอร์ จ ากัด (“SIP”) ด้วยการซื้อหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งปัจจุบัน GWTEและ WTX ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 51.00และ 49.00 ตามลำดับ โดยภายหลังจากการเพิ่มทุนดังกล่าวแล้วจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นใน SIP ของ ETC GWTE และ WTX อยู่ที่ร้อยละ 33.0034.00และ 33.00ตามลำดับ โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมทั้ง 2 โครงการภายใต้ SIP มีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา รวม 16 เมกะวัตต์ ซึ่งได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นระยะเวลา20 ปี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ โครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงจากขยะอุตสาหกรรมและโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมข้างต้นสอดคล้องกับนโยบายของทางภาครัฐในการแก้ไขปัญหาขยะอุตสาหกรรมให้แก่ประเทศ รวมทั้งไม่สร้างมลภาวะให้สิ่งแวดล้อม โดยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดปริมาณของเสียจากกระบวนการผลิต การนำขยะมาเปลี่ยนเป็นพลังงาน เป็นอีกโอกาสสำคัญที่ทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน และสอดรับกับนโยบายของทางภาครัฐเรื่อง Bio-Circular-Green Economy หรือ BCG