ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงเริ่มฟื้นตัวและต้นทุนปลาทูน่าเริ่มลดลง
เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” จากคาดผ่านจุดต่ำสุดผลประกอบการ 1Q23 แล้ว และคาดกำไร 4Q23F เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง QoQ ผลประกอบการเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้น ประกอบกับบริษัทมีลูกค้ารายใหญ่เข้ามาในช่วงปลาย 4Q23F ในขณะที่อัตรามาร์จิ้นเพิ่มขึ้นจากต้นทุนวัตถุดิบปลาทูน่าเริ่มปรับลดลงและการเคลียร์สต๊อกสินค้าในอเมริกาและยุโรปที่คลี่คลายลง
คาดกำไรธุรกิจหลัก 4Q23F ลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ
เราคาด AAI จะมีกำไรสุทธิ 4Q23F ที่ 132 ล้านบาท (-55% YoY, +12% QoQ) จากคาดรายได้ลดลง YoY จากปีที่ผ่านมาฐานสูง แต่เพิ่มขึ้น QoQ จากการสต๊อกสินค้าเก่าของลูกค้าเก่าเริ่มหมดและบริษัทมีลูกค้ารายใหม่เป็นรายใหญ่กลุ่ม Private Label เพิ่มขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบราคาปลาทูน่าที่เริ่มลดลง โดย 1) รายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงลดลง YoY จากปีที่ผ่านฐานสูงจากการสต๊อกสินค้าล่วงหน้านานจากสถานการณ์การขาดแคลนเรือ แต่เพิ่มขึ้น QoQ จากการเคลียร์สต๊อกสินค้าเริ่มลดลงแล้วและเริ่มกลับมาสั่งออเดอร์เพิ่มขึ้นในกลุ่มลูกค้าสหรัฐฯ และยุโรป สอดคล้องกับภาพรวมอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น 2) ธุรกิจอาหารพร้อมทานปลาทูน่ากระป๋องลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ คาดอัตรามาร์จิ้นลดลง YoY ตามรายได้ที่ลดลง แต่เพิ่มขึ้น QoQ จากสัดส่วนธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีมาร์จิ้นดีกว่ามีรายได้เพิ่มขึ้น สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดเพิ่มขึ้นจากช่วงค่าใช้จ่ายปลายปีที่เพิ่มขึ้น
ยังคงประมาณการผลประกอบการเติบโต 26% (CAGR2y)
แนวโน้มยอดขายใน 1Q24F ยังต้องดูสถานการณ์การขนส่งทางเรือ Red Sea ที่ยังมีปัญหา ส่งผลให้ค่าขนส่งทางเรือเพิ่มขึ้นแต่บริษัทขายสินค้าเป็น FOB ทางคู่ค้าเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เรือหายากมากขึ้นจากระยะเวลาในการขนส่งที่นานมากถึง 2-4 สัปดาห์ โดยปัจจุบัน บริษัทยังไม่เห็นสัญญาณออเดอร์ที่จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากสถานการณ์ดังกล่าว เรายังคงประมาณการเดิมคาดกำไรสุทธิปี 2024F เพิ่มขึ้น +38%YoY จากคาดรายได้ปี 2024F เพิ่มขึ้นได้ 13% YoY โดย แบ่งเป็นกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงสัดส่วน 82% ของรายได้รวม และรายได้อาหารพร้อมทานปลาทูน่ากระป๋องสัดส่วน 17% ของรายได้รวม คาดอัตรามาร์จิ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 15.3% ตามสัดส่วนรายได้และต้นทุนวัตถุดิบที่เริ่มลดลงคาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารใกล้เคียงเดิม
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” คาดผลประกอบการปีนี้กลับมาเติบโตจากสถานการณ์การสั่งสินค้าเริ่มกลับมาปกติ (ยังไม่รวมผลกระทบ Red Sea) ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 4.40 บาท อ้างอิง PER24F 19.2X และคาด Dividend Yield 24F 3% ความเสี่ยง : ยอดรายได้ไม่เป็นไปตามคาด, ภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากภาวะเงินเฟ้อ, ค่าแรงขั้นต่ำที่อาจปรับเพิ่มขึ้นตามภาครัฐฯ