กำไร 3Q23 ดีขึ้นตามคาด, ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงเริ่มฟื้นตัวและต้นทุนปลาทูน่าเริ่มลดลง
เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” จากคาดผ่านจุดต่ำสุดผลประกอบการ 1Q23 แล้ว และกำไร 3Q23 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง QoQ ผลประกอบการเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้น ประกอบกับบริษัทมีลูกค้ารายใหญ่เข้ามาในช่วงปลาย 4Q23F ในขณะที่อัตรามาร์จิ้นเพิ่มขึ้นจากต้นทุนวัตถุดิบปลาทูน่าเริ่มปรับลดลงและการเคลียร์สต๊อกสินค้าในอเมริกาและยุโรปที่คลี่คลายลง
กำไรธุรกิจหลัก 3Q23 ลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ
AAI ประกาศกำไร 3Q23 ที่ 118 ล้านบาท (-39% YoY, +350% QoQ) โดยกำไรจากธุรกิจหลักไม่รวมอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 130 ล้านบาท (-51% YoY และ +22%QoQ) ดีกว่าที่เราและตลาดคาด 10% และ 3% ตามลำดับ จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น QoQ และต้นทุนวัตถุดิบราคาปลาทูน่าที่เริ่มลดลง โดย 1) รายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงลดลง YoY จากปีที่ผ่านฐานสูงจากการสต๊อกสินค้าล่วงหน้านานจากสถานการณ์การขาดแคลนเรือ แต่เพิ่มขึ้น QoQ จากการเคลียร์สต๊อกสินค้าเริ่มลดลงแล้วและเริ่มกลับมาสั่งออเดอร์เพิ่มขึ้นในกลุ่มลูกค้าสหรัฐฯ และยุโรป สอดคล้องกับภาพรวมอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น 2) ธุรกิจอาหารพร้อมทานปลาทูน่ากระป๋องลดลง YoY และ QoQ เนื่องจากราคาปลาทูน่าที่ปรับเพิ่มขึ้น อัตรามาร์จิ้นลดลง YoY ตามรายได้ที่ลดลง แต่เพิ่มขึ้น QoQ จากสัดส่วนธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีมาร์จิ้นดีกว่ามีรายได้เพิ่มขึ้น สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงจากหมดช่วงการโฆษณาสินค้าของบริษัทเอง
ยังคงประมาณการเดิม คาดแนวโน้ม 4Q23F ดีขึ้นต่อเนื่อง QoQ
แนวโน้มยอดขายใน 4Q23F คาดจะเริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง QoQ จากการสต๊อกสินค้าเก่าของลูกค้าเก่าเริ่มหมดและบริษัทมีลูกค้ารายใหม่เป็นรายใหญ่กลุ่ม Private Label เพิ่มขึ้น และแนวโน้มอัตรามาร์จิ้นเริ่มดีขึ้นจากราคาปลาทูน่าเริ่มลดลงจากปริมาณการจับที่ดีขึ้น และหลังจากการห้ามจับปลาโดยใช้เครื่องล่อ (FADs BAN) สิ้นสุดลงในเดือน ก.ย.-ต.ค. เราคงประมาณการเดิมคาดกำไรสุทธิปี 2023-24F -59%YoY และ +38%YoY จากคาดรายได้ปี 2023F ลดลง -26% YoY จากการเคลียร์สต๊อกสินค้าเก่า และปี 2024F กลับมาเป็นปกติเพิ่มขึ้นได้ 12% YoY โดยปี 2023F แบ่งเป็นกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงสัดส่วน 80% ของรายได้รวม และรายได้อาหารพร้อมทานปลาทูน่ากระป๋องสัดส่วน 18% ของรายได้รวม คาดอัตรามาร์จิ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 12.5%-15.3% ตามสัดส่วนรายได้และต้นทุนวัตถุดิบที่เริ่มลดลงตั้งแต่ 2H23F คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารใกล้เคียงเดิม
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากคาดผ่านจุดต่ำสุดในช่วง 1Q23 แล้ว และมองข้ามผลประกอบการไปปีหน้าที่คาดจะกลับเพิ่มขึ้นได้หลังจากสถานการณ์การสั่งสินค้าเริ่มกลับมาปกติ ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 4.40 บาท อ้างอิง PER24F 19.2X และคาด Dividend Yield 24F 3% ความเสี่ยง : ยอดรายได้ไม่เป็นไปตามคาด, ภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากภาวะเงินเฟ้อ, ค่าแรงขั้นต่ำที่อาจปรับเพิ่มขึ้นตามภาครัฐฯ