Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซียพลัส : MARKET TALK

210

MARKET TALK
กลยุทธ์การลงทุน
เงินเฟ้อจีนติดลบ กระทบส่งออกไทย?
ตลาดหลายประเทศในภูมิภาคหยุดทำการในวันนี้ ซึ่งน่าจะทำให้ปริมาณการซื้อขายเบาบาง เกิดความผันผวนของราคาหุ้นได้ง่าย คาด SET Index วันนี้เคลื่อนไหวกรอบ 1385 – 1400 จุดหุ้น Top Pick เลือก AP, CPALL และ PTTEP

WORLD OF TECHNICAL
 8 ก.พ. 67 Fund Flow ขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่สอง 1,936 ลบ. เมื่อวานมี Big LotTRUE 105.24 ลบ. ราคาเฉลี่ย 6.53 บาท CBG 50.76 ลบ. ราคาเฉลี่ย 72.52 บาท AOT 21.78 ลบ. ราคาเฉลี่ย 66 บาท ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าแต่ยังอยู่ในกรอบไม่เกิน36.20 บาท

 กรอบรอบเช้าการย่อไม่ต่ำกว่า 1385 จุด หรืออย่างแย่ 1382 จุด ยังเป็นการคลายตัวจาก Negative Divergence ใน RSI ของภาพ 30 นาทีต่อเนื่อง มีโอกาสดีดกลับแต่ยังติดแนวต้าน 1400 จุด Upside ที่เหลือตามกรอบกลับตัวแบบ Falling Wedge ที่มี Double Bottoms ซ้อนอยู่ เหลือแนวต้านจำกัดช่วง 1410-1420 จุด โซนใกล้เคียงแนวดังกล่าวระวังแรงขายต่อเนื่องเป็นรอบ


เงินเฟ้อจีนติดลบ กระทบส่งออกไทย?
ตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ม.ค.67 ของจีนออกมา -0.8% YoY ติดลบมากกว่าที่คาดและเป็นการติดลบต่อเนื่อง สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา (คล้ายๆ กับบ้านเรา) ในมุมนี้หากสะท้อนกลับมาถึงผลกระทบเศรษฐกิจไทย ก็อาจเป็นตัวส่งสัญญาณถึงภาคการส่งออกที่อาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด ทำให้รัฐบาลไทยต้องเตรียมมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งพิจารณาจากตัวเลือกในปัจจุบัน เห็นว่าน่าจะเหลือเพียง การกระตุ้นการบริโภคของภาคครัวเรือนที่เป็นไปได้โดยมาตรการที่ใหญ่สุดในหมวดนี้ก็ได้แก่ Digital Wallet ซึ่งประเมินจากท่าทีของรัฐบาลแล้วเชื่อว่าจะเห็นการเดินหน้าต่อ กาหนดจะมีการประชุมคณะกรรมการ Digital Wallet ในสัปดาห์หน้า ซึ่งน่าจะเห็นความชัดเจนส่วนอีกเรื่องที่น่าสนใจได้แก่ ราคาน้ำมันซึ่ง Brent ปรับขึ้นไปที่ 81.63 เหรียญฯจากความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ อาจกระตุ้นการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มน้ำมันตลาดหลายประเทศในภูมิภาคหยุดทำการในวันนี้ ซึ่งน่าจะทำให้ปริมาณการซื้อขายเบาบาง เกิดความผันผวนของราคาหุ้นได้ง่าย คาด SET Index วันนี้เคลื่อนไหวกรอบ 1385 – 1400 จุดหุ้น Top Pick เลือก AP, CPALL และ PTTEP

ภาคแรงงานสหรัฐฯยังดูดี ท่ามกลางความตึงเครียดตะวันออกกลาง หนุนน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อ
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังปรับตัวขึ้นแรง 0.2%-1.5% จากการรายงานผลประกอบการช่วง 4Q66 ที่ดีกว่าคาด โดยข้อมูลจาก Bloomberg consensus บ่งชี้ว่า ดัชนี S&P500 มีบริษัทที่รายงานกำไรออกมาแล้ว 332 บริษัท จากทั้งหมด 500บริษัท ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ถึง 8% บวกกับตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ยังแข็งแกร่ง อาทิตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก(Initial jobless claim) ลดลง 9,000 ราย สู่ระดับ 218,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าคาดที่ระดับ 221,000 ราย

ขณะที่ตัวเลขถัดไปที่ตลาดมอง คือ อัตราเงินเฟ้อที่จะรายงานวันที่ 13 ก.พ.67 ซึ่งตลาดคาดไว้ที่ระดับ +0.2%Mom / +2.9%YoY ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ+0.3%Mom / +3.4%YoY ประเด็นดังกล่าว สะท้อนภาคแรงงานสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งและไม่ได้มีปัญหามากนัก ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (FED)ตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาดไว้ โดยล่าสุด FED WATCH TOOLให้โอกาสคงดอกเบี้ยมากขึ้นในการประชุมเดือน มี.ค.67 ถึง 81% อย่างไรก็ตามตั้งแต่การประชุมเดือน พ.ค.67 FED WATCH TOOL คาดว่าจะลดดอกเบี้ยด้วยความน่าจะเป็น 53% และทยอยปรับลดดอกเบี้ยลงเรื่อยๆจนถึงสิ้นปี รวมแล้วกว่า 5 ครั้งครั้งละ 0.25% รวมแล้วกว่า 1.25% จน ณ สิ้นปี 2567 คาดดอกเบี้ยจะอยู่ระดับ4.25%

ส่วนปัจจัยภายนอกอื่นๆ ที่มีคาดมีผลต่อทิศทางตลาดหุ้น คือ ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ในฝั่งของตะวันออกกลางหลังสหรัฐทำการสังหารผู้บัญชาการกองกาลังติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน และนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้ปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิงของกลุ่มฮามาส พร้อมกับประกาศว่า อิสราเอลจะได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดจากการสู้รบในฉนวนกาซาภายในเวลาอีกไม่กี่เดือน ประเด็นดังกล่าวจึงทำให้ความตึงเครียดในฝั่งตะวันออกกลางเพิ่มระดับขึ้น และหนุนราคาน้ำมันดิบ Brentวานนี้ ฟื้นตัวกว่า 3% อยู่ที่ระดับ 81.52 เหรียญฯ/บาร์เรล ดังนั้นจึงสร้าง Sentimentเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงกลั่นอย่าง PTT PTTEP TOP SPRC เป็นต้น

สรุป ภาคแรงงานสหรัฐฯยังดูดี ท่ามกลางความตึงเครียดตะวันออกกลาง หนุนน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อ ตามรายละเอียดข้างต้น คาดหนุนให้ SET Index แกว่งทรงตัวในขาขึ้นช่วงสั้น โดยวันนี้คาดกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index ไว้ที่ระดับ 1385 -1400 จุด


เศรษฐกิจจีนเสี่ยงฟื้นตัวช้า อาจสะเทือนถึงบ้านเรา
วานนี้มีรายงานเงินเฟ้อจีนเดือน ม.ค. 67 อยู่ที่ระดับ -0.8%YoY ติดลบสูงกว่าคาดที่-0.5%YoY รวมถึงหดตัวต่อเนื่อง 4 เดือนติดต่อกัน และยังทาจุดต่ำสุดในรอบ 15 ปีนับตั้งแต่ช่วงหลังวิกฤติซับไพรม์ในปี 2552 โดยปัจจัยที่กดดันกหลักๆ มาจากราคาสินค้ากลุ่มอาหารที่ปรับตัวลดลง บวกกับการขยายตัวของภาคบริการชะลอตัวลง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าเศรษฐกิจจีนอาจกาลังเผชิญภาวะเงินฝืด จากการจับจ่ายใช้สอยที่ชะลอตัว และเสี่ยงกดดันให้เศรษฐกิจจีนเสี่ยงฟื้นตัวช้า ซึ่งผลที่กระทบที่ตามมา มีโอกาสส่งผ่านมายังภาคการค้าระหว่างประเทศในบ้านเราได้เช่นกันเฉพาะอย่างยิ่งภาคการส่งออก เนื่องจากจีนถือเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับ 1 ของไทย (ปี 2566) โดยอาจเห็นภาพของการขาดดุลการค้า ทำให้การการขยาตัวเศรษฐกิจไทยบ้านเราหวังพึ่งการเติบโตจากภาคการส่งออกได้ยากขึ้น


ภาคการส่งออกไทยที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบเชิงลบจากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้าทำให้การกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวต่อเนื่องมีทางเลือกน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งอาจต้องจำเป็นต้องพึ่งพิงภาค Consumption เป็นหลัก จึงยิ่งเป็นการบีบให้รัฐบาลเร่งเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ เฉพาะอย่างยิ่งโครงการ Digital Wallet โดยในช่วงต้นสัปดาห์หน้ารอติดตามความคืบหน้ารายละเอียดเพิ่มเติมของโครงการฯ ในการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่

สรุป เศรษฐกิจจีนเสี่ยงฟื้นตัวช้าจากการใช้จ่ายที่ชะลอตัว อาจกระทบเชิงลงต่อภาคการส่งออกในบ้านเรา ทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยมีตัวเลือกน้อยลงเรื่อยและอาจเหลือเพียงทางเลือกเดียวคือภาค Consumption จึงยิ่งกดดันให้รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ เฉพาะอย่างยิ่งโครงการDigital Wallet


ความกังวลเศรษฐกิจชะลอ เริ่มส่งผ่านมาที่กำไรและตลาดหุ้น
วานนี้ SET Index ยังไม่ยอมผ่าน 1400 จุด โดยลดลง -11.42 จุด มาอยู่ที่ 1388.60จุด ส่วนระยะถัดไปประเมินว่ามูลค่าซื้อขายหุ้นไทยอาจจะเบาบางลงในช่วง 1 – 2 วันเพราะตลาดหุ้นต่างชาติ 2 วันต่อจากนี้ ตลาดหุ้นหลายประเทศ โดยเฉพาะในฝั่งเอเชียหยุดซื้อขายหลายตลาด ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยพลอยขาดเม็ดเงินต่างชาติหนุนไปด้วย

นอกจากนี้ความกังวลเศรษฐกิจชะลอ เริ่มส่งผ่านมาที่กำไรบริษัทจดทะเบียนในงวด4Q66 สังเกตได้จากบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่มีการรายงานงบออกมา 17 บริษัทต่ำกว่า Bloomberg คาดไปถึง 13 บริษัท และต่ำกว่าคาดค่อนข้างมาก

อีกทั้งเวลาที่บริษัทจดทะเบียนกำไรต่ำคาด ราคาหุ้นมักจะลงต่อในช่วงระยะ 1 สัปดาห์ถัดมา

ดังนั้นทั้งมูลค่าซื้อขายที่อาจเบาบางลงในช่วงเทศกาลตรุษจีน พร้อมกับแนวโน้มผลประกอบการ 4Q66 ที่ทยอยประกาศออกมา แล้วส่วนใหญ่ต่ำกว่าคาด น่าจะรบกวนและลิมิต Upside ของ SET Index ในช่วงนี้ได้
แม้กำไร 2566 อาจถูกกดดันให้ลดลงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แต่กำไรปี 2567น่าจะมีโอกาสเติบโตได้ดีขึ้น ทั้งจากฐานที่ต่ำ และมุมมองนักเศรษฐศาสตร์ประเมินGDP ปี 2567 เติบโต 2.5% - 4.4% ขณะเดียวกันฝ่ายวิจัยฯ คาดหวังกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2567 มีโอกาสเติบโตได้ถึง 2 หลัก ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนแนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี ESG Rating สูง ที่แนวโน้มกำไรปี 2567 เติบโตเด่น



RESEARCH DIVISION
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

ณภัค ภัทรสุปรีดิ์

: เรียบเรียง โทร : 02-276-5976 อีเมล์ : reporter@hooninside.com ที่มา : สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ไต่เส้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองดูหุ้นไทยไต่เส้น แถว 1370 +/- แบบพยาบามฝ่าด่าน 1380 จุด โดยเช้านี้ พี่ DELTA..

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้