สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (22 กุมภาพันธ์ 2567)-- บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (AEONTS) ที่ ‘A-(tha)’ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ พร้อมกันนี้ฟิทช์ยังได้คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ 'F2(tha)' และ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของบริษัทที่ ‘A-(tha)’
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
โครงสร้างธุรกิจและผลประกอบการที่สม่ำเสมอ: อันดับเครดิตของ AEON สะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทในธุรกิจสินเชื่อเพื่ออุปโภคและบริโภคในประเทศไทย ความสามารถในการทำกำไรที่ค่อนข้างสม่ำเสมอตลอดช่วงวัฏจักรธุรกิจ และความสามารถในการรองรับความเสี่ยงในด้านระดับสำรองหนี้สูญและด้านฐานะเงินกองทุนที่อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยช่วยบรรเทาแรงกดดันด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่ยังคงมีอยู่ต่อเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงการพึ่งพาการระดมเงินทุนจากตลาดทุน (wholesale funding)
ยังมีความท้าทายจากสภาพแวดล้อมในการดำเนินงาน: ธุรกิจสินเชื่อเพื่ออุปโภคและบริโภคในประเทศไทย ยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ฟื้นตัวที่ค่อนข้างช้าจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด อีกทั้งระดับหนี้สินครัวเรือนที่ยังคงมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ต่อเนื่อง (ที่ 91% ของ GDP ณ สิ้นเดือน กันยายน 2566) ซึ่งจะเป็นปัจจัยลดโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ และยังอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านนโยบายกำกับธุรกิจของทางการที่เพิ่มขึ้นได้ ฟิทช์คาดว่าโอกาสในการขยายธุรกิจน่าจะยังคงมีไม่มากนักในปีนี้ ประกอบกับเพดานอัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลที่ยังคงถูกจำกัดอยู่นั้น น่าจะส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมมีผลประกอบการที่เติบโตได้ไม่มากนัก
เครือข่ายธุรกิจที่อยู่ในเกณฑ์ดี: AEONTS เป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจสินเชื่อเพื่ออุปโภคและบริโภคในประเทศไทย สำหรับผู้ให้บริการที่ไม่ใช่ธนาคาร (non-bank) โดยบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกัน ซึ่งฟิทช์คาดว่าบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ประมาณ 8%-9% บริษัทมีชื่อเสียงที่เป็นที่ยอมรับมาอย่างยาวนาน ฟิทช์เชื่อว่าบริษัทน่าจะรักษาความแข็งแกร่งของเครือข่ายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องตลอดวัฏจักรธุรกิจ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น
AEONTS พยายามที่จะกระจายฐานธุรกิจไปในธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสินเชื่อเพื่ออุปโภคและบริโภค แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์คาดว่าธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลยังคงคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 81% ของรายได้รวมของบริษัท ณ สิ้นเดือน พฤศจิกายน 2566 และจะยังคงเป็นธุรกิจหลักของบริษัทในระยะสั้น
ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังคงอยู่ในระดับสูง: อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของ AEONTS ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดของโควิด โดยบริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวที่ 6.3% ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2566 และฟิทช์คาดว่าบริษัทน่าจะบริหารจัดการให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพปรับตัวลดลงได้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากสภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างทรงตัวและอาจปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย การปรับตัวดีของคุณภาพสินทรัพย์น่าจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงและอุปสรรคต่อการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อย แต่อย่างไรก็ตามด้วยระดับของสำรองหนี้สูญ (ที่ 152% ของสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือน พฤศจิกายน 2566 ) น่าจะช่วยลดทอนความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่ง
ความสามารถในการทำกำไรเผชิญกับแรงกดดันในระยะสั้น: บริษัทยังคงต้องเผชิญกับแรงกดดันต่อความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยอัตรากำไรก่อนภาษีต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (ต่อปี) ของบริษัทได้ปรับตัวลดลงเป็น 3.9% ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2566 จาก 5.3% ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2566 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวยังคงอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับระดับอันดับเครดิต และฟิทช์คาดว่าแรงกดดันด้านกำไรน่าจะสามารถบริหารจัดการได้ ทั้งนี้อัตราส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและต้นทุนทางการเงินยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และต้นทุนทางการเงินที่ปรับตัวสูงขึ้น ฟิทช์คาดว่าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทน่าจะทยอยปรับตัวดีขึ้น จากต้นทุนทางการเงินที่มีเริ่มทรงตัว และค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สูญที่มีแนวโน้มจะปรับตัวลดลง
ฐานะเงินกองทุนที่เพียงพอ: อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่จับต้องได้ (debt/tangible equity) ของ AEONTS มีการปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 3.1 เท่า ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2566 ลดลงจาก 3.3 เท่า ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2566 และ 3.9 เท่า ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 การปรับตัวดีขึ้นของระดับหนี้สิน เป็นผลจากการมีกำไรสะสมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของบริษัทและการเติบโตของสินทรัพย์ที่ค่อนข้างต่ำ ฟิทช์มองว่าโครงสร้างความเสี่ยงและโครงสร้างธุรกิจของบริษัท มีแนวโน้มที่จะผันผวนไปตามสภาวะเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์เชื่อว่าระดับหนี้สินและเงินกองทุน ณ ปัจจุบัน น่าจะสะท้อนถึงความสามารถที่เพียงพอในการรองรับความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายได้
การพึ่งพาการระดมเงินทุนจากตลาดทุน: AEONST พึ่งพาการระดมเงินทุนและการรีไฟแนนซ์จากสถาบันการเงินและตลาดทุนเป็นหลัก (wholesale funding) แต่อย่างไรก็ตาม ฟิทช์มองว่าแหล่งเงินทุนของบริษัทค่อนข้างมีการกระจายตัวเมื่อเทียบกับสถาบันการเงินอื่นๆที่ไม่ใช่ธนาคาร บริษัทมีวงเงินสินเชื่อกับธนาคารหลายแห่ง ซึ่งรวมไปถึงธนาคารญี่ปุ่น อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุนภายในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยที่อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตของบริษัทอาจถูกปรับลดอันดับลงได้ หากอัตราส่วนทางการเงินของบริษัทในด้านคุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวแย่ลงต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ความสามารถในการรองรับความเสี่ยงปรับตัวด้อยลง ในกรณีดังกล่าวนี้อาจหมายถึง การมี อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่จับต้องได้ที่สูงกว่า 5 เท่า อัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ต่ำกว่า 100% (ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2566 อยู่ที่ 152%) หรือการปรับตัวลดลงอย่างมากของความสามารถในการทำกำไร นอกจากนี้การปรับตัวด้อยลงอย่างมากของอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพยังอาจสามารถนำไปสู่การทบทวนการพิจารณามุมมองต่อโครงสร้างธุรกิจและโครงสร้างความเสี่ยงของบริษัท ซึ่งอาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
ฟิทช์อาจปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัท ถ้าฟิทช์ประเมินว่าเครือข่ายธุรกิจจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาผลประกอบการให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งสม่ำเสมอได้ตลอดวัฏจักรธุรกิจ ในขณะที่ยังรักษาระดับของความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เมื่อเทียบกับสถาบันการเงินรายอื่นที่มีอันดับเครดิตภายในประเทศในระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งอาจบ่งชี้ได้จาก การที่บริษัทมีอัตราสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องมาอยู่ในระดับเดียวกันกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด การมีอัตราส่วนกำไรก่อนหักภาษีต่อสินทรัพย์เฉลี่ยที่สูงกว่า 4% อย่างต่อเนื่อง และการมีเงินกองทุนที่มีเสถียรภาพจากการกำไรสะสมที่สม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยรักษาให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่จับต้องได้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 4 เท่า
ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้สมมุติฐานว่า ไม่ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของ AEONTS หรือความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินที่ลดลงจากการขยายธุรกิจของบริษัท
หุ้นกู้และตราสารหนี้อื่น: ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ AEONTS ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับเดียวกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของบริษัท
หุ้นกู้และตราสารหนี้อื่น: ปัจจัยที่อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
อันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ AEONTS จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกับการเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท
รายละเอียดของอันดับเครดิตมีดังต่อไปนี้:
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘A-(tha)’; “แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ”
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F2(tha)’
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันคงอันดับที่ ‘A-(tha)’